Monday, December 31, 2012

คนไทย 7 ล้านคนฮิตใช้ FACEBOOK LINE และ WhatsApp อวยพรปีใหม่

คนไทย 7 ล้านคนฮิตใช้ FACEBOOK LINE และ WhatsApp อวยพรปีใหม่
คนไทยฮิตใช้ FACEBOOK LINE และ WhatsApp อวยพรปีใหม่ 56 สูงถึง เกือบ 7 ล้านคน ขณะที่ยอดใช้มือถือเข้าอินเทอร์เน็ตช่วงเคาต์ดาวน์เพิ่มสูงกว่าช่วงปกติถึงเกือบ 3 เท่าตัว... นายปรัธนา ลีลพนัง รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เอไอเอส ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์มือถือเพื่อการส่งความสุข และคำอวยพรแก่กันในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 โดยในเบื้องต้น จากการติดตามข้อมูลช่วงชั่วโมงการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ มีแนวโน้มการใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์เป็นจำนวนมากที่สุด ซึ่งยังคงต้องเฝ้าติดตามข้อมูลจนถึงวันนี้ จึงจะสามารถประเมินการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในปีนี้ คือการใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยม ที่เกิดการใช้งานในช่วงค่ำวันที่ 31 ธ.ค.55 สูงกว่าช่วงเวลาปกติถึง 2.8 เท่า หรือ เกือบ 3 เท่า โดยมีการใช้งาน FACEBOOK มากที่สุด 3,300,000 คน รองลงไปคือ LINE 2,500,000 คน และ WhatsApp 1,000,000 คน อย่างไรก็ตามจากแนวโน้ม พบว่าการส่งข้อความสั้นหรือ SMS และ MMS ยังคงมีปริมาณที่คงตัว ไม่เพิ่มขึ้นและไม่ลดลง แต่มีการใช้งานมากขึ้นในกลุ่มสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการส่งให้ลูกค้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า SMS จะเป็นช่องทางที่ยังมีผู้นิยมใช้เป็นหลักในการส่งข้อความเนื่องจากไม่ต้องมีการตอบรับเป็นเพื่อนเหมือนกับสังคมออนไลน์

โอบามา รับสหรัฐกำลังก้าวสู่ภาวะหน้าผาทางการคลัง

โอบามา รับสหรัฐกำลังก้าวสู่ภาวะหน้าผาทางการคลัง
โลกสะดุ้ง ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยอมรับ สหรัฐฯ กำลังก้าวเข้าสู่ภาวะหน้าผาทางการคลัง หลังทั้งเดโมแครต และรีพับลิกัน ไม่ยอมลดราวาศอก เรื่องมาตรการทางภาษีของฝ่ายตนเอง... ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับว่า สภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการทางเศรษฐกิจได้ทันเวลาเที่ยงคืนวันนี้ (31 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้สหรัฐอเมริกากำลังก้าวเข้าสู่ภาวะหน้าผาทางการคลัง แม้ว่ารองประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะไปเจรจากับฝ่ายสมาชิกวุฒิสภาของพรรคเดโมแครต เพราะทั้งพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน ต่างยืนกรานมาตรการทางภาษี และการลดรายจ่ายตามแนวทางของตนเอง สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ มีกำหนดลงมติในคืนวันจันทร์ (31 ธ.ค.55) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่คืนวันอังคาร (1 ม.ค.56) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นวันหยุด ดังนั้นผลของกฎหมายที่จะหมดอายุลงจะมีผลในเช้าวันพุธ (2 ธ.ค.56)ทั้งนี้ กฎหมายภาษีที่สหรัฐฯ ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น เป็นฉบับที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ลงนามไว้และจะหมดอายุในเวลาเที่ยงคืน ซึ่งจะทำให้ชาวอเมริกันต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นปีละ 2,000 ดอลลาร์ และประธานาธิบดีโอบามา ต้องการขยายมาตรการลดหย่อนภาษีชาวอเมริกันทั้งหมดยกเว้นผู้ที่ฐานะมั่งคั่ง ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 2 ของประชากร

พรปีใหม่คนไทยขอให้ ในหลวง ทรงแข็งแรง การเมืองเลิกทะเลาะ

พรปีใหม่คนไทยขอให้ ในหลวง ทรงแข็งแรง การเมืองเลิกทะเลาะ
“สวนดุสิตโพล” เผยพรปีใหม่ของคนไทยส่วนใหญ่ ขอให้ ในหลวง ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง ส่วนความคาดหวังต่อนักการเมืองอยากให้เลิกทะเลาะเบาะแว้ง หวังให้ นายกฯ ปู เป็นผู้นำที่ดี ตั้งใจทำงาน และ มาร์ค ให้ความร่วมมือรัฐบาลพัฒนาชาติ ปรามรัฐอย่าเห็นแก่พวกพ้อง...เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2556 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อความคาดหวังในปี 2556 พบว่า พรปีใหม่ที่คนไทยอยากขอให้กับประเทศไทย อันดับ 1 ขอให้ในหลวงทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป 51.96% อันดับ 2 ขอให้คนไทยรักใคร่ สามัคคี ไม่ทะเลาะกัน ไม่แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย 26.18% อันดับ 3 ขอให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ ประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจรุ่งเรือง 21.86%ส่วนความคาดหวังต่อนักการเมืองไทย อันดับ 1 เลิกทะเลาะเบาะแว้ง ไม่แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย 60.14% อันดับ 2 เลิกทุจริตคอรัปชัน ไม่นึกถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง มุ่งทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชน 25.56% อันดับ 3 ช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการเมืองไทย ประชาชนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา สามารถพึ่งพาได้ 14.30% ขณะที่ความคาดหวังต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อันดับ 1 เป็นผู้นำที่ดี ตั้งใจทำงาน ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง 49.24% อันดับ 2 นำพาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า แก้ปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 28.41% อันดับ 3 สร้างความสามัคคีปรองดอง /เปลี่ยนการเมืองไทยให้เป็นการเมืองที่ขาวสะอาด 22.35% และความคาดหวังต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้หมดไป 42.21% อันดับ 2 การทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องยุติธรรม 41.33% อันดับ 3 เป็นตัวหลักสำคัญในการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นทางการเมือง 16.46%นอกจากนี้ในส่วนความคาดหวังต่อรัฐบาล อันดับ 1 มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนหรือเห็นแก่พวกพ้อง 40.58% อันดับ 2 บริหารบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกงกิน ยึดหลักคุณธรรมจริยธรรม 37.72% อันดับ 3 นโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรงควรทำให้สำเร็จเป็นรูปธรรมชัดเจน 21.70% และความคาดหวังต่อฝ่ายค้าน อันดับ 1 ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน นำความรู้ความสามารถที่มีมาใช้พัฒนาบ้านเมืองอย่างเต็มที่ เห็นแก่ส่วนรวม 41.27% อันดับ 2 ทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ดี ไม่เล่นเกมการเมือง ไม่ค้านทุกเรื่อง 36.55% อันดับ 3 เป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่ดี ช่วยกันพัฒนาการเมืองไทยให้ดีขึ้น 22.18%

Sunday, December 30, 2012

ขนส่งโคราชเพิ่มเที่ยวรถ ส่ง นทท.กลับเข้ากรุงหลังฉลองปีใหม่

ขนส่งโคราชเพิ่มเที่ยวรถ ส่ง นทท.กลับเข้ากรุงหลังฉลองปีใหม่
ขนส่งโคราชพร้อมส่งกลับ นักท่องเที่ยวเข้ากรุงเทพฯ พรุ่งนี้ (1 ม.ค.) ขอให้ประชาชนจัดสรรเวลาให้ดี รับเป็นห่วงคนทะลักแออัดสถานีจะเกิดความเครียด...เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 31 ธ.ค. นายศิระ บุญธรรมกุล ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงมาตรการการเตรียมพร้อมด้านการให้บริการประชาชนในช่วงการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ และจังหวัดในภาคตะวันออกในวันที่ 1-2 ม.ค.2556 ว่า เราได้เชิญผู้ประกอบการขนส่งที่เป็นรถร่วมของบริษัทขนส่ง จ.นครราชสีมา และนายสถานีของบริษัทขนส่งมาร่วมประชุมหารือในการเตรียมความพร้อมของรถที่จะอำนวยความสะดวกในช่วงขากลับ โดยได้มีการเพิ่มจำนวนเที่ยวรถโดยสารอีกกว่า 50% จากเดิม 200 เที่ยวเป็น 300 เที่ยว พร้อมเดินรถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงส่วนการสำรองรถโดยสารไม่ประจำทางที่นำมาเสริม ขณะนี้ได้รวบรวมรถได้ 80 คัน โดยเฉพาะวันที่ 1-2 ม.ค.2556 เท่าที่ตรวจสอบในช่วงเดินทางกลับภูมิลำเนามีจำนวนมากหลายแสนคน ซึ่งการจราจรสายมิตรภาพ จากนครราชสีมา-สระบุรี และ 304 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี การจราจรจะติดขัดเป็นอย่างมาก แต่จำนวนรถโดยสารที่ใช้เพียงพอแต่ระยะเวลาในการเดินทางหมุนเวียนรถใช้เวลาสูงมากถึง 6-8 ชม. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระหว่างที่ประชาชนรอการโดยสารที่จะเกิดความเครียด เบื่อหน่าย จึงได้มีจัดการแสดงบนเวทีความปลอดภัยขึ้นที่สถานีขนส่งเพื่อให้ผ่อนคลายในระหว่างรอนายศิระ กล่าวต่อว่า เรื่องผู้โดยสารตกค้าง เรายังเชื่อว่าน่าจะไม่มี ทุกคนจะสามารถเดินทางได้ภายในระยะเวลาที่เราคาดการณ์ แต่อาจจะช้าบ้าง ซึ่งขณะนี้ทุกบริษัทคาดการณ์จำนวนเที่ยวที่สามารถเดินรถได้จะจำหน่ายตั๋วตามนั้น แต่หลังจากที่รถในเส้นทางเพิ่มเสริมจำนวนเที่ยวได้ครบแล้ว เราจะจำหน่ายตั๋วไปยังรถโดยสารไม่ประจำทางที่นำมาเสริมบริการในเส้นทาง โดยเฉพาะการเดินทางกลับของประชาชนที่ใช้รถส่วนบุคคลใช้ในเส้นทางมาก ตนอยากขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะพนักงานขับรถโดยสารขนาดใหญ่ ขอความกรุณาให้ทางแก่รถขนาดเล็กด้วย.

นครพนมหนาวสุดรอบปี อุณหภูมิลด 10 องศา

นครพนมหนาวสุดรอบปี อุณหภูมิลด 10 องศา
จ.นครพนมหนาวสุดรอบปี อุณหภูมิลด 10 องศา กระทบชาวบ้านริมโขงขณะชาวบ้านงดออกหาปลาน้ำโขง ส่งผลปลาขาดตลาดช่วงปีใหม่...เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม สภาพอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง โดยในเช้าวันนี้พบว่ามีอุณหภูมิต่ำสุดในรอบปีที่ผ่านมา จากการตรวจวัดอุณหภูมิของสถานีอุตุนิยมวิทยานครพนม พบว่าอุณหภูมิต่ำสุดในช่วงเช้าที่ประมาณ 10 องศาเซลเซียส ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในหลายพื้นที่ประสบภัยหนาว โดยเฉพาะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวริมฝั่งแม่น้ำโขง ต้องผจญกับอากาศหนาวเย็นและลมกระโชกแรง หลายคนต้องออกมาผิงไฟคลายหนาว ขณะเดียวกันได้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่มีอาชีพประมงหาปลาแม่น้ำโขงขาย ต้องงดออกจับปลา เนื่องจากทนสภาพอากาศไม่ไหว ทำให้ขาดรายได้ และทำให้ปลาน้ำโขงขาดตลาด ในช่วงที่ประชาชน ออกมาจับจ่ายซื้อของและอาหารไปฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวมถึงบรรดาร้านอาหารเมนูปลาน้ำโขงขึ้นชื่อ ขาดปลาปรุงอาหารให้ลูกค้า.

คาดใช้เงินคืนภาษีรถคันแรก 89,000 ล้านบาท

คาดใช้เงินคืนภาษีรถคันแรก 89,000 ล้านบาท
รับเอกสารขอคืนภาษีรถคันแรกวันสุดท้าย ถึง 16.30 น. คาดสิ้นสุดโครงการ ตัวเลขทะลุ 1,243,000 คัน รวมยอดเงินที่ต้องใช้ประมาณ 89,000 ล้านบาท มากกว่าประมาณการ 3 เท่าตัว... นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงการยื่นขอคืนภาษีรถคันแรก ซึ่งในวันนี้ (31 ธ.ค.55) จะเป็นวันสุดท้ายนั้น เบื้องต้นคาดว่า ตลอดทั้งวันนี้จะมีผู้ยื่นขอคืนภาษีทั่วประเทศ ไม่เกิน 5,000 คัน โดยวานนี้ (30 ธ.ค.55) มีผู้ยื่นคืนภาษีรถคันแรก 5,000 คันเช่นกัน ทำให้คาดว่า สิ้นสุดโครงการรถคันแรก จะมียอดผู้ขอคืนภาษีรวม 1.25 ล้านคัน ขณะที่ยอดเอกสารเพื่อขอคืนภาษีรถคันแรกทั่วประเทศจนถึงช่วงเช้าวันนี้ มีจำนวนประมาณ 1,243,000 คัน ยอดเงินขอคืนเบื้องต้นกว่า 89,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้กว่า 3 เท่าตัว โดยในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นขอคืนภาษี จะมีการเปิดให้บริการไปจนกระทั่งถึงเวลา 16.30 น.

ฆ่าโหดฟันคอหนุ่มนิรนาม โยนศพทิ้งคลอง

ฆ่าโหดฟันคอหนุ่มนิรนาม โยนศพทิ้งคลอง
คนร้ายฆ่าโหดฟันคอหนุ่มนิรนาม โยนศพทิ้งคลอง บริเวณหัวสะพานคลองปอนด์ จ.ตรัง เจ้าหน้าที่คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ถูกฆาตกรรมจากที่อื่น ก่อนนำศพมาทิ้งเพื่ออำพรางคดี ...เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 30 ธ.ค. 2555 พ.ต.ท.สุนันท์ สังข์สวัสดิ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุพบศพลอยน้ำติดกอไม้ บริเวณหัวสะพานคลองปอนด์ ใกล้วิทยาลัยสารพัดช่างตรัง ห่างจากสี่แยก อตก. ประมาณ 250 เมตร ม.3 ต.บางรัก เขตรอยต่อ ต.นาตาล่วง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยรัตน์ กาญจนเนตร ผกก. พ.ต.ท.ภูมิ บาลทิพย์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.เอกพงษ์ ทั่งจันทร์แดง สว.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง แพทย์เวร รพ.ศูนย์ตรัง นายณัฐพงษ์ เนียมสม นายก อบต.นาตาล่วง นายชลัต สุรินทร์รัตน์ นายก อบต.บางรัก และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุมีชาวบ้านนับร้อยยืนจับกลุ่มมุงดูเหตุการณ์อยู่บนสะพานคลองปอนด์ เจ้าหน้าที่ต้องกันผู้คนออกห่างเพื่อเข้าตรวจสอบ บริเวณด้านล่างสะพานพบศพชายไทยนิรนาม อายุประมาณ 25-30 ปี สภาพนอนหงายลอยขึ้นอืดอยู่ในลำคลอง ส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งไปทั่ว สวมเสื้อยึดแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงฟุตบอลสโมสรเชลซี สีน้ำเงินแถบขาว แพทย์ชันสูตรพลิกศพพบมีบาดแผลฉกรรจ์ โดนฟันด้วยของมีคมที่ลำคอ ดวงตาทั้งสองข้างถลนออกมา ปากกัดลิ้น คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ตรวจบริเวณจุดเกิดเหตุไม่พบหลักฐาน หรือร่องรอยการต่อสู้ ทำร้าย สันนิษฐานว่าน่าจะโดนฆาตกรรมมาจากที่อื่น แล้วนำศพมาทิ้งไว้ใต้สะพานดังกล่าวเพื่ออำพรางคดีพ.ต.อ.ชัยรัตน์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ มีชาวบ้านออกไปหาปลาบริเวณลำคลองดังกล่าว แล้วพบศพลอยขึ้นอืด จึงรีบแจ้ง นายนิมิตร นครราช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.นาตาล่วง ทราบ เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบหาหลักฐาน เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายโดนฆ่ามาจากอื่นแล้วนำศพมาโยนทิ้ง ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ข้างเคียงไม่มีใครรู้จัก และยังไม่ได้รับแจ้งคนหาย ทั้งนี้ ขอฝากถึงพี่น้องประชาชน หากสงสัยว่าเป็นญาติ หรือคนรู้จัก ให้ไปติดต่อขอดูศพได้ที่ รพ.ศูนย์ตรัง.

แลมพ์สองตุง!! สิงห์รั้งที่ 3 พลิกเฉือนท็อฟฟี 2-1

แลมพ์สองตุง!! สิงห์รั้งที่ 3 พลิกเฉือนท็อฟฟี 2-1
สิงโตน้ำเงินครามเชลซี กลับมาอยู่อันดับที่ 3 ของตารางได้สำเร็จ หลังปล่อยให้ท็อฟฟีสีน้ำเงินเอฟเวอร์ตัน ยิงขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ก่อนที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด จะมาเป็นฮีโร่เหมาสองประตูพาทีมพลิกเอาชนะ 2-1...การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2012-13 เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.มีการแข่งขันทั้งหมด 2 คู่ โดยเกมแรกของวันที่ สนาม กูดินสัน ปาร์ค ท็อฟฟีสีน้ำเงินเอฟเวอร์ตัน ทีมอันดับที่ 5 ของตาราง เปิดรังรับการมาเยือนของสิงโตน้ำเงินครามเชลซี ทีมอันดับที่ 4 ของตารางเกมเอฟเวอร์ตันส่ง นิคิชา เยลาวิช กับ วิคเตอร์ อนิเชเบ ลงล่าตาข่าย ขณะที่ มารูยาน เฟลไลนี ห้องเครื่องหัวฟูเนื่องยังต้องใช้โทษแบนต่ออีกนัด ด้าน เชลซี ยังคงมี เฟอร์นันโด ตอร์เรส,ฆวน มาตา และ เอเดน ฮาซาร์ด ลงเป็นตัวบุกทันที่เริ่มการแข่งขันไปเพียงนาทีเศษเจ้าถิ่นก็คว้าประตูขึ้นนำไปอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ฟิล จากิลกา เปิดบอลจากฝั่งขวาให้ วิคตอร์ อนิเชบี โหม่งชนเสาแต่ยังมาเข้าทาง สตีเวน พีนาร์ กดซ้ำไม่เหลือ พา เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำ 1-0น.8 เอฟเวอร์ตัน หวิดจะมีประตูที่สองจากลูกฟรีคิกนอกเขตโทษ นิคิชา เยลาวิช รับหน้าที่สังหารบอลข้ามกำแพงแต่ชนเสาเต็มๆช่วยให้ เชลซี รอดจากการเสียประตูไปอย่างหวุดหวิด และเมื่อมาถึง น.26 ปีเตอร์ เช็ก ก็ต้องออกแรงเซฟจากจังหวะที่ ฟิล จากิลกา เปิดบอลจากกราบขวาแต่แฉลบเท้า แอชลีย์ โคล ไปเข้าทาง ลีออน ออสแมน ได้กดเต็มข้อแต่ถูกนายด่านสิงห์บลูเซฟไว้ได้หลังจากนั้นเพียง 3 นาทีก็เป็นฝั่งของเชลซีที่ได้ลุ้นบ้าง รามิเรส ลากขึ้นมายิงติด จอห์น ไฮติงกา ก่อน ฆวน มาตา จะเข้ามากดดาบสองแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด นายด่านเจ้าถิ่นเซฟได้ สิงห์บลูโหมบุกหนักจนมีลุ้นอีกครั้งใน น.33  มาตา ไหลบอลต่อให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยตา หลุดเข้าไปถึงริมเส้นก่อนจะเปิดกลับเข้ากลางให้ แอชลีย์ โคล ชาร์จแต่ก็พลาดไปอย่างน่าเสียดายแต่เมื่อมาถึงท้ายเกม น.42 แฟนทีมเยือนก็ได้เฮสมใจจากจังหวะที่ เฟอร์นันโด ตอร์เรส พาบอลจี้มาทางขวาก่อนจะจ่ายต่อให้ รามิเรส เปิดเข้าไปกลางประตู แฟรงค์ แลมพาร์ด โขกบอลย้อนเสียบเสาแรกไปอย่างงดงาม ขณะที่ตัวของ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำได้แค่ป้องกันด้วยสายตาเท่านั้น หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน เสมอ เชลซี 1-1กลับมาต่อกันในครึ่งหลัง เชลซี ก็ต้องเปลี่ยนตัวส่ง รอส เทิร์นบูลล์ นายด่านสำรองลงสนามแทน ปีเตอร์ เช็ก ที่มีอาการบาดเจ็บ และใน น.67 สิงห์บลูก็หวิดมีลุ้นประตูจากจังหวะที่ เฟอร์นันโด ตอร์เรส ฉกบอลจากแนวรับเอฟเวอร์ตันเข้าไปยิงเต็มข้อ แต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ปัดได้แต่หลังจากนั้นเพียง 3 นาที เอฟเวอร์ตันก็หวิดจะมีประตู เลห์ตัน เบนส์ เปิดบอลโค้งเข้าหน้าประตูให้ นิคิชา เยลาวิ โหม่งชนคานไปอย่างน่าเสียดายจนมาถึง น.72 ก็เป็นสิงห์ไฮโซที่แซงขึ้นนำจากจังหวะเปิดบอลทางกราบซ้ายลูกเลยมาทางเสาสอง เอเดน ฮาซาร์ด โขกกลับเข้ากลางถูกแนวรับท็อฟฟีเตะสกัดแต่ไปเข้าเท้า มาตา ยิงจังหวะแรกถูก ทิม ฮาวเวิร์ด ปัดออกมาตกตรงหน้า แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงซ้ำไม่เหลือ เชลซี พลิกขึ้นนำ 2-1หลังจากได้ประตูขึ้นนำ เชลซี ก็ปรับแผนเน้นเล่นกลางสนามขณะที่ เอฟเวอร์ตันยังโหมบุกต่อแต่ก็ทำอะไรไม่ได้หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี บุกไปเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1 เก็บสามคะแนนแซง สเปอร์ส ขึ้นมาอยู่ที่ 3 บนตารางอีกครั้งและยังแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด. 

ตร.รวบสาวนิวยอร์ก ผลักเหยื่อให้รถไฟชนดับ อ้างเกลียดฮินดู-มุสลิม

ตร.รวบสาวนิวยอร์ก ผลักเหยื่อให้รถไฟชนดับ อ้างเกลียดฮินดู-มุสลิม
ตำรวจนิวยอร์กจับกุมหญิงคนหนึ่ง ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุผลักชายชาวอินเดียให้รถไฟฟ้าใต้ดินชน จนเสียชีวิต โดยเธอสารภาพว่าทำไปเพราะเกลียดชาวฮินดูและมุสลิม...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ว่า ตำรวจนิวยอร์กจับกุมน.ส.เอริกา เมเนนเดซ วัย 31 ปี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อนเหตุผลักชายคนหนึ่ง จนตกลงไปบนรางรถไฟฟ้าใต้ดิน ทำให้เขาถูกรถไฟชนจนถึงแก่ความตาย โดยเธอสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือ เนื่องจากมีความเกลียดชังต่อชาวฮินดูและมุสลิม จากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมที่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อ 11 ปีก่อนผู้ตกเป็นเหยื่อการลงมือของเมเนนเดซ มีชื่อว่า ซูนานโด เซน ชาวสหรัฐฯสัญชาติอินเดียวัย 46 ปี โดยมีพยานยืนยันว่า เซนกำลังยืนรอรถไฟบนชานชาลาของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินของเทศมณฑลควีนส์ ก่อนที่จะถูกหญิงคนหนึ่งผลักตกลงไปบนรางรถไฟขณะที่รถไฟกำลังแล่นเข้ามาด้านอัยการกล่าวในแถลงการณ์ว่า เมเนนเดซ ผู้อาศัยอยู่ในเทศมณฑลบร็องซ์ ของนครนิวยอร์ก รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือผลักชายคนดังกล่าวจริง ฉันผลักมุสลิมลงไปบนรางรถไฟ เพราะฉันเกลียดชาวฮินดูและมุสลิมมาตลอดตั้งแต่ปี 2001 ที่พวกเขาโจมตีตึกแฝด (เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์) โดยเธอถูกต้องข้อหาฆาตกรรมโดยไม่ได้เจตนาหรือวางแผนไว้ก่อนทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา นายนาอีม เดวิส ก็ถูกจับฐานก่อเหตุฆาตกรรมในลักษณะเดียวกันกับเมเนนเดซ โดยเขาผลักผู้โดยสารรถไฟคนหนึ่งให้รถไฟชน ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไทม์สแควร์

Tuesday, December 25, 2012

ยายขอนแก่นวัย70ถูกราดน้ำมันจุดไฟเผาโหดปางตาย

ยายขอนแก่นวัย70ถูกราดน้ำมันจุดไฟเผาโหดปางตาย
ยายร้านขายของชำวัย 70 ปี ถูกคนร้าย บุกราดน้ำมัน จุดไฟเผาปางตาย เจ้าหน้าที่คาดปมแค้นส่วนตัว กับพยายามชิงทรัพย์เร่งล่าตัววัยรุ่นขาประจำในพื้นที่...เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 25 ธันวาคม 2555 ร.ต.ต.ขจิตพงษ์ ดิษฐเจริญ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ191 ว่า มีเหตุคนร้าย บุกเข้าไปในบ้านแล้วราดน้ำมันเผาเจ้าของบ้านเลขที่ 26/49 ม.4 ชุมชนศรีจันทร์พัฒนา ซอยศรีจันทร์ 19 ถนนศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ภายหลังรับแจ้งจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ ชั้น จากนั้นจึงได้ไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.จรูญ นวมทอง ผกก.สภ.เมืองขอนแก่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนอีกหลายนายเมื่อไปถึงบ้านเกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายของชำชื่อร้านจงเจริญ อยู่ติดถนนภายในซอยคนเจ็บเป็นเจ้าของร้านชื่อ นางไป่ ศรีมะโฮงนาม อายุ 70 ปี ถูกไฟไหม้ตามร่างกาย ญาตินำส่งรพ.ศูนย์ขอนแก่น ก่อนที่ตำรวจจะไปถึง หน้าร้านพบคราบน้ำมัน เศษขวด เศษเสื้อผ้า เส้นผม และกลิ่นน้ำมันคลุ้งไปทั่ว นอกจากนี้ยังพบ ขวดบรรจุน้ำมันก๊าด ใส่ไว้ในลังน้ำดื่ม มีบางส่วนถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนนางจัน ทิวา ศรีมะโฮงนาม อายุ 47 ปี ลูกสะไภ้ของคนเจ็บ ทราบว่า หลังจากรับประทานอาหารเย็น ลูก หลาน ก็แยกย้ายกันพักผ่อน ส่วนนางไป่ได้นั่งขายของต่อเหมือนเช่นทุกวัน ขณะพักผ่อนในห้องนอน หลังร้าน ได้ยินเสียงนางไป่ร้องด้วยความเจ็บปวดและได้ยินเสียงขวดแตก จึงรีบวิ่งออกมาดู เห็นนางไป่ดิ้นทุรนทุรายจากในร้าน ไปนอนฟุบที่ฟุตบาทหน้าร้าน จึงรีบเอาเครื่องดับเพลิงมาฉีด จนไฟดับจึงรีบนำนางไป่ส่งรพ.ทันที ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด สืบสวน ได้สอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้ร้านค้า ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ มีวัยรุ่น นักศึกษา ลูกค้าขาประจำที่ร้าน จำนวน 2 คน ขี่ จยย.จอดหน้าแล้วคนซ้อนท้ายก็เดินไปซื้อของกับนางไป่ ส่วนอีกคนนั่งอยู่ที่รถ ไม่นานก็มีเสียงคล้ายคนเถียงกันแล้วก็มีไฟลุกท่วมตัวนางไป่ ส่วนลูกค้าก็วิ่งไปซ้อนท้ายรถ จยย.ที่เพื่อนรออยู่หนีไภายหลังตรวจที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ไปดุอาการนางไป่ที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น พบแพทย์และพยาบาลกำลังช่วยเหลือนางไป่อย่างเร่งด่วน เนื่องจากถูกไฟไหม้ท่อนบนจนตัวเกรียมอาการสาหัส ไม่สามารถให้การใดๆได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ลูกค้าอาจจะโกรธเคืองนางไป่ เป็นการส่วนตัวหรือพยายามชิงทรัพย์ แต่ถูกนางไป่ขัดขืน จึงได้ใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผา ก่อนหลบหนีไป ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินการตามกฏหมายต่อไป. 

อาเบะว่าที่นายกฯยุ่น จับมือพันธมิตรตั้งรัฐบาลร่วม

อาเบะว่าที่นายกฯยุ่น จับมือพันธมิตรตั้งรัฐบาลร่วม
ชินโซ อาเบะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ตกลงตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคความยุติธรรมใหม่ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ และมีข้อตกลงร่วมกันอีกหลายเรื่อง...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ว่า นายชินโซ อาเบะ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น และนายนัตสึโอะ ยามากุชิ หัวหน้าพรรคความยุติธรรมใหม่ (นิว โคเมโตะ) ตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นอย่างเป็นทางการในวันอังคาร ขณะที่นายอาเบะ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในการประชุมสภาวาระพิเศษวันพุธนี้นายอาเบะและนายยามากุชิยังได้ลงนามในเอกสารความร่วมมือทางนโยบาย และเห็นชอบการรับมือปัญหาเงินเฟ้อของประเทศด้วยการ วางเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณไว้ที่ร้อยละ 2 และออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ให้มากขึ้น ทั้งคู่ยังเห็นชอบเรื่องการอนุมัติงบประมาณสนับสนุนสำหรับปีงบประมาณ 2012 และงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2013 ด้วยนอกจากนี้ พันธมิตรทั้งสองยังหารือกันในเรื่องนโยบายพลังงาน และเห็นด้วยเรื่องการลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ด้วยทั้งนี้คาดว่า นายอาเบะ ซึ่งได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้น และเอาชนะพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น ของนายโยชิฮิโกะ โนดะ ขาดลอดในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. จะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ในการประชุมรัฐสภาวาระพิเศษในวันพุธนี้ (26 ธ.ค.) และเชื่อว่าเขาจะคัดเลือกคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศทันที

บัญญัติชี้ 3 ชนวนเหตุเสี่ยงทำการเมืองปี 56 เปลี่ยนแปลง

บัญญัติชี้ 3 ชนวนเหตุเสี่ยงทำการเมืองปี 56 เปลี่ยนแปลง
บัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรค ปชป. วิเคราะห์การเมืองปี 56 ชี้ 3 ชนวนเหตุเสี่ยงทำการเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง สั่ง ส.ส. ปชป. จับตารัฐทำทุกทางให้ประชามติเข้าเป้า...วันที่ 25 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองปีหน้าว่าจะสุ่มเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงทางการเมือง ตามที่ นายบุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา ที่ได้ทำนายเหตุการณ์การเมืองในปีหน้า จากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ที่เน้นประชานิยม การสร้างภาระหนี้สินต่างๆ ที่อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถึงขั้นอาจจะมีการยุบสภาในช่วงกลางปี หรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง โดยสาเหตุที่สะท้อนให้เห็น 3 เหตุการณ์ คือ 1.การมุ่งประเด็นโยนความผิดเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมในปี 53 ที่ก่อให้เกิดการสูญเสีย 98 ศพ ว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ โดยนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ที่ต้องรับความผิด ทั้งที่รู้ว่าในแง่ของกฎหมายและการต่อสู้คดีในชั้นศาล ไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ที่มีกฎหมายรองรับ แต่รัฐบาลยังใช้เป็นเครื่องมือต่างๆ ออกข่าวผ่านสื่อเพื่อทำลายชื่อเสียง และตีกินพื้นที่ข่าว สร้างความสับสนให้ประชาชนและสังคมต่อ 2. กรณีของ นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมทนายพรรค ที่ถูกประทุษร้ายเอาชีวิตจนบาดเจ็บสาหัส ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังย้อนไปสู่ยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ยึดคติว่า ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ด้วยการข่มขู่ประชาชนต่างๆ นานา และ 3. กรณีปมใหญ่คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลรณรงค์อ้างว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ผ่านมาหลายรัฐบาลก็ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ มาได้โดยตลอด และเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติด้วย ครั้งนี้ จึงเป็นการพิสูจน์คนไทยว่าจะออกมาทำประชามติให้มีการแก้ไขหรือไม่ เพราะรัฐบาลมีพฤติกรรมชัดเจนว่า จะมุ่งทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายบัญญัติ กล่าววิเคราะห์ต่อว่า ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เขาใหญ่ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า คนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นคนเนื้อเดียวกันแล้ว เพราะแกนนำเสื้อแดงบอกให้โหวตวาระ 3 ไปเลย โดยไม่ต้องทำประชามติ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบอกให้ทำประชามติให้ถูกต้องขั้นตอนตามที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด เพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำจะมีคนไปยื่นฟ้องศาล ทำให้เสียเวลาในการกลับบ้าน นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเชื่อว่าจะสามารถระดมเสียง ให้คนออกมาใช้สิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนดคือ เกิน 24.7 ล้านเสียง เพราะถือว่ามีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ที่สุดแล้วก็จะมีการข่มขู่ข้าราชการประจำ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้ว่าราชการ จะต้องเกณฑ์ระดมคนมาให้เกิน 60-70 เปอร์เซ็นต์ ของแต่ละพื้นที่ คือทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ หากไม่เข้าเป้าก็จะมีการโยกย้ายเหมือนกับที่เคยทำมาในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตีแตกข้าราชการ ด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงต่างๆ อีกทั้งยังมีการให้ ส.ส. ในพื้นที่ทุ่มเทสรรพกำลัง ในการระดมคนออกมาทำประชามติ อิงแอบไปกับผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เช่น ถ้าพื้นที่ไหนไม่เข้าเป้า ครั้งหน้าไม่ส่งลงเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นตัวทวีให้เดินไปสู่ความขัดแย้ง จะมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมา รวมตัวกันเหมือนปรากฏการณ์ ม็อบ เสธ.อ้าย ที่ผ่านมา จึงขอให้ ส.ส. และสมาชิกพรรค จับตาการทำประชามติว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร และแจ้งให้พรรคทราบ.

Sunday, December 23, 2012

ฮือฮา! ต้นกล้วย 2 เครือ 1 ปลี แห่ไหว้ขอโชค

ฮือฮา! ต้นกล้วย 2 เครือ 1 ปลี แห่ไหว้ขอโชค
ชาวกำแพงเพชร ฮือฮา! ต้นกล้วยประหลาดมี 2 เครือ 1 หัวปลีในต้นเดียวกัน แห่มากราบไหว้ขอโชคและเลขเด็ดแทงหวยงวดนี้ โดย 1 เครือมีผลกำลังห่าม 6 หวี 55 ลูก และอีก 1 เครือ 7 หวี 14 ลูก ...เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2555 ได้มีชาวบ้านใน อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร  เดินทางมายังบ้านเลขที่ 55 หมู่ 8 บ้านป่าแดงกลาง ต.ถ้ำกระต่ายทอง อ.พรานกระต่าย ซึ่งเป็นบ้านของสองสามีภรรยานายจิตร เนียมนิ่ม อายุ 70 ปี และนางทองมั่น หรือกาหลง เนียมนิ่ม อายุ 66 ปี เพื่อมากราบไหว้ต้นกล้วยน้ำว้าประหลาด ที่ปลูกอยู่ริมรั้วโดยปลายยอดออกผลตามปกติ 1 เครือมีผลกำลังห่าม 6 หวี 55 ลูก แต่บริเวณโคนของต้นกล้วยด้านทิศเหนือ กลับพบหัวปลีแทงโผล่ขึ้นมา 1 หัวยังไม่มีผล และบริเวณโคนต้นกล้วยด้านทิศใต้ มีเครือกล้วยออกผลอยู่ติดกับดินอีก 1 เครือ 7 หวี 14 ลูก สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านซึ่งต่างนำธูปเทียนมากราบไหว้ขอโชคและเลขเด็ด นำมาแทงหวยในงวดประจำวันที่ 30 ธ.ค.ด้านนางทองมั่น บอกว่า ขณะกำลังไปตัดกล้วยเพื่อนำไปบ่ม ได้เหลือบไปเห็นบริเวณโคนต้นกล้วยมีหัวปลีแทงโผล่ขึ้นมา 1 หัวยังไม่มีผล และโคนต้นอีกฝั่งมีเครือกล้วยออกผลอยู่ติดกับดินอีก 1 เครือ 7 หวี 14 ลูก สร้างความประหลาดใจให้ตนเองกับสามีเป็นอย่างมาก จึงไม่กล้าตัดต้นกล้วยดังกล่าว โดยตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน มีแต่เห็นหัวปลีออกปลายยอด หรือออกกลางลำต้นเท่านั้น จึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านได้ทราบจนข่าวแพร่กระจายออกไป.

นายก อบจ.เชียงใหม่จี้ออก กม.ห้ามขายเหล้าทางเท้า

นายก อบจ.เชียงใหม่จี้ออก กม.ห้ามขายเหล้าทางเท้า
ผู้บริหารท้องถิ่น-สมาพันธ์ท่องเที่ยว จี้รัฐ ออก ก.ม.ห้ามขายเหล้าทางเท้า ชี้ ไม่ซ้ำซ้อนกำกวม เหตุพ.ร.บ.ความสะอาดฯ มีจุดผ่อนผันเปิดช่อง ย้ำมาตรการนี้ ไม่ได้กลั่นแกล้งใครวันที่ 23 ธ.ค. นายบุญเลิศ  บูรณุปกรณ์  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่  กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ประดิษฐ  สินธวณรงค์  รมว.สาธารณสุข  ระบุว่า ไม่สามารถประชุมคณะกรรมการ นโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อพิจารณาประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่ หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางเท้าได้ และมีแนวโน้มว่า กฎหมายตัวนี้ จะไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเกรงว่า จะซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นๆ ว่า ในภาพรวม หากสามารถบังคับใช้กฎหมายนี้ได้ จะเป็นเรื่องดี ในการป้องปราม ไม่ให้มีการขาย หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนทางสาธารณะได้ง่าย และไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งผู้มีรายได้น้อย หรือไปซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นแต่อย่างใดทั้งนี้ ทราบกันดีว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยของปัญหาสังคม หากมีการควบคุม ปัญหาดังกล่าวจะลดลงได้ ยกตัวอย่าง จากจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมากหากนำกฎหมายฉบับนี้เข้ามาบังคับใช้จะควบคุมได้มากนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า  การที่พื้นที่ทางเท้าหรือริมทาง กลายเป็นสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผลต่อสังคมมาก เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นของนักดื่มหน้าใหม่ และง่ายต่อการชวนกันมานั่งดื่ม จากนั้นปัญหาอื่นๆ ก็ตามมาเป็นลูกโซ่ ทั้งเรื่อง อุบัติเหตุ สุขภาพอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เรามีกฎหมายห้ามขายในวัด โรงเรียน  ชัดเจน แต่บนทางเท้าไม่มี ซึ่งหากเร่งบังคับใช้หลังจากนี้ก็เชื่อว่าจะส่งผลดี ช่วยสังคมลดปริมาณอุบัติเหตุ และรัฐมนตรีสาธารณสุขควรเปิดรับฟังความคิดเห็นพูดคุยร่วมกับภาคเครือข่ายประชาสังคมด้วย“เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ ต้องทำความเข้าใจกับสังคมว่ากฎหมายนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งร่างกฎหมายเห็นได้ชัดเจนว่ามีการพยายามยื้อกันอยู่ เรื่องจึงติดขัด รัฐมนตรีสาธารณสุข อาจถูกกดดัน ทำให้ต้องชะลอ หรือต้องนำเนื้อหาไปปรับปรุง การระบุว่า สามารถใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้ว หรือเกรงว่าจะซ้ำซ้อน กำกวม กับกฎหมายตัวอื่น กฎหมายห้ามขายเหล้าบนทางนั้นหากมีผลออกมา ก็จะไม่เป็นกฎหมายที่ซ้ำซ้อน เพราะหากจะพูดถึง  พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียกร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535  บริเวณฟุตบาทเอง ก็มีจุดผ่อนผัน ประเด็นสำคัญคือ เราต้องคุมเข้มทั้งสองจุดนั้นไม่ให้มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถที่จะทำได้ และจะยิ่งรัดกุมมากขึ้น  ซึ่งไม่ใช่มาระบุว่า การออกกฎหมายนี้จะซ้ำซ้อน กำกวม เพราะเป็นกฎหมายคนละตัวกัน” นายสุรพล  กล่าวนายกเทศมนตรีเมืองน่าน  กล่าวว่า เพื่อผลประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ตนอยากให้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ พิจารณาเรื่องนี้ให้รัดกุม รับฟังข้อมูลจากคนทำงาน และควรมานั่งควบคุมดูแลด้วยตัวเอง ไม่ควรมอบหมายให้ใครมาทำหน้าที่แทน  และเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันทั้งสังคม สื่อประเด็นออกไปสู่สาธารณะให้มากที่สุด อย่าให้เรื่องนี้ตกอยู่ในมือของคนที่มองไม่เห็นปัญหา แม้ปีใหม่นี้จะไม่ทันแต่ต้องคิดไปถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลต่างๆอย่างไรก็ตาม กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงวัฒนธรรรม หนึ่งในกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติควรมีมุมมองเดียวกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วมันจะส่งผลดีและเป็นประโยชน์กับสังคมโดยรวมขณะที่นายสุรพล กำพลานนท์วัฒน์ นายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของมุมมอง ถ้าคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้เลย ทั้งๆ ที่เรื่องการออกกฎหมายห้ามขายเหล้าบนทางเป็นเรื่องที่ดี ในอดีตเราไม่เคยมีการรณรงค์ห้ามขายเหล้าในเทศกาล แต่เมื่อได้ทำก็เกิดสิ่งที่ดีขึ้น เมืองไทยมีวัฒนธรรมทีดีงาม บริเวณทางเท้าก็ถือเป็นจุดหนึ่งในสังคม ที่จะแสดงให้เห็นภาพลักษณ์“ทุกวันนี้ภาคส่วนต่างๆ มีการรณรงค์ผลกระทบที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งในระดับผู้ใหญ่ก็ต้องยอมรับว่าทำเพื่อลูกหลานในวันข้างหน้า ต้องเห็นว่าอันไหนที่เป็นประโยชน์ต้องรีบทำ ทุกวันนี้งานหาดใหญ่ทุกงาน เรามีสโลแกนพ่วงท้าย ว่าไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญมาก ที่ต้องรับผิดชอบกับสังคม และเป็นผลดีกับผู้ค้ารายย่อยด้วยซ้ำเพราะเขาขายอาหารได้มากกว่า กำไรดีกว่า ขายน้ำเมา คนรายได้น้อยไม่ควรเสียเงินกับน้ำเมา และไม่เมากลับไปทุบตีลูกเมียด้วย ต่างจากหลายปีที่ผ่านมา หาดใหญ่ เคยมีงานอีเวนต์ ลานเบียร์ ตามเทศกาลต่างๆ ซึ่งมีผลสะท้อน และผลกระทบรอบด้านชัดเจน และบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่เคยออกมารับผิดชอบเลย” นายสุรพล กล่าว  นายสุรพล กล่าวอีกว่า เรื่องการออกกฎหมายห้ามขายเหล้าบนทางเท้านี้  ถ้าเรามัวแต่มานั่งรอผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือราชการ มันต้องใช้ระยะเวลายาวนานมาก กว่าจะมีผลบังคับใช้ เรื่องเร่งด่วนที่สุดในขณะที่เราต้องทำก็คือ  ทั้งเครือข่าย บุคคล นักกิจกรรมทั่วประเทศ  ที่ทำงานขับเคลื่อนเรื่องนี้ ต้องช่วยกันออกมาแสดงความคิดเห็น สะท้อนเสียงประเด็นนี้ ให้เร็วที่สุด ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการทั้งหมดควรใช้พลังสังคมเข้ามาช่วย หากพลังสังคมเข้มแข็ง นักการเมืองก็ต้องฟัง.

ปชป.บี้ รัฐ-ตร. เร่งคดี ราเมศ ดักคออย่าปล่อยเงียบ

ปชป.บี้ รัฐ-ตร. เร่งคดี ราเมศ ดักคออย่าปล่อยเงียบ
ปชป.บี้ รัฐ-ตร. เร่ง คดีราเมศ ผ่าน 1 อาทิตย์ ไม่คืบ หลังครบ 1 สัปดาห์ ลั่น พร้อมทวงความยุติธรรม ดักคอ อย่าเป่าคดีหายวันที่ 23 ธ.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงตั้งข้อสังเกตหลัง นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส และจะครบ 1 สัปดาห์ในวันที่ 24 ธ.ค.ว่า จนถึงขณะนี้ การดำเนินการหาตัวผู้กระทำความผิด ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่สามารถทำให้เกิดความไว้วางใจได้ และยังไม่มั่นใจว่า จะแสวงหาความยุติธรรม จนสามารถนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องไม่มองว่า เรื่องนี้เป็นคดีอาญาทั่วไป เพราะ นายราเมศ เป็นทีมกฎหมายคนสำคัญของพรรค เป็นรองโฆษก มีความเชื่อมโยงกับคดีความทางการเมืองต่าง ๆ จะบอกว่า เป็นคดีอาญาทั่วไปคงไม่ได้ โดยรัฐบาลต้องแสดงความจริงใจ ด้วยการแสดงออกในการดำเนินการ เพื่อให้ความเป็น ธรรมกับผู้เสียหายมากกว่านี้ และหามาตรการ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก อย่าให้เรื่องของนายราเมศเงียบหายไป เพื่อความเป็นธรรมรัฐบาล เจ้าหน้าที่ต้องหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ และขอบอกว่า นายราเมศ ไม่ใช่ตัวคนเดียว มีพรรคมีพวก มีผู้สนับสนุนการทำงาน ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ย่อมมีผู้ให้กำลังใจตั้ง หากเกิดความไม่เป็นธรรมก็เชื่อว่า มีคนพร้อมที่จะออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับ นายราเมศ ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งจับคนผิดให้ได้” นายองอาจ กล่าว.

Saturday, December 22, 2012

แบร์รีโขกทดเจ็บ เรือแสบเฉือนเรดดิง1-0 จี้ผี 3 แต้ม

แบร์รีโขกทดเจ็บ เรือแสบเฉือนเรดดิง1-0 จี้ผี 3 แต้ม
เรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขยับคะแนนไล่จี้จ่าฝูงขึ้นมาเหลือ 3 แต้ม หลัง แกเร็ธ แบร์รี โขกประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บช่วยทีมเปิดบ้านเอาชนะเดอะ รอยัลส์ เรดดิง ไป 1-0...ศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2012-13 เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค. โปรแกรมในช่วง 20.00 น. คู่ที่น่าสนใจอยู่ที่ สนาม เอติฮัด สเตเดียม เรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูง เปิดบ้านรับการมาเยือนของเดอะ รอยัลส์ เรดดิง ทีมจากท้ายตารางเรือใบสีฟ้า ภายใต้การนำของ โรแบร์โต มันชินี  ขาด แวงซองต์ กอมปานี ตัวหลักในเกมรับเนื่องจากปัญหาบาดเจ็บเช่นเดียวกับ มาริโอ บาโลเตลลี ที่มีอาการป่วย ขณะที่แดนกลางได้ แกเร็ธ แบร์รี กลับมาลงสนามอีกครั้งหลังพ้นโทษแบน เริ่มการแข่งขันทีมเจ้าถิ่นก็เปิดฉากบุกหนักจนได้ลุ้นขึ้นนำตั้งแต่ 11 นาทีแรกในจังหวะที่ ดาบิด ซิลบา เปิดยัดเข้ากลางให้ เซร์คิโอ อเกวโร วอลเลย์แต่หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดายหลังจากนั้นเพียง 4 นาที เจ้าถิ่นก็ได้โอกาสทองอีกครั้งโดยคราวนี้เป็น อเกวโร ที่แตะบอลต่อให้ คาร์ลอส เตเบซ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงติดขา อดัม เฟเดริชี นายด่านเรดดิง ก่อนจะมีโอกาสได้ซ้ำอีกครั้งแต่ก็ออกหลังน.34 เรือใบได้จังหวะจบสกอร์เน้นๆ คาร์ลอส เตเบซ เปิดบอลจากด้านขวาให้ แกเร็ธ แบร์รี โขกเข้ากลางประตูถูก อดัม เฟเดริชี เซฟไว้ได้สบาย หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก แมนฯซิตี้ เสมอ เรดดิง อยู่ 0-0กลับมาต่อในครึ่งหลังแมนฯซิตี้ยังคงครองเกมบุกแต่ก็จบไม่มีจังหวะจบสกอร์ที่ชัดเจนและในที่สุด น.58 มันชินี ต้องตัดสินใจส่ง เอดิน เซโก ลงแทน ฆาบี การ์เซีย และ น.65 เจ้าถิ่นก็มีลุ้นจากลูกเตะมุมฝั่งขวา คาร์ลอส เตเบซ เปิดบอลเข้าไปหน้าประตู เอดิน เชโก ขึ้นโขกแต่ก็เฉียดคานออกหลังผ่านมาถึง น.70 ฝั่งของ เรดดิง มีการขยับส่ง แดนนี กัธรี ลงมาแทน เจม คารากัน และอีก 4 นาทีถัดมา แมนฯซิตี้ ก็ส่ง สกอตต์ ซินแคลร์ ลงแทน คาร์ลอส เตเบซเกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอจนกระทั้งช่วงทดเวลาบาดเจ็บแฟนเจ้าถิ่นก็ได้เฮทั้งสนาม ดาบิด ซิลบา ได้บอลหลุดขึ้นมาทางด้านขวาก่อนจะเปิดเข้าไปหน้าประตู แกเร็ธ แบร์รี ค้ำแนวรับเรดดิง ขึ้นโขกส่งบอลตุงตาข่าย หมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ เรดดิง ไป 1-0 เก็บสามแต้มไล่จี้ แมนฯยูไนเต็ด ที่นำเป็นจ่าฝูงอยู่ 3 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 1 นัดผลคู่อื่น ทอตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ สโต็ค ซิตี้ 0-0 นิวคาสเซิล ชนะ ควีนส์ปาร์ค 1-0 เซาธ์แฮมป์ตัน พ่าย ซันเดอร์แลนด์ 0-1 เวสต์บรอมวิช ชนะ นอริช 2-1 เวสต์แฮม พ่าย เอฟเวอร์ตัน 1-2.

แพ้แต่ได้ใจ เชเฟอร์ ชมแข้งไทยทำเต็มที่แล้ว

แพ้แต่ได้ใจ เชเฟอร์ ชมแข้งไทยทำเต็มที่แล้ว
โค้ชวินนี่ วินฟรีด เชเฟอร์ ชื่นชมนักเตะทีมชาติไทย พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แม้จะพลาดแชมป์​ ฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2012 แต่แอบเสียดาย ลูกทีมไร้โชคพลาดได้ประตูที่ 2 ของเกม...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 22 ธ.ค.ว่า วินนี่ วินฟรีด เชเฟอร์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชื่นชมแข้ง ช้างศึก ทำผลงานอย่างเต็มที่ แม้สุดท้ายจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ สิงคโปร์ ชวดแชมป์ ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ไปอย่างน่าเสียดาย ทีมไทย เปิดบ้าน เอาชนะ สิงคโปร์ 1-0 จาก ประตูของ กีรติ เขียวสมบัติ ในเกมรอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่เมื่อรวมสกอร์ 2 นัด ปรากฏว่า นักเตะ ลอดช่อง ซึ่งชนะมาในนัดแรก 3-1 เป็นฝ่ายคว้าชัยไป 3-2 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง เป็นสมัยที่ 4 หลังเกม เชเฟอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ผมขอแสดงความยินดีกับ สิงคโปร์ และ รวมถึงทีมของผมด้วย ทุกคนเล่นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ และ ทุ่มเทอย่างสุดกำลังของตัวเอง แต่มันยังไม่พอ เราน่าจะมีโชคนิดๆ ที่จะได้ประตูที่สอง แต่ฟุตบอลก็เป็นแบบนี้ แต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็ทำอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว สำหรับ สิงคโปร์ กลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์นี้ มากที่สุด 4 สมัย ได้แก่ ปี 1998, 2004, 2007 และ 2012 ซึ่ง ใน 3 สมัยหลัง เป็นผลงานจากการคุมทัพของ ราดอจโก อัฟราโมวิช กุนซือชาวเซิร์บ ซึ่งประกาศลาตำแหน่งไปแล้ว หลังปิดฉากการแข่งขัน.

รองโฆษกปชป. บี้นายกฯปลดปลอดประสพ เซ่นพิษทุจริตส่งออกเสือ

รองโฆษกปชป. บี้นายกฯปลดปลอดประสพ เซ่นพิษทุจริตส่งออกเสือ
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ บี้ ยิ่งลักษณ์ ปรับ ปลอด พ้นรมต. หวั่นติดนิสัยใช้งบน้ำท่วม 3.5 แสนล้าน ไม่โปร่งใส...เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากกรณีอัยการส่งฟ้องศาลอาญา กรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ทุจริตการส่งออกเสือโคร่งเบงกอลไปประเทศจีน โดยมิได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทุจริตต่อหน้าที่ ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ถือเป็นความรับผิดชอบของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะต้องตัดสินใจเฉือนเนื้อร้ายออกไปจากครม.ไม่เช่นนั้นจะเกิดข้อครหา เกิดความไม่เชื่อมั่น ซ้ำเติมความไร้ความสามารถในงานบริหารงานที่นายกรัฐมนตรีบกพร่องมาตลอด 1 ปีน.ส.มัลลิกา กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังไม่มีจุดยืนหรือแสดงความชัดเจนเกี่ยวกับกรณีนี้ จึงขอเตือนว่า ถ้ายังปล่อยให้คนทุจริตคอรัปชันมีหลักฐานถึงขั้นสั่งฟ้องได้คาอยู่ในตำแหน่งต่อไป นางสาวยิ่งลักษณ์ตกที่นั่งลำบากเข้าลักษณะเตี้ยอุ้มค่อม เพราะนายกรัฐมนตรีก็มีความสามารถน้อยอยู่แล้ว การตีมึนไม่ใส่ใจกระแสสังคมและนโยบายหลักที่ตัวให้ไว้ถือเป็นความไร้รับผิด ชอบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้นายปลอดประสพดำรงตำแหน่งถึงรองนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ดูแลงบประมาณจำนวนมากในการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท จะบริหารต่อไปท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยเรื่องความโปร่งใสไม่ได้ ไม่มีใครไว้วางใจว่าจะไม่ติดนิสัยจากกรณีเสือโคร่งมาทำกับงบประมาณแผ่นดิน กระตุกสำนึกนายกฯ หยุดคอรัปชันวันที่ 18 ส.ค.นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานประกาศแนวทางการต่อต้านการทุจริตคอรัปชัน สร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย ร่วมกันหยุดคอรัปชัน ประกาศขอความร่วมมือประชาชนและทุกภาคส่วน ดังนั้นประชาชนและทุกภาคส่วนควรได้รับความร่วมมือจากนายกรัฐมนตรีเช่นกัน น.ส.มัลลิกา กล่าว

Friday, December 21, 2012

เพลิงไหม้โหมไอทีแกรนด์บางแคร่วม1ชม.จนท.หวั่นอาคารทรุด(ชมคลิป)

เพลิงไหม้โหมไอทีแกรนด์บางแคร่วม1ชม.จนท.หวั่นอาคารทรุด(ชมคลิป)
เพลิงไหม้ ศูนย์การค้า ไอที แกรนด์ บางแค เจ้าหน้าที่ปิดการจราจรโดยรอบพร้อมระดมรถดับเพลิงเข้าที่เกิดเหตุแล้วแต่เพลิงยังไม่สงบ ขณะมีรายงานพบการทรุดตัวของอาคารบางส่วนด้วยเช่นกัน...เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น.วันที่ 21 ธ.ค.2555 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณ ชั้น 3 ของห้าง ไอที แกรนด์ บางแค ถนนเพชรเกษม ท้องที่รับผิดชอบ สน.หลักสอง เบื้องต้นรับแจ้งต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณชั้น 3 ใกล้ป้ายโฆษณาที่ติดอยู่ข้างตัวอาคาร ขณะที่มีรายงานเบื้องต้นพบผู้ขอความช่วยเหลือบริเวณทางออกด้านหลังอาคารต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 22.10 น. มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าถึงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยได้เริ่มใช้น้ำแล้วบางส่วน ขณะที่การเข้าพื้นที่เพื่อดับเพลิงยังทำได้ความยากลำบากเนื่องจากตัวอาคารตั้งอยู่ในพื้นที่คับแคบ รถน้ำไม่สามารถเข้าถึงได้รอบตัวอาคาร เจ้าหน้าที่ต้องใช้การลากสายดับเพลิงเข้าในตัวอาคารจากด้านล่างแทนขณะที่เมื่อเวลาประมาณ 22.35 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุอาสาสมัครป่อเต็กตึ๊งรายงานสภาพตัวอาคารหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ไปแล้วกว่า 30 นาที โดยมีรายงานเบื้องต้นว่าพบเห็นการทรุดตัวของอาคารบริเวณด้านหลังทำให้ต้องใช้ความระวัดระวังเพิ่มมากขึ้นในการเข้าดับเพลิงและค้นหาผู้ที่ติดอยู่ภายในตัวอาคารอย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 22.48 น.มีรายงานเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ที่ประสานงานในที่เกิดเหตุว่าได้รบการแจ้งให้ถอนกำลังบางส่วนจากบริเวณที่เกิดเหตุ เนื่องจากภายในอาคารดังกล่าวมีถังแก๊สหุงต้มขนาด 5 ตันติดตั้งไว้ ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้หากระเบิดขึ้น ต่อมาจากการตรวจสอบเพ่มเติมทราบว่าในที่เกิดเหตุมีเพียงร้านค้าขายแก๊สหุงต้มที่อยู่บริเวณข้างเคียงเท่านั้น ซึ่งเพลิงยังไม่ลุกลามไปถึงแต่อย่างใดนอกจากนี้ทางด้านการจราจรนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจาก สน.หลักสอง ปิดการจราจรบริเวณใกล้เคียงแล้ว โดยในถนนเพชรเกษมขาออก เจ้าหน้าที่ปิดการจราจรตั้งแต่แยกบางแค ขณะที่ด้านขาเข้า เจ้าหน้าที่ห้ามรถทุกชนิดผ่านตั้งแต่แยกพุทธมณฑลสาย 1 .ชมคลิป เครดิตวีดีโอ คุณ วรยศ คำลือ

บอร์ด รฟม.ลุยรถไฟฟ้าสีเขียวประกวดราคาต้นปีหน้า

บอร์ด รฟม.ลุยรถไฟฟ้าสีเขียวประกวดราคาต้นปีหน้า
บอร์ด รฟม. ไฟเขียวประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท คาดประกวดราคาได้ต้นปีหน้า ส่วนแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี ยึดตามแผนเดิม ขณะที่ผลประกอบการปี 55 ขาดทุนสะสม 3.5 หมื่นล้าน... เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2555 น.ส.รัชนี ตรีพิพัฒน์กุล ประธานกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ รฟม.ได้มีมติอนุมัติดำเนินการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 19 กม. วงเงิน 26,569 ล้านบาท แบ่งการประกวดราคาออกเป็น 4 สัญญา คือ 1.งานโยธาช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กม. วงเงิน 16,443 ล้านบาท 2.งานโยธาช่วงสะพานใหม่-คูคต ระยทาง 7 กม. วงเงิน 6,115 ล้านบาท 3.ศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ วงเงิน 3,638 ล้านบาท และ 4.ระบบราง วงเงิน 2,609 ล้านบาททั้งนี้ รฟม.จะเสนอเรื่องให้กระทรวงคมนาคม และ ครม.พิจารณาอนุมัติดำเนินการต่อไป คาดว่าต้นปี 2556 จะสามารถเปิดประกวดราคาได้ ซึ่งเดิมโครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก ครม.ให้ดำเนินการช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ แต่จากการพิจารณาแล้วเห็นว่าการต่อขยายไปถึงคูคตจะเกิดประโยชน์ จึงจะได้เสนอให้ดำเนินการไปพร้อมกัน            นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. มูลค่า 58,624 ล้านบาท โดยยึดตามแนวเส้นทางเดิมคือ เริ่มต้นจากใกล้ทางแยกแคราย ไปตามถนนติวานนท์เข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะที่ห้าแยกปากเกร็ด ผ่านเมืองทองธานี ผ่านศูนย์ราชการแห่งใหม่ ผ่านแยกหลักสี่ ข้ามถนนวิภาวดีและพหลโยธิน และวิ่งไปตามถนนรามอินทราถึงทางแยกมีนบุรี วิ่งเข้าสู่มีนบุรีตามแนวถนนสีหบุรานุกิจ จนถึงสะพานข้ามคลองสามวา และเลี้ยวขวาข้ามคลองแสนแสบและข้ามถนนรามคำแหง มีสถานีปลายทางที่บริเวณใกล้แยกถนนรามคำแหงร่มเกล้า โดยก่อนหน้านี้มีการเสนอให้แนวเส้นทางเข้าไปในเมืองทองธานี รวมทั้งไม่ผ่านตลาดมีนบุรี ไปตามแนวเส้นทางสุวินทวงศ์แทน แต่คณะกรรมการพิจารณาแล้วว่า เส้นทางเดิม ซึ่งเป็นเส้นทางตามแผนแม่บทดีที่สุด แต่ให้ไปศึกษาจัดทำระบบฟีดเดอร์จากบริเวณดังกล่าวมาเชื่อมกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผลประกอบการปี 2555 รฟม.ขาดทุนสะสมประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้หัวหน้าการเงินไปวางแผนการบริหารหนี้สินที่มีอยู่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสกุลเยน เพื่อลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยเมื่อปี 2554 รฟม.ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 1 หมื่นล้านบาท.

เพลิงไหม้ไอทีแกรนด์บางแคใกล้สงบหวั่นอาคารทรุด

เพลิงไหม้ไอทีแกรนด์บางแคใกล้สงบหวั่นอาคารทรุด
เหตุเพลิงไหม้ ไอที แกรนด์ บางแค ใกล้สงบ เจ้าหน้าที่คุมเพลิงได้ในวงจำกัด ขณะยังหวั่นอาคารอาจทรุดตัว เฝ้าระวังต่อเนื่อง...ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ ศูนย์การค้าไอทีแกรนด์ บางแค หลังจากที่เกิดเหตุตั้งแต่เวลาประมาณ 21.50 น.ของวันที่ 21 ธ.ค.2555 ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 23.50 น. มีรายงานจากศูนย์วิทยุมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งแจ้งว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว ที่เกิดเหตุเหลือเพียงกลุ่มควันและแสงเพลิงเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายจาตุรงค์ ผ่องลำเจียก ผอ.เขตบางแค ที่เดินทางมาในที่เกิดเหตุ ระบุว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นที่เกิดเหตุนั้นพบว่าต้นเพลิงอยู่ที่บริเวณ ชั้น6 ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ในการผลิตกางเกงชั้นใน โดยบริเวณดังกล่าวคาดว่าจะมีวัสดุที่เป็นเชื้อไฟค่อนข้างลุกหนักมาก เพลิงจึงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ส่วนกรณีที่วิตกเรื่องของการทรุดตัวของอาคารนั้น เท่าที่ทราบขณะเกิดเหตุยังไม่มีรายงานการถล่มของส่วนใดๆของตัวอาคาร แต่ได้ให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่เนื่องจากแม้ยังไม่มีการถล่ม หรือทรุดตัวของอาคาร แต่ก็มีรายงานที่บ่งชี้ว่าเป็นสัญญาณการบิดตัวของอาคารอยู่บ้างแล้วทางด้านศูนย์วิทยุพระราม ที่อำนวยการดับเพลิง แจ้งประชาสัมพันธ์เมื่อเวลา 23.23 น.โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่หยุดการใช้น้ำภายในตัวอาคาร เบื้องต้นคาดว่าอาจวิตกกังวลเรื่องของปริมาณน้ำที่ฉีดภายในตัวอาคารอาจสร้างน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นจนอาจเกิดอันตรายได้ โดยได้เปลี่ยนวิธีการเป็นการใช้น้ำฉีดจากด้านบนอาคารโดยใช้รถกระเช้าที่เพิ่งเดินทางมาถึงแทน นอกจากนี้ให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำจากด้านข้างอาคารแทนการเข้าดับไฟในตัวอาคาร กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 23.40 น. ศูนย์วิทยุมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจ้งอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยให้ออกจากตัวอาคาร เนื่องจากพบเศษปูนร่วงหล่นจากเพดานและผนังภายใน ก่อนที่จะสามารถควบคุมเพลิงในวงจำกัดได้เมื่อเวลาประมาณ 23.50 น. โดยยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด.

Thursday, December 20, 2012

ชัชชาติเล็งพัฒนาอุตฯการบินไทยสู่ฮับในภูมิภาค

ชัชชาติเล็งพัฒนาอุตฯการบินไทยสู่ฮับในภูมิภาค
คมนาคม ตั้งคณะกรรมการ 3 ชุด วางแผนแม่บทพัฒนานิคมอุตฯ การบิน คาดแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน หวังชิงส่วนแบ่งตลาดมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ชูจุดเด่นด้านทำเล แรงงานมีฝีมือ สั่งการบินพลเรือนหาพื้นที่ทำนิคมร่วมกับ กนอ.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย ภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมการบิน ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาครวม 3 ชุด ได้แก่ 1. คณะกรรมการศึกษาวางแผนแม่บทในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน มีบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบ โดยว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเป็นผู้วางแผน 2. คณะกรรมการวางแผนการพัฒนาบุคคลด้านการบิน สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) เป็นผู้รับผิดชอบ และ 3. คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสนับสนุนให้เอกชนไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตเครื่องบิน เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องบิน เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย โดยให้คณะกรรมการทั้ง 3 ชุด เสนอรายละเอียดแผนงานภายใน 2 เดือน หรือเดือน -ก.พ.2556 สำหรับมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกคิดเป็นเงินกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท และมีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 3.9% ขณะที่อุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชียมีอัตราการเติบโตที่ 5.7 % แต่ไทยมีส่วนแบ่งจากอุตสาหกรรมดังกล่าวปีละ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ทำให้เห็นโอกาสที่จะเข้าไปมีส่วนแบ่งตลาด โดยชูจุดเด่นเรื่องของทำเลที่ตั้งของประเทศ แรงงานมีฝีมือ และต้นทุนรวมต่ำ โดยเบื้องต้นจะพัฒนาเป็นศูนย์ซ่อมขนาดใหญ่ และศูนย์ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องบินส่วนการพัฒนาบุคลากรด้านการบินนั้น พบว่า ตลาดมีความต้องการบุคลากรด้านนี้อีก 2 แสนคน ใน 10 ปีข้างหน้า หากไทยเตรียมความพร้อมการฝึกบุคลากรจะดึงรายได้เข้าประเทศได้ เช่น กรณีฝึกนักบิน 1 คน ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท หากไทยฝึกนักบิน 1 แสนคน ก็จะมีรายได้ประมาณ 2 แสนล้านบาท ขณะที่การฝึกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และพนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศไทยสามารถให้การฝึกอบรมได้ เบื้องต้นทราบว่า ประเทศคู่แข่งที่มีศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบิน คือ ประเทศอินเดีย และจีน แต่อินเดียมีปัญหาเรื่องความล่าช้าของการดำเนินงานที่ยุ่งยาก ขณะที่จีนมีปัญหาเรื่องการฝึกบิน เนื่องจากข้อจำกัดด้านความมั่นคงของการควบคุมการจราจรทางอากาศซึ่งทหารเป็นผู้ดูแล ดังนั้นไทยจึงมีโอกาสที่จะพัฒนาเรื่องการฝึกอบรมได้ดีทั้งนี้ ได้ให้สถาบันการบินพลเรือน ไปพิจารณาการจัดหาพื้นที่เพื่อทำนิคมอุตสาหกรรมการบิน โดยมีทั้งท่าอากาศยานนครราชสีมา อู่ตะเภา ตาคลี และกำแพงแสน โดยจะต้องศึกษารายละเอียดร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเปิดรับฟังเอกชนที่เกี่ยวข้องในการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน.

ระทึก!!แอร์เบอลินลงฉุกเฉินที่ภูเก็ตคาดเครื่องขัดข้อง

ระทึก!!แอร์เบอลินลงฉุกเฉินที่ภูเก็ตคาดเครื่องขัดข้อง
เกิดเหตุระทึก เมื่อเครื่องบินแอร์บัส เอ330-300 ของสายการบินแอร์เบอลิน ที่กำลังทะยานจากภูเก็ตไปอาบูดาบี เกิดเครื่องขัดข้องกลางอากาศ ขอลงจอดฉุกเฉินท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ทำให้สนามบินปิดถึง 03.00 น.เพราะเครื่องขวางรันเวย์...เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 20 ธ.ค.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารสายการบินแอร์เบอลิน ประเทศเทศเยอรมนี ขออนุญาตลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานนานาชาติ จ.ภูเก็ต หลังจากที่นำเครื่องขึ้นบินได้ไม่นาน โดยรายงานเบื้องต้นระบุว่านักบินได้รับสัญญาณเตือนว่าเครื่องยนต์เกิดปัญหา จนต้องวกกลับลงจอดที่ท่าอากาศยานฯ โดยขณะลงจอดยางล้อของเครื่องเกิดระเบิดขึ้น แต่เครื่องไม่ไถลออกนอกรันเวย์ และไม่เสียการทรงตัวแต่อย่างใด เพียงแต่ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกได้เท่านั้นอย่างไรก็ตาม จากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ท่าอากาศยานนานาชาติ จ.ภูเก็ต ได้แจ้งว่า เที่ยวบินดังกล่าวคือเที่ยวบินของสายการบิน แอร์เบอลิน แบบ แอร์บัส เอ330-200 เที่ยวบินที่ BER7425 บินระหว่างภูเก็ต-อาบูดาบี มีผู้โดยสารตามที่รับแจ้งข้อมูลไว้ 249 คน ซึ่งเกิดอุบัติเหตุทางเครื่องยนต์จนต้องขอลงจอดฉุกเฉิน ซึ่งยืนยันว่าไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บใดๆจากการลงจอดฉุกเฉินในครั้งนี้ ขณะที่การเคลื่อนย้ายผู้โดยสารทั้งหมดนั้น หลังจากที่นำผู้โดยสารทั้งหมดกลับเข้าสู่อาคารที่พักผู้โดยสารแล้ว สายการบินจะเป็นผู้รับผิดชอบในการหาที่พักในคืนนี้เป็นการชั่วคราวก่อน ด้านรันเวย์ทางขึ้นลงที่ต้องใช้งานของท่าอากาศยานนั้น ล่าสุด ได้รับการยืนยันว่า อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายเครื่องบินลำดังกล่าวให้ออกพ้นนอกเส้นทาง ซึ่งขณะนี้ท่าอากาศยานยังปิดเป็นการชั่วคราว ไม่อนุญาตให้มีการขึ้น-ลง เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดรันเวย์ใช้งานได้ตามปกติอีกครั้งเวลาประมาณ 03.30 น. ส่วนเครื่องบินที่รอลงจอดในรอบดึกเหลือเพียงเที่ยวเดียวคือเที่ยวบินจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่จะเดินทางมาถึงราว 02.00 น.ซึ่งต้องเลื่อนเวลาการลงจอดไปอีก ขณะที่เที่ยวบินขาออกที่ยังคงเหลือนั้น ต้องเลื่อนเวลาออกไปทั้งสิ้น 8 เที่ยวบินด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงการบินไทยเที่ยวบิน ทีจี222 และ 225 เส้นทาง กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ก็ต้องเลื่อนออกไปเช่นเดียวกันด้านนายสมชัย สวัสดีผล รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย [ทอท] กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เที่ยวบินดังกล่าวเกิดปัญหา หลังนำเครื่องขึ้นแล้วปรากฏว่านักบินได้รับสัญญาณเตือน จึงขอนำเครื่องลงฉุกเฉิน ซึ่งขณะลงจอดปรากฏว่าตัวเครื่องเกิดแรงกระแทก ทำให้ยางแตกคารันเวย์ ส่งผลให้สายการบินอื่นยังไม่สามารถขึ้น-ลงได้ ซึ่งเบื้องต้นต้องให้ย้ายไปลงสนามบินอื่น เช่น กระบี่ หาดใหญ่ สุวรรณภูมิ ขณะเดียวกันก็มีผู้โดยสารตกค้างที่สนามภูเก็ตประมาณ 1,000 คน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 20.30 น.รูปประกอบจากวิกิพีเดียhttp://es.wikipedia.org/wiki/Archivo:Air_Berlin_%28LTU%29_Airbus_A330-300_D-AERK_DUS.jpg

จีนจับสาวกลัทธิวันสิ้นโลกเกือบ 1,000 คน คิดโค่นล้มพรรคคอมมิวนิสต์

จีนจับสาวกลัทธิวันสิ้นโลกเกือบ 1,000 คน คิดโค่นล้มพรรคคอมมิวนิสต์
ตำรวจจีนจับกุมสาวกลัทธิ เห่ยหลงเจี้ยง ซึ่งเชื่อถือในคำทำนายวันสิ้นโลก 21/12/12 หรือวันศุกร์นี้ จำนวเกือบพันคน หลังปลุกระดมสาวก โค่นล้มพรรคคอมมิวนิสต์...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ว่า ตำรวจจีนจับกุมสาวกลัทธิ เห่ยหลงเจี้ยง (Almighty God : พระผู้เป็นเจ้า) ลัทธิที่เชื่อในเรื่องวันสิ้นโลกเพื่อเติมอีกหลายร้อยคน หลังจากพวกเขาพยายามากระจายข่าวลือความเชื่อ ว่าโลกจะถึงจุดจบในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 และปลุกระดมเหล่าสาวกให้โค่นล้มรัฐบาลคอมมิวนิสต์สื่อจีนรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสาวกในลัทธิ ชั่วร้าย นี้เพิ่มเติมอีกราว 500 คน ซึ่งเมื่อรวมการจับกุมก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา มีสาวกของลัทธินี้ถูกจับกุมเกือบ 1,000 คน แล้ว ขณะที่ลัทธิ เห่ยหลงเจี้ยง กล่าวหารัฐบาลว่า จับกุมสาวกไปแล้วมากกว่า 2,000 คน ตั้งแต่ปี 1995ลัทธิ เห่ยหลงเจี้ยง เป็นกลุ่มผู้นับถือศาสนาคริสต์ มีสมาชิกซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนรากหญ้าที่มีการศึกษาน้อยมากกว่า 1 ล้านคน ก่อตั้งมาราว 20 ปี ที่มณฑลเหอหนาน มีความเชื่อว่า วันที่ 21 ธ.ค. 2012 จะเป็นวันที่โลกถึงจุดจบ เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของปฏิทินของชนเผ่ามายาที่มีการคำนวนวันเวลามายาวนานหลายพันปี และสิ้นสุดในวันดังกล่าวพอดี พวกเขายังทำนายว่าในวันศุกร์นี้ โลกจะตกอยู่ในความมืดมิเป็นเวลา 3 วัน และปลุกระดมเหล่าสาวกให้โค่นล้มรัฐบาลคอมมิวนิสต์ในลัทธิยังมีคำสอนว่า วันสิ้นโลกจะนำไปสู่ยุคใหม่ พระเยซูจะจุติบนโลกอีกครั้งในรูปลักษณ์ของสตรีชาวจีน อายุราว 30 ปี ซึ่งใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนและไม่เคยถูกถ่ายภาพได้ทั้งนี้ ความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกในวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค. เริ่มกระจายไปทั่วประเทศจีน และทั่วโลก โดยผู้ที่เชื่อถือต่างเตรียมตัวรับมือด้วยวิธีการต่างๆ อย่างไรก็ดี องค์การนาซาของสหรัฐฯออกมายืนยันว่า ในวันดังกล่าว จะไม่มีแผ่นดินไหวรุนแรง พายุสุริยะ ดวงอาทิตย์ดับ น้ำท่วมโลก หรือภัยพิบัติร้ายแรงถึงขั้นทำให้โลกถึงจุดจบเกิดขึ้นแน่นอน

Wednesday, December 19, 2012

ไทยคมรับมือพายุสุริยะชี้ยังไม่มีแนวโน้มรุนแรงตามกระแสข่าว

ไทยคมรับมือพายุสุริยะชี้ยังไม่มีแนวโน้มรุนแรงตามกระแสข่าว
ไทยคมแจงยังไม่พบข้อมูลการเกิดพายุสุริยะรุนแรงในวันที่ 21 ธ.ค. แต่ไม่ประมาทสั่งทีมวิศวกรรมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดติดตามสถานะระบบดาวเทียม มั่นใจบริการมากว่า 20 ปีรับมือได้หากเกิดขึ้นจริง...เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2555 นายไพบูลย์ ภานุวัฒนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคนิค บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง กระแสข่าวการเกิดเหตุพายุสุริยะ (Solar Flares) ครั้งรุนแรงในวันที่ 21 ธ.ค. นี้ว่า จากการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลของทีมวิศวกรอย่างใกล้ชิด ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดพายุสุริยะครั้งรุนแรงในช่วงเวลาตามที่มีกระแสข่าว อย่างไรก็ตาม ได้เตรียมความพร้อมจัดให้มีการเฝ้าระวังตามมาตรการและกระบวนการจัดการตามมาตรฐานวิศวกรรม และเพิ่มความถี่ในการติดตามตรวจสอบสถานะของระบบดาวเทียมอย่างต่อเนื่อง และด้วยประสบการณ์ของไทยคมซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการดาวเทียมมากว่า 20 ปี จึงมั่นใจว่า แม้จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จะสามารถรับมือได้ และพร้อมให้บริการที่ดีที่สุด ทั้งนี้ ปรากฏการณ์พายุสุริยะ เป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นทุกๆ ช่วงเวลาประมาณ 11 ปี แต่เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ที่มีข้อมูลเชิงสถิติของผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดาวเทียมสื่อสารในอวกาศจึงได้รับการออกแบบให้สามารถรองรับผลกระทบจากพายุสุริยะได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว พายุสุริยะ คือ พลังงานอันมหาศาลที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยออกมา ณ บริเวณที่มีความเข้มของสนามแม่เหล็กสูงบนดวงอาทิตย์ โดยพลังงานที่ปล่อยออกมานั้นส่วนหนึ่งจะอยู่ในรูปของพลังงานแสงที่มองเห็น ดังนั้น จึงสามารถสังเกตเห็นแสงที่มีความเข้มสูงบริเวณผิวหน้าของดวงอาทิตย์ในขณะที่เกิดพายุสุริยะได้ โดยพลังงานอีกส่วนหนึ่งจะอยู่ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น รังสีเอ็กส์, รังสีแกมม่า, และรังสียูวี ซึ่งจะส่งออกมาพร้อมกับอนุภาคเล็กๆ โดยพลังงานเหล่านี้จะถูกลดทอนลงเมื่อเข้าใกล้บรรยากาศของโลก เนื่องจากสนามแม่เหล็กของโลกช่วยต้านไว้.

เสธ.หนั่น การตอบสนองไม่ดี แพทย์ยังเฝ้าอาการ

เสธ.หนั่น การตอบสนองไม่ดี แพทย์ยังเฝ้าอาการ
แพทย์เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เสธ.หนั่น อย่างใกล้ชิด หลังติดเชื้อที่ปอดและทางเดินปัสสาวะ อาการยังทรงตัวเหมือนเดิม การตอบสนองไม่ดีมาก งดเยี่ยมต่อไป...เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2555 ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงความคืบหน้าอาการโรคระบบทางเดินหายใจ (ถุงลมโป่งพอง) ของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า ยังมีภาวะติดเชื้อที่ปอดและทางเดินปัสสาวะ ซึ่งคณะแพทย์ได้ให้การรักษาตามอาการและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิด ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่คนไข้จะต้องเผชิญกับภาวะดังกล่าว เนื่องจากอยู่โรงพยาบาลนานประมาณ 4 สัปดาห์สำหรับอาการอื่นๆ ทั่วไปยังทรงตัวเหมือนเดิม ความดันโลหิตและการเต้นของหัวใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ การหายใจยังต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจ ส่วนการทำงานของสมองยังอยู่ในระดับเดิม และระบบไหลเวียนโลหิตคงที่ ส่วนการตอบสนองต่างๆ ยังไม่ดีมาก หากเป็นแบบนี้อย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ ส่วนคนไข้จะเป็นเจ้าชายนิทรา หรือไม่นั้นคงไม่สามารถบอกได้ 100% แต่การรักษาตัวนานๆ ย่อมไม่ใช่ผลดี ในเบื้องต้นยังคงงดเยี่ยมคนไข้ต่อไป.

บังยี ชี้ไทยพลาดเอง ณัฐพร เซ็งสนาม-เชิ้ตดำ

บังยี ชี้ไทยพลาดเอง ณัฐพร เซ็งสนาม-เชิ้ตดำ
บังยี วรวีร์ มะกูดี นายกฟุตบอลไทย ยอมรับ ทีมไทยเล่นพลาดเอง จนพ่ายสิงคโปร์ 1-3 แต่เชื่อมั่น กลับมาคว้าชัย ซิวแชมป์ในบ้านได้แน่ ขณะที่ ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์ โทษสนามเล่นยาก-กรรมการตัดสินไม่ดี...วันที่ 19 ธ.ค. หลังจากทีมชาติไทย บุกไปพ่าย สิงคโปร์ 1-3 ที่สนาม จาลัน เบซาร์ สเตเดียม ประเทศสิงคโปร์ ศึกเอเอฟเอฟซูซูกิคัพ 2012  รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา บังยี วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยอมรับ แข้ง ช้างศึก เล่นผิดพลาดเอง จนทำให้เสียถึงสามประตู​ในเกมนี้ แต่ยังเชื่อว่า นัดที่สอง กลับมาเล่นในบ้าน ทีมไทย จะทำผลงานดีขึ้นแน่ บังยี ซึ่งเดินทางมาให้กำลังถึงขอบสนาม กล่าวหลังจบเกมว่า ทั้ง 3 ลูกที่เราเสีย เป็นความผิดพลาดของเราเองแทบทั้งสิ้น ซึ่งถือว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะลูกที่ 3 ที่ไม่มีใครเคลียร์บอลออกจากเสาประตู ตอนแรก เสมอ 1-1 คิดว่าเราน่าจะไม่เหนื่อย แต่สุดท้าย เราก็พลาด ถึงตอนนี้ ผมกับวินนี่ (วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย) ได้คุยกันแล้ว เราจะเริ่มต้นของการเดินหน้าสู้ และสิงคโปร์มาเมืองไทย 2 ประตูนั้นเชื่อว่า เด็กทำได้แน่ เพราะสนามที่เราคุ้นเคยน่าจะช่วยได้ไม่น้อยส่วน ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์ ที่ลงไปแทน ภานุพงศ์ วงศ์ษา ที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างเกมนั้น กล่าวว่า สนามเล่นยากมาก จับบอลไม่ค่อยอยู่ ทำให้ทำเกมลำบาก อีกทั้งเกมนี้ผู้ตัดสินก็ตัดสินได้ไม่ดีเท่าไหร่ จังหวะแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษก็ไม่เป่า ผมในฐานะที่เป็นกัปตันทีม เดินไปถามก็บอกว่ามองไม่เห็น นัดที่ 2 บ้านเราผมเชื่อว่าเราเอาคืนได้แน่ 2 ลูก.

Sunday, December 16, 2012

แมน เข้ม คลาสสิก ‘ALBA Premier’ ครบจบในเรือนเดียว

แมน เข้ม คลาสสิก ‘ALBA Premier’ ครบจบในเรือนเดียว
การจะเป็นบุรุษดูดีมีระดับ นาฬิกาข้อมือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ALBA แบรนด์นาฬิกาแดนปลาดิบ จึงเปิดตัว “ALBA Premier” สุดยอดเรือนเวลาสุดหรูสไตล์คลาสสิกALBA ผู้นำเทรนด์เรือนเวลาคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่น ขอนำความลักส์ชัวรี่ ระดับพรีเมี่ยม มาช่วยเติมลุคเทรนดี้ ให้กับหนุ่มทันสมัยที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความคลาสสิกเฉพาะตัวเช่นคุณ กับ  “ALBA Premier” (อัลบา พรีเมียร์) เรือนเวลาหรูบนหน้าปัดสีน้ำตาล (Brown IP Coating) พร้อมขอบตัวเรือนพิงค์โกลด์และสายหนัง ที่กำลังอินที่สุดในยุคนี้ จัดเต็มกับฟังก์ชั่น Chronograph ระบบ instant reset บนหน้าปัด 3D ซ้อนเลเยอร์ บอกเวลาแบบ 3 เข็ม พร้อมช่องแสดงวันที่ ง่ายต่อการใช้งานด้วยปุ่ม pusher แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร และประสิทธิภาพในการกันน้ำถึง 50 เมตร ในราคาสบายกระเป๋า  ร่วมจับจองเรือนเวลาระดับพรีเมี่ยม ที่ลงตัวกับรสนิยมของหนุ่มเทรนดี้เช่นคุณกับ “ALBA Premier” ได้แล้ววันนี้

สุริยะใสจี้ กทค.บี้ลดค่าบริการก่อนออกใบอนุญาต 3 จี

สุริยะใสจี้ กทค.บี้ลดค่าบริการก่อนออกใบอนุญาต 3 จี
“ยะใส” ทวงสัญญา กทค.ลดค่าบริการก่อนออกใบอนุญาต 3จี ชี้ที่ผ่านมาล้มเหลวงานคุ้มครองผู้บริโภคอาจเข้าสู่ยุคผูกขาดเบ็ดเสร็จ ทำให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบรุนแรงขึ้น…เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กำลังรวบรัดออกใบอนุญาต 3จี ให้กับเอกชนว่า ขณะนี้ทาง กทค. ยังไม่ได้กำหนดมาตรการเรื่องราคาค่าบริการ คุณภาพสัญญาณ หรือเครือข่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้งในเมืองและชนบท ทั้งที่ก่อนหน้านี้สังคมมีการวิพากษ์วิจารณ์ต่อการประมูลที่ไม่โปร่งใส ต่อมา กทค. ได้ออกมาลดกระแสด้วยการประกาศว่าจะลดค่าบริการ 3จี ลง 15-20 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลา 15 ปี จะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์กว่า 1.1 ล้านล้านบาท และจะกำหนดมาตรการดังกล่าวก่อนให้ใบอนุญาต 3จี กับเอกชน หรือแม้กระทั่งการให้ผู้ประกอบการซื้อประกันความเสี่ยงในการบริการก่อน ตนมองว่าพฤติกรรมของ กทค.ครั้งนี้ตอกย้ำอำนาจต่อรองขององค์กรอิสระอย่าง กสทช.ที่อำนาจต่อรองน้อยกว่าเอกชนและที่ผ่านมายืนยันว่า การคุ้มครองผู้บริโภคล้มเหลวชัดเจน เช่น ปัญหาบัตรเติมเงินกำหนดวันหมดอายุทั้งที่ในบัตรยังมีเงินเหลืออยู่หรือการให้ผู้บริโภคย้ายโครงข่ายได้ ทำได้เพียงวันละกว่า 4,000 เลขหมาย ทั้งที่ปัจจุบันมีโทรศัพท์ 90 ล้านเลขหมาย ตลอดจนปัญหาสัญญาณล่ม ดังนั้นถ้าอำนาจในการกำกับดูแลของ กทค. ถูกแทรกแซง จะส่งผลให้กิจการโทรคมนาคมเป็นกิจการกึ่งผูกขาดโดยเอกชน 3 รายต่อไป และเข้าสู่ยุคผูกขาดเบ็ดเสร็จ ปัญหาการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคก็จะรุนแรงอีก ฉะนั้นการที่ กทค.บอกว่าจะเร่งออกใบอนุญาต 3จี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่คนไทยนั้น น่าจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับบริษัทเอกชนผู้ประกอบการมากกว่า นายสุริยะใส กล่าว

ส.ว.เลือกตั้งค้านทำประชามติหนุนแก้รายมาตรา

ส.ว.เลือกตั้งค้านทำประชามติหนุนแก้รายมาตรา
ส.ว.เลือกตั้งค้านทำประชามติเดินหน้าลุยแก้รายมาตรา หนุนแก้ไขหมวดยุบพรรค และปลดล็อก ส.ว.เลือกตั้งให้ลงสมัครติดต่อกันได้ ปัดทำเพื่อประโยชน์ตัวเองวันที่ 16 ธ.ค.​ นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวถึงผลสรุปพรรคร่วมรัฐบาลที่ให้จัดทำประชามติก่อนลงมติโหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะลงประชามติ เพราะเป็นการเสียเงิน 2-3 พันล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์ เป็นเพียงการเอาชนะคะคานกันเท่านั้น ความจริงการโหวตวาระ 3 ควรปล่อยไปตามธรรมชาติ และการแก้แบบรื้อเกือบทั้งฉบับตามแนวทางของรัฐบาล ยังไม่เหมาะสมที่จะทำในช่วงปีสองปีนี้ เพราะความขัดแย้งยังอยู่ ทำไปก็มีปัญหา ซึ่งคงมีการหารือกันในกลุ่ม ส.ว.ว่าจะเอาอย่างไร นายสิงห์ชัย กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าจะเสนอญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา อาทิ ในหมวดว่าด้วยเรื่องยุบพรรค และหมวดการปลดล็อก ส.ว.เลือกตั้งให้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ติดต่อกัน โดยไม่ต้องเว้นวรรค แต่ต้องหารือกันก่อนว่าจะทำได้ในรูปแบบไหน เพราะยังมีวาระ 3 ค้างสภาอยู่ ส่วนกรณีที่มีการมองว่าเราทำเพื่อประโยชน์ตัวเองนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ เราแค่ต้องการความเป็นธรรมให้ ส.ว.เลือกตั้งบ้าง และไม่น่ามีปัญหาเพราะก็ทำเหมือนสมัยที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เคยทำมา และเชื่อว่าหลังเปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยนิติบัญญัติ ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.นี้ น่าจะยื่นเข้าสภาได้

Tuesday, December 11, 2012

ร้องกองปราบ เอาผิดศาลรธน. ไม่ระงับม็อบเสธ.อ้าย

ร้องกองปราบ เอาผิดศาลรธน. ไม่ระงับม็อบเสธ.อ้าย
สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร้องกองปราบ ขอให้ดำเนินคดีกับ 6 ตุลาการ รธน. ข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กรณียกคำร้องระงับการชุมนุมของกลุ่ม เสธ.อ้ายวันที่ 12 ธ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัทปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวนชำนาญการ กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายจรัญ ภักดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร นายเฉลิมพล เอกอุรุ นายนุรักษ์ มาประณีต นายสุพจน์ ไข่มุกด์ และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรวม 6 คน ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณียกคำร้องระงับการชุมนุมของกลุ่ม พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย พร้อมนำ เอกสารหลักฐานเป็นคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ และเอกสารหลักฐานภาพถ่ายที่มีการใช้อาวุธในเหตุการณ์ชุมนุมในวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มามอบให้พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐานนายสิงห์ทอง กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ร้องขอให้มีคำสั่งระงับการชุมนุมของกลุ่ม เสธ.อ้าย ในวันที่ 24 พ.ย. ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท และส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้อาวุธและใช้แก๊สน้ำตาจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และถูกจับคุมขังเป็นจำนวนมากเป็นเพราะคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ยกคำร้องดังกล่าวจนเกิดความเสียหาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เคยนำพยานหลักฐานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมสะสมอาวุธในบริเวณสนามม้านางเลิ้ง เพื่อใช้ในการชุมนุม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญควรจะมีคำสั่งให้ระงับการชุมนุม แต่ก็มิได้มีคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด นายสิงห์ทอง กล่าว...

ยื่น ปปช.ฟันกราวรูด ปล่อยทักษิณ ออกช่อง11

ยื่น ปปช.ฟันกราวรูด ปล่อยทักษิณ ออกช่อง11
นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ยื่นป.ป.ช.ไต่สวน นายกรัฐมนตรี-ศันสนีย์-อธิบดีกรมปชส.-ผอ.ช่อง11 หลังปล่อยพ.ต.ท.ทักษิณ ออกทีวีสด...เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน เดินทางมายื่นหนังสือถึง ดังกล่าว ทั้งนี้กลุ่มกรีนขอให้ป.ป.ช. ไต่สวน ชี้ความผิด และดำเนินคดีกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผู้อำนวยการสถานี NBT ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีที่สถานีโทรทัศน์ NBT ได้เผยแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาตามหมายจับนั้นนายจาตุรันต์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการเลือกปฏิบัติให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และแสดงถึงเจตนาในการสร้างความแตกแยก ดังจะเห็นได้ว่ามีการเชื่อมโยงกับกลุ่มของผู้สนับสนุนรัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีการเชื่อมสัญญาณถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเชียอัพเดต ถือเป็นการวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบมาล่วงหน้าแล้ว เป็นการสมรู้ล่วงคิด และที่ผ่านมาการขอเช่าเวลาในการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ NBT ไม่เคยมี พ.ต.ท.ทักษิณ มากล่าวเปิดงานมาก่อนอย่างไรก็ตามการกระทำของบุคคลทั้ง 4 มีเจตนากระทำการขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจทางการเมืองแทรกแซงสื่อมวลชน รวมถึงการขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของนักการเมือง 2551 และในส่วนของการดำเนินการของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์และสถานีโทรทัศน์ NBT ถือเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง จึงขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริง ชี้มูลความผิดต่อบุคคลดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ทางกลุ่มกรีนได้แนบหลักฐานเป็นซีดีการถ่ายทอดสดเป็นหลักฐานให้กับ ป.ป.ช.เพื่อตรวจสอบต่อไปด้วย.

ปิดตลาดเช้าหุ้นไทยปรับเพิ่ม 8.73 จุด

ปิดตลาดเช้าหุ้นไทยปรับเพิ่ม 8.73 จุด
ปิดตลาดหุ้นไทยเช้าวันพุธที่ 12 ธ.ค. 2555 ที่ระดับ 1,350.06 จุด เพิ่มขึ้น 8.73 จุด รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 21,046.08 ล้านบาท...ปิดตลาดหุ้นไทยเช้าวันพุธที่ 12 ธ.ค. 2555 ที่ระดับ 1,350.06 จุด เพิ่มขึ้น 8.73 จุด รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 21,046.08 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 340 หลักทรัพย์ ลดลง 160 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 175 หลักทรัพย์สำหรับ 5 อันดับ ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

Monday, December 10, 2012

ทนายมุดเรือนจำหลักสี่ หาช่องประกันตัว ก่อแก้ว

ทนายมุดเรือนจำหลักสี่ หาช่องประกันตัว ก่อแก้ว
ทนายความ บุกเรือนจำหลักสี่ หารือประกันตัว ก่อแก้ว แล้ว เล็งยื่นประกันวันนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินพรุ่งนี้ แย้ม พร้อมแจงศาลให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่เป็นอันตราย หากได้รับพิจารณาปล่อยตัว    วันที่ 11 ธ.ค. นายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า วันนี้ได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษหลักสี่ เพื่อเข้าหารือหัวข้อเรื่องการขอประกันตัวผู้ต้องหาอีกครั้ง โดยในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 จากที่ครั้งแรกได้ยื่นเรื่องการประกันตัวนายก่อแก้วแล้วศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เพราะให้เหตุผลว่าศาลไม่เชื่อว่าหากผู้ต้องหาออกไปแล้วจะไม่ไปก่อความวุ่นวายหรือเหตุอันตรายอื่นใดอีก นายเจษฎา กล่าวต่อว่า วันนี้จะเข้าไปหารือกับนายก่อแก้วเพิ่มเติม ทั้งกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญก่อนมีคำวินิจฉัย และหลังศาล รธน.มีคำวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่าทางนายก่อแก้วได้ทำอะไรบ้าง รวมไปถึงวันที่ 24 พ.ย. ที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ประกาศชุมนุมใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าด้วยเบื้องต้นจะให้ตัวนายก่อแก้วเป็นผู้แจงว่า มีฐานะอะไร และได้ทำอะไรอยู่ขณะที่เกิดการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม และเมื่อดำเนินการไปแล้ว มีอะไรที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายหรืออันตรายอื่นใดในบ้านเมืองหรือไม่  เบื้องต้นคาดว่า จะทำเรื่องขอประกันตัวครั้งที่ 2 ยื่นต่อศาลอาญา ให้มีการเบิกตัวมาขึ้นศาลไต่สวนผู้ต้องหา โดยจะให้นายก่อแก้วเป็นผู้แจงต่อศาลเอง อาจเป็นภายในวันนี้เลย ถ้าสามารถดำเนินการได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงเป็นในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ดี จะต้องมีการหารือกับนายก่อแก้วก่อนว่าเห็นควรและพร้อมให้ยื่นประกันตัวในช่วงเวลาใด ทั้งนี้ นายเจษฎายอมรับว่า กรณีการยื่นใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ประกันตัว จะเป็นวิธีสุดท้าย เพราะเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดว่า ไม่ต้องการให้มีการควบคุมตัว ส.ส.ในระหว่างสมัยเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ ซึ่งต้องยื่นเรื่องไปที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องไปให้ศาลพิจารณาปล่อยตัว

เผยภาพรถแวน ซีเคร็ท พลิกคว่ำ ซิงเกอร์ อาการสาหัส

เผยภาพรถแวน ซีเคร็ท พลิกคว่ำ ซิงเกอร์ อาการสาหัส
สำนักข่าวเคบีเอส ได้เผยภาพส่วนหนึ่งของรถแวนที่สาวๆ ซีเคร็ท โดยสาร ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ขณะที่อาการ ซิงเกอร์ ต้นสังกัดระบุ ไม่ร้ายแรง ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล...ทีเอส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ บริษัทต้นสังกัดของเกิร์ลกรุ๊ป ซีเคร็ท ประกอบด้วย 4 สาว จอนฮโยซอง, ฮันซอนฮวา, ซงจีอึน และซิงเกอร์ แห่งเกาหลีใต้ เผยถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้น โดยรายงานข่าวระบุว่า รถแวนที่สาวๆ โดยสารได้เกิดประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ เนื่องจากสภาพถนนที่ลื่นจากหิมะ โดยรถยนต์ได้พุ่งเข้าใส่แผงกั้นและพลิกคว่ำลงข้างทาง ขณะนี้สมาชิกทุกคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงในทันทีอย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ รายงานข่าวระบุว่า ฮโยซอง ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่แท้จริงแล้วเป็นซิงเกอร์เพื่อนสมาชิกร่วมวงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุด โดยซิงเกอร์ มีอาการซี่โครงหักและปอดช้ำ ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ ผู้จัดการ และคนขับ ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และแพทย์ได้อนุญาตให้เดินทางกลับเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ บริษัทต้นสังกัดได้ออกมาระบุว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของสมาชิก คือสุขภาพ ดังนั้นกิจกรรม และการแสดงต่างๆ ของซีเคร็ท จะมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทต้นสังกัด เผยอีกว่า อาการของซิงเกอร์ไม่ได้รุนแรงมาก เพื่อให้แฟนๆ ของพวกเธอได้รับความสบายใจว่า ซิงเกอร์ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลังจากที่เธอได้รับการรักษา สภาพของเธอจะไม่ร้ายแรง แฟนๆ จึงไม่ต้องกังวลมากเกินไป เธอยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะเธอกำลังรอการตรวจสอบเพิ่มเติมจากแพทย์ในตอนเช้า ทั้งนี้ เราต้องขออภัยเนื่องจากเหตุเกิดเมื่อช่วงเช้า ขณะนี้ยังคงรอรายละเอียดอื่นๆ ของอุบัติเหตุเพิ่มเติมอยู่อนึ่ง ที่สถานีข่าวเคบีเอส ได้มีการเผยภาพส่วนหนึ่งของรถแวนที่สาวๆ ซีเคร็ทโดยสารประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำตกข้างทางด้วย. 

ปรับ เอชเอสบีซี 1.9 พันล้าน ฐานฟอกเงินสกปรกทั่วโลก

ปรับ เอชเอสบีซี 1.9 พันล้าน ฐานฟอกเงินสกปรกทั่วโลก
แบงก์ เอชเอสบีซี รับผิดทุกกรณี หลังถูกกล่าวหาฟอกเงินสกปรกทั่วโลก ยอมจ่ายค่าปรับ 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ...สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. อ้างการเปิดเผยของวอลล์ สตรีท เจอร์นัล ว่า ธนาคารรายใหญ่ของโลก เอชเอสบีบี สำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต้องจ่ายค่าปรับให้กับทางการสหรัฐฯ เป็นมูลค่าสูงถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ฐานละเมิดกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งถือเป็นกรณีเรียกเก็บค่าปรับจากการฟอกเงินครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก่อนหน้านี้ รายงานของคณะอนุกรรมการสอบสวนถาวรของวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุว่า เอชเอสบีซี ถูกกล่าวอ้างว่า ถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงินสกปรกจากทั่วโลก และเชื่อว่าเงินจากการค้ายาเสพติดจำนวนมหาศาลจากเม็กซิโก ผ่านการฟอกจากเอชเอสบีซี และสงสัยว่าเงินจากซีเรีย เกาะเคย์แมน อิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย ก็ผ่านการฟอกที่ธนาคารแห่งนี้เช่นกันทั้งนี้ เอชเอสบีซียอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา และให้ความร่วมมือในการสืบสวน จนเกิดการลงนามตกลงยอมความมูลค่า  1.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการชำระเงินก้อนโตทั้งหมด เป็นการยึดทรัพย์สิน 1.25 พันล้านดอลลาร์ และค่าเสียหายที่ต้องจ่ายให้แก่รัฐ 650 ล้านดอลลาร์.

Sunday, December 9, 2012

รวบยกแก๊ง 19เขมร ฉกทรัพย์นักท่องเที่ยวตลาดโรงเกลือ

รวบยกแก๊ง 19เขมร ฉกทรัพย์นักท่องเที่ยวตลาดโรงเกลือ
ผกก.สภ.คลองลึก คนใหม่ สั่งระดมกำลังทหารตำรวจกวาดล้างแก๊งเขมรฉกทรัพย์สินนักท่องเที่ยวในตลาดโรงเกลือ สามารถจับกุมได้ 19 คน ระหว่างก่อเหตุขโมยของท้ายรถกระบะ...เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2555 พ.ต.อ.สมชาย อยู่สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.คลองลึก ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในตลาดโรงเกลือ อ.คลองลึก จ.สระแก้ว ในช่วงวันหยุดยาว 3 วันว่า ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งชาวกัมพูชามาฉกชิงทรัพย์สินภายในรถของนักท่องเที่ยวที่จอดไว้ในลานจอดรถ จึงประสานกองร้อยทหารพรานที่ 1206 กองกำลังบูรพา และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กวาดล้างจับกุมกระทั่งสามารถจับกุมชาวกัมพูชาได้ 19 คน เป็นชาย 16 คน หญิง 3 คน ขณะกำลังฉกทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.คลองลึก และดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด จากการตรวจสอบชาวกัมพูชาทั้งหมดไม่มีเอกสารการเดินทางเข้าประเทศอย่างถูกต้อง โดยลักลอบเข้ามาเป็นไกด์ผี ติดต่อพานักท่องเที่ยวที่นำรถกระบะมาไปซื้อสินค้าภายในตลาดโรงเกลือ ซึ่งนักท่องเที่ยวเหล่านั้นจะเก็บสินค้าไว้ท้ายรถกระบะและเดินไปเลือกซื้อสินค้าต่อ จากนั้นแก๊งชาวกัมพูชาจะส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมแก๊งขโมยสินค้านำไปขายต่อ นำเงินมาแบ่งกัน โดยในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อนกว่า 10 ราย ทั้งนี้ พ.ต.อ.สมชาย ได้กำชับให้เร่งกวาดล้าง จับกุมชาวกัมพูชาที่มีพฤติกรรมดังกล่าวให้หมดไปโดยเร็วเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อุ่นใจจากความปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลาดโรงเกลือไม่ต่ำกว่าวันละ 50,000 คน.

โบวี่ ทึ่งบี-บอยลูกทุ่ง แซบเว่อร์เกินห้ามใจใน อัพทูยู คู่ซ่า

โบวี่ ทึ่งบี-บอยลูกทุ่ง แซบเว่อร์เกินห้ามใจใน อัพทูยู คู่ซ่า
รายการ อัพทูยู คู่ซ่า อังคารนี้ ทางช่อง 7 ทีมเต้นบี-บอย โชว์สเต็ปเต้นผสมผสานกับเพลงลูกทุ่งได้อย่างถึงอกถึงใจ โบวี่-อัฐมา, ฮาย-อาภาพร, ดีเจบุ๊คโกะ-ธนัชพันธ์ และจาตุรงค์ เพราะทั้งเก๋ทั้งแปลกและแตกต่าง แถมสนุกสนานมีเรื่องราว... แซบเว่อร์จริงๆ กับช่วง อัพทูยู สู้ตาย อังคารนี้ เมื่อหนุ่มๆ B-BOY อย่างทีมรังสิตแก๊งสเตอร์ กับทีม D-STREET ต่างงัดเอาสเต็ปแบบ B-BOY มาผสมผสานกับเพลงลูกทุ่งได้อย่างถึงอกถึงใจ โบวี่-อัฐมา, ฮาย-อาภาพร, ดีเจบุ๊คโกะ-ธนัชพันธ์ และจาตุรงค์ เอามากๆ เพราะทั้งเก๋ ดูแปลก แตกต่าง ทั้งยังสนุกสนานมีเรื่องราว เรียกว่าครบรสกันจริงๆ   สนุกแค่นั้นยังไม่พอ ในช่วงแดนซ์บ้าน บ้าน ช่วงโปรดสุดๆ ของพิธีกรสาวต้นหอม-ศกุนตลา ก็มีฮากันสุดๆ กับ 3 หนุ่มขาแว้นประจำงานวัด กับขาแว้นรถสองแถว ซึ่งรักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ เรียกว่าได้ยินเสียงเพลงเมื่อไรเป็นใส่ไม่ยั้ง จากที่ยืนหน้าเซื่องๆ ซึมๆ เป็นแดนซ์กระจาย ทั้งลีลา ทั้งสีหน้ามันส์กันสุดๆ หยุดแทบไม่อยู่เลย สำหรับคนที่ชอบความมันส์พลาดไม่ได้ใน อัพทูยู คู่ซ่า คืนวันอังคารที่ 11 ธ.ค.นี้ 23.00 น. ทางช่อง 7 สี. 

แกะรอยเผา5จุด ป่วนนครพนม รู้ตัวแล้ว-มีประวัติลักขโมย

แกะรอยเผา5จุด ป่วนนครพนม รู้ตัวแล้ว-มีประวัติลักขโมย
ตำรวจนครพนมเร่งแกะรอยมือเผาป่วนเมือง 5 จุด ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นชาย 1 คน เคยมีประวัติลักขโมย อยู่ระหว่างการจับกุมตัว ยันไม่เกี่ยวกับการก่อความไม่สงบ คาดปมขัดแย้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ความไม่พอใจส่วนตัว และจากอาการทางประสาท...เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2555 พ.ต.อ.สมนึก มิควาฬ ผกก.สภ.เมืองนครพนม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุเผารวม 5 จุดในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เมื่อคืนวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ทรัพย์สิน รถยนต์ อาคารของทางราชการและประชาชนเสียหาย ว่า ในภาพรวมความเสียหายไม่มากนัก ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบผู้ก่อเหตุเป็นชาย 1 คน โดยรู้ตัวและชื่อแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมให้เร็วที่สุดส่วนประเด็นหลักมุ่งปัญหาความไม่พอใจส่วนตัว ระหว่างผู้เสียหายกับผู้ก่อเหตุ ความขัดแย้งในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพราะผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องธุรกิจรับเหมา และปัญหาความคึกคะนองของผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่า ไม่ใช่การก่อเหตุป่วนเมือง สร้างกระแสความวุ่นวายทางการเมือง หรือปัญหาความมั่นคง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ก่อเหตุอาจมีอาการทางประสาท และพบว่าเคยมีประวัติลักขโมยสิ่งของ ซึ่งเคยถูกจับกุม แต่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ โดยจะเร่งสอบสวนดำเนินคดีผู้ต้องหาตามกฎหมายต่อไป.

Saturday, December 8, 2012

ประมงเตือนผู้เลี้ยงปลาระวังโรคระบาดช่วงฤดูหนาว

ประมงเตือนผู้เลี้ยงปลาระวังโรคระบาดช่วงฤดูหนาว
ประมงจังหวัดบุรีรัมย์ เตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาระวังโรคระบาดช่วงอากาศหนาวเย็น เนื่องจากปลามีสภาพอ่อนแอไม่กินอาหาร เอื้อต่อการเกิดโรค แนะนำปูนขาวละลายน้ำเทลงบ่อ และลดจำนวนปลา...เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นายจิรพงศ์ นุตะศะริน ประมงจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาแจ้งเตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ว่า ให้หมั่นดูแลรักษาสุขภาพสัตว์ โดยเฉพาะผู้ที่เลี้ยงปลาในกระชังและบ่อดิน เนื่องจากช่วงที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น ปลาจะกินอาหารน้อย สุขภาพอ่อนแอ เอื้อต่อการเกิดโรคระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะปลาที่เป็นแผลตามลำตัวที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย จะพบทุกปีในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น ทั้งนี้ เกษตรกรควรป้องกัน โดยชะลอการเลี้ยง หรือควรเลี้ยงในปริมาณที่น้อยลง ไม่หนาแน่นมากจนเกินไป หรือให้นำปูนขาวละลายน้ำเทลงในบ่อ บ่อละ 50-60 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ และที่สำคัญไม่ควรสูบน้ำเข้าออกภายในบ่อบ่อยครั้ง รวมถึงให้ลดปริมาณอาหารในช่วงที่มีอุณหภูมิต่ำ เนื่องจากอาหารที่เหลือจะเกิดการเน่าเสียเป็นกรดแก๊ส น้ำขาดออกซิเจน อาจทำให้ปลาที่เลี้ยงไว้ช็อกตาย สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรได้นายจิรพงศ์ กล่าวอีกว่า หากเกษตรกรรายใดพบปลาในบ่อหรือกระชังที่เลี้ยงไว้ตาย หรือมีบาดแผลตามลำตัวในปริมาณมากผิดปกติ ให้รีบตักออกจากบ่อแล้วนำไปทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคขยายลุกลามไปยังปลาตัวอื่น พร้อมให้แจ้งเจ้าหน้าที่ประมงอำเภอหรือจังหวัด เข้าไปตรวจสอบควบคุมป้องกันเชื้อโรคอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะเกิดการระบาดและเสียหายเป็นวงกว้าง.

โพลชี้ 43% นักการเมือง แชมป์อาชีพโกง

โพลชี้ 43% นักการเมือง แชมป์อาชีพโกง
ดุสิตโพลชี้ ประชาชนส่วนใหญ่ระบุ เป็น เรื่องน่าอาย ประเทศไทย รั้งอันดับที่ 88 ประเทศที่มีความโปร่งใส ปลอดคอรัปชัน นักการเมือง อันดับ 1 อาชีพโกงมากที่สุด เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. สวนดุสิตโพล หรือมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,289 คน ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2555 กรณีองค์กรความโปร่งใสระหว่างประเทศจัดอันดับระดับปัญหาคอรัปชันใน 176 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศที่มีความโปร่งใสปลอดคอรัปชันมากที่สุดในโลก คือ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นิวซีแลนด์ คว้าอันดับ 1 ร่วมกัน ด้านประเทศในอาเซียน สิงคโปร์ได้อันดับดีที่สุด ส่วนไทยรั้งอันดับ 88 ด้วยคะแนนความโปร่งใสเพียง 37 เต็ม 100 ซึ่งคะแนนยิ่งน้อยยิ่งทำให้เห็นว่าประเทศนั้นๆ มีปัญหาการคอรัปชันมาก เพื่อเป็นการสะท้อนปัญหาคอรัปชันในประเทศที่น่าเป็นห่วง สรุปผลดังนี้ เมื่อถามว่า ประชาชนมีความคิดเห็นอย่างไร? กรณีไทยติดอันดับ 88  ประเทศคอรัปชันประชาชนส่วนใหญ่ 33.25 รู้สึกว่า เป็นเรื่องน่าอาย ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสื่อมเสีย 28.06% เป็นปัญหาสำคัญที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะรัฐบาลต้องรีบดำเนินการอย่างจริงจัง 22.96% รู้สึกเป็นห่วงและสงสารประเทศไทย คนไทยทุจริตคอรัปชันกันมากขึ้น โดยเฉพาะนักการเมือง และ 15.73% เห็นว่า มาตรการบทลงโทษต่างๆ ยังไม่เด็ดขาดพอ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่เมื่อถามว่า “อาชีพ” ที่ประชาชนคิดว่ามีการ “คอรัปชัน” มากที่สุด45.39% ตอบว่า เป็นนักการเมือง /นักการเมืองท้องถิ่น 30.24% ข้าราชการ 12.86% ตำรวจ /ทหาร และ 11.51% นักธุรกิจ /นักลงทุนเมื่อถามว่า “สาเหตุ” ของการ “คอรัปชัน” ในประเทศไทย คือประชาชนส่วนใหญ่ 37.96% ตอบว่า การใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด เห็นช่องทางที่จะได้เงิน / มีคนยุ คนเสนอ 24.49% กฎหมายหย่อนยาน บทลงโทษไม่เด็ดขาด เจ้าหน้าที่ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ รับสินบน 20.67% เกิดจากพฤติกรรม นิสัยส่วนตัว /ความโลภ ความอยากได้ไม่รู้จักพอ และ 16.88% สภาพสังคม เศรษฐกิจที่แย่ลง /ฐานะทางครอบครัวยากลำบาก /มีแบบอย่างที่ผิดๆ ให้เห็นเมื่อถามว่า “วิธีแก้ปัญหาคอรัปชัน” ที่ประชาชนคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดและเป็นรูปธรรมมากที่สุด43.08% เห็นว่าควรปลูกฝัง อบรมสั่งสอนเลี้ยงดูบุตรหลานตั้งแต่วัยเยาว์ 29.21% กฎหมาย บทลงโทษต้องเด็ดขาด /เจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้มงวดกวดขันเอาจริงเอาจัง ไม่ละเลยในหน้าที่ 15.57% ทุกคนต้องร่วมมือกัน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเจอการทุจริตควรรีบแจ้งทันที ไม่ควรนิ่งเฉยหรือละเลย และ 12.14% ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ให้คนไทยหยุดการทุจริตคอรัปชัน /มีแบบอย่างที่ดี

74.3% ฟันธงแก้รธน. นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง

74.3% ฟันธงแก้รธน. นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง
เอเบคโพลล์ชี้ชัด 74.3% แก้รธน.นำไปสู่ความขัดแย้ง บานปลาย ส่วน 65.9% ระบุ ทุจริตจำนำข้าวจบยาก รวมทั้งปล่อยปละละเลยจะยิ่งทำให้รัฐบาลอยู่ยาก ขณะที่ 67.5% ยอมรับอาจเกิดม็อบไล่รัฐบาลได้ง่ายในปีหน้าวันที่ 9 ธ.ค. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง เรื่องง่าย เรื่องยาก ในประเด็นร้อนการเมืองไทย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงราย มุกดาหาร หนองคาย สกลนคร เลย ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ยะลา นราธิวาส และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,062 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 26 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม พ.ศ.2555 โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน โดยมีช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.8 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.1 ระบุเป็นเรื่องง่ายที่ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลจะลงมติวาระสามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในขณะที่ร้อยละ 43.9 ระบุเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม เมื่อถามประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับพบว่าก้ำกึ่งกัน คือ ร้อยละ 51.8 ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ร้อยละ 48.2 เห็นด้วยนอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.4 ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะ “จบยาก” ในขณะที่ร้อยละ 36.6 ระบุว่าจะจบง่าย ยิ่งไปกว่านั้นผลสำรวจยังพบด้วยว่า ประชาชนที่คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 68.0 ในเดือนสิงหาคม มาอยู่ที่ร้อยละ 74.3 ในการสำรวจล่าสุดนอกจากนี้ ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อปัญหาทุจริตคอรัปชันในโครงการรับจำนำข้าว พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.9 ระบุจบยาก ในขณะที่ร้อยละ 34.1 ระบุจบง่าย ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.2 ระบุรัฐบาลจะอยู่ยากถ้าปล่อยปละละเลยปัญหาทุจริตคอรัปชันที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.5 ระบุเป็นไปได้ง่ายที่จะเกิดการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลในปีหน้า ในขณะที่ร้อยละ 32.5 ระบุเป็นไปได้ยาก และเมื่อถามถึงความขัดแย้งแตกแยกทางการเมืองระหว่างกลุ่มสนับสนุนและไม่สนับสนุนรัฐบาลพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.4 ระบุจบยาก ในขณะที่ร้อยละ 10.6 ระบุจบง่าย เมื่อถามถึงปัญหาที่เป็นตัว “บั่นทอน” ความสุขของคนไทยมากที่สุด พบว่า ร้อยละ 42.7 ระบุปัญหาการเมือง รองลงมาคือร้อยละ 33.4 ระบุปัญหาเศรษฐกิจ และร้อยละ 23.9 ระบุปัญหาสังคม ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า การเมืองเป็นกลไกที่จำเป็นของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเพราะการเมืองถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในหมู่ประชาชนจำนวนมากทั้งในเรื่องที่ทำกิน ปัญหาปากท้อง การจัดสรรทรัพยากร และความเป็นธรรมทางสังคม เป็นต้น แต่หลายครั้งกลับพบว่า การเมืองกลายเป็นตัวปัญหาเสียเองที่มักจะซ้ำเติมความขัดแย้งให้มากยิ่งขึ้นจนเป็น “เรื่องยาก” จะเยียวยาแก้ไขได้ ทางออกที่น่าพิจารณาคือประการแรก รักษาจุดแข็งร่วมของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เช่น การเลือกตั้ง การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของตนเอง ชุมชน และประเทศชาติ การมีอำนาจต่อรองในการกระจายทรัพยากรสู่ชุมชน ท้องถิ่นและประชาชนแต่ละคน การส่งเสริมเสรีภาพหน้าที่พลเมืองและความรับผิดชอบ เป็นต้นประการที่สอง ส่งเสริมให้รณรงค์ปี 2556 เป็นปีแห่งคุณธรรม และในแต่ละเดือนเป็นเดือนที่ส่งเสริมคุณธรรมด้านต่างๆ เช่น เดือนแห่งความเมตตาปรานี เดือนแห่งความกตัญูญู เดือนแห่งความมีวินัย เดือนแห่งความซื่อสัตย์สุจริต เดือนแห่งการศึกษาเรียนรู้เพิ่มพูนความสามารถ และเดือนแห่งความขยันหมั่นเพียร โดยใช้ยุทธศาสตร์รวมทุกคนในชาติเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีทั้งความเก่งและความดีอยู่ในแต่ละคนที่นำไปสู่ความผาสุกอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จะทำให้เกิดความตระหนักปฏิบัติคุณธรรมด้านต่างๆ ทุกวันประการที่สาม เสนอแนะให้ฝ่ายการเมืองและประชาชนแต่ละคนลองอ่านนิทานอีสป เรื่อง “ลากับรูปเคารพ” ที่เป็นคติสอนใจได้หลายมิติ เช่น ไม่หลงใหลในอำนาจทั้งๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่จะติดตัวไปได้ตลอด และไม่นำความดีของคนอื่นมาเป็นของตน เป็นต้น จะได้เข้าถึงความอนิจจังแห่งอำนาจและทรัพย์สินที่ไม่ได้ยั่งยืนอะไร เผื่อจะมองเห็นตัวเองได้ว่า ผู้คนไม่ได้เคารพยำเกรงท่านเพราะคุณงามความดีของท่านแต่เป็นเพราะอำนาจที่ติดอยู่กับตำแหน่งและทรัพย์สินที่ติดตัวในชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อตำแหน่งและทรัพย์สินหลุดลอยไปตัวท่านก็จะไม่ต่างไปจากเจ้าลาตัวนั้นในนิทานอีสปนั่นเอง ทั้งนี้ หวังว่าฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจและคนที่มีทรัพย์สินอยู่ในเวลานี้จะใช้เพื่อเป็นคติสอนใจปฏิบัติตนก่อให้เกิดความสงบสุขร่มเย็นต่อตนเองและผู้อื่นประการที่สี่ เมื่อการเมืองกลายเป็น “ตัวบั่นทอน” ความสุขของประชาชน ข้อเสนอแนะคือ รัฐบาลโดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร น่าจะเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแบบแผนการเมืองแบบดั้งเดิมมาเป็น “การเมืองเพื่อสาธารณชน” คือทำทุกอย่างให้โปร่งใสให้สาธารณชนรับรู้ รับทราบทรัพยากรทั้งหมดที่รัฐบาลมีและใช้ในการบริหารจัดการปัญหาของประเทศ ผ่านเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลและสื่อของรัฐ ผลที่ตามมาคือ การแกะรอยการใช้จ่ายงบประมาณโดยสาธารณชนจะเกิดขึ้นและจะส่งผลทำให้ “คนของรัฐบาล” ต้องปรับปรุงพัฒนาตนเองในการบริหารจัดการปัญหาเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนและของประเทศชาติให้มีประสิทธิภาพ (Effectiveness) มีความคุ้มค่าคุ้มทุน (Efficiency) และการจัดวางคณะบุคคลทำงานเพื่อสาธารณชนได้ดี (Accountability) เพราะทุกเม็ดเงินที่มาจากภาษีประชาชนจะถูกจับตามองโดยสาธารณชน โดย “คนของรัฐบาล” ที่ไม่มีคุณภาพทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายการเมืองก็ต้องถูกปรับออกไป เพื่อหาคนดีคนเก่งตามหลักสากลที่ทั่วโลกยอมรับมาทำหน้าที่แทน ประการที่ห้า ประชาชนคนไทยแต่ละคนไม่น่าจะยอมตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองที่พยายามสร้างความขัดแย้งรุนแรงบานปลายขึ้นอีก เพราะอดีตการเมืองที่ผ่านมาน่าจะสอนเราว่า เมื่อเกิดการเปลี่ยนมือผู้ถืออำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยก็มักจะพบว่าไม่มีอะไรใหม่ที่ดีขึ้นต่อวิถีชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ แต่มักจะทำให้กลุ่มคนเฉพาะกลุ่มได้รับผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนั้น ดังนั้นประชาชนแต่ละคนน่าจะตื่นตัวแสดงตนขึ้นมาสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยที่สามารถทำให้เกิดการกระจายทรัพยากรและการกระจายความเป็นธรรมสู่มือของประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศอย่างแท้จริงมากกว่า

Friday, December 7, 2012

ต่อชะตาชีวิต เบนิเตซ!!! สิงโต ต้องบุกชนะ แมวดำ

ต่อชะตาชีวิต เบนิเตซ!!! สิงโต ต้องบุกชนะ แมวดำ
ศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มาถึงนัดที่ 15 ของฤดูกาล 2012-13 กันแล้ว โดยวันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม มีทั้งหมด 6 คู่ แข่งพร้อมกันเวลา 22.00 น. ซึ่งคู่ที่น่าสนใจหนีไม่พ้นทีมเชลซีของ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่จะบุกไปเยือนถิ่นซันเดอร์แลนด์ ต้องมาลุ้นกันว่า นัดที่ 4 ในการคุมทีมลงเล่นในลีก จะสะกดคำว่าชนะเป็นหรือยัง...อาร์เซนอล-เวสต์บรอมวิชผู้ตัดสิน : ไมเคิล โจนส์ พลพรรคปืนใหญ่ อาร์เซนอล ทีมอันดับ 10 ที่ไม่ชนะในลีกมา 3 นัดติดแล้ว นัดนี้เล่นในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของตัวเอง จะไม่มีแข้งตัวหลักอย่าง ลูคัส โพดอลสกี้ ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และธีโอ วัลคอตต์ เจ็บน่อง ส่วน 2 กองหลังที่เจ็บและลงไม่ได้ก็มี บาการี ซานญา เจ็บเท้า และโลรองต์ คอสเซียลนี เจ็บต้นขา คงเป็นงานหนักของกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ต้องปรับทัพอีกครั้งฝูงนกขมิ้น เวสต์บรอมวิช ทีมอันดับ 5 เพิ่งจะแพ้ 2 นัดรวดในลีก ออกมาเยือนทีมใหญ่กว่า โอกาสแบ่งแต้มไม่ง่ายแน่ แม้ว่าอันดับในตารางจะสูงกว่าก็ตามที นัดนี้กุนซือ สตีฟ คลาร์ก เตรียมส่ง 3 ตัวหลักลงบู๊แน่นอน ทั้ง ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้, เจมส์ มอร์ริสัน และ คริส บรันท์ หากเสมอได้ก็ไม่เสียหายแล้ว แอสตัน วิลลา-สโต๊ก ซิตี้ผู้ตัดสิน : โรเจอร์ อีสต์ ทัพสิงห์ผยอง วิลลา ทีมอันดับ 15 กำลังดิ้นหนีพื้นที่ตกชั้นอย่างเร่งด่วน โดย 3 เกมในลีกล่าสุด ไม่มีแพ้ นัดนี้เล่นในรังวิลลา พาร์ค ของตัวเอง น่าจะมีเฮสักที แต่ยังจะไม่มี รอน ฟลาร์ กองหลังและกัปตันทีมที่เจ็บน่อง นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร คาดว่ากุนซือ พอล แลมเบิร์ต จะใช้งานลูกทีมจากเกมล่าสุดที่บุกไปเสมอควีนส์ปาร์ค 1-1 เป็นส่วนใหญ่ขุนพลช่างปั้นหม้อ สโต๊ก ทีมอันดับ 9 ที่ทำผลงานชนะเกมลีก 3 นัดรวด จนอันดับพุ่งขึ้นมาเกาะเลขตัวเดียว นัดนี้กุนซือโทนี พูลิส รอดูอาการเจ็บฟันของปีเตอร์ เคราช์ อีกครั้งก่อนตัดสินใจ ส่วน 2 กองหน้าต่างวัย คาเมรอน เจอโรม และ ไมเคิล โอเวน หายเจ็บแล้ว อาจมีชื่อสำรอง ขณะที่ ชาร์ลี อดัม ติดโทษห้ามแข่ง 1 นัดพอดีเซาแธมป์ตัน-เรดดิงผู้ตัดสิน : จอน มอสส์ ขุนพลนักบุญ เซาแธมป์ตัน ทีมน้องใหม่อันดับ 18 เพิ่งจะพ่ายนัดแรก จากเกมลีก 5 นัดล่าสุด ได้เล่นในถิ่นเซนต์ แมรี ของตัวเอง เจอเรดดิง ทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาพร้อมกัน นัดนี้กุนซือ ไนเจล แอ็ดกินส์ หมดสิทธิ์ใช้งาน แกสตัน รามิเรซ ที่เจ็บ เช่นเดียวกับ เฟรเซอร์ ริชาร์ดสัน ที่เจ็บ ส่วน ริชาร์ด แช็ปลอว์ มีลุ้นกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้งเรดดิง ทีมรองบ๊วย ฟอร์มยังไม่ไหว 3 เกมลีกหลังสุด พ่ายเรียบ นัดนี้ออกมาเยือน เกมจะเป็นไปในรูปไหนก็ได้ทั้งสิ้น แต่ที่แน่ๆ ไม่มี พาเวล โพเกร็บเนียค ที่เจ็บจากการลงลับฝีเท้าในทีมสำรองเมื่อกลางสัปดาห์ ต้องพักต่อไป รวมทั้ง จิมมี เคเบ กับ เจม คาราแคน ส่วนแดนนี กัทธรี กลับมาฟิตอีกครั้งหลังจากเจ็บต้นขา ซันเดอร์แลนด์-เชลซีผู้ตัดสิน : มาร์ค ฮัลซีย์ฝูงแมวดำ ซันเดอร์แลนด์ ทีมอันดับ 17 ที่เพิ่งชนะเกมลีกนัดเดียวจาก 5 นัดหลังสุด ลงเล่นในรังสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ นัดนี้มีลุ้นชนะเพราะเชลซี กำลังแย่ แม้ว่า 10 นัดล่าสุดที่พบกัน จะชนะแค่ครั้งเดียวก็ตาม กุนซือ มาร์ติน โอนีล ยังต้องลุ้นความฟิตของ จอห์น โอเชีย ที่เพิ่งหายเจ็บน่อง เช่นเดียวกับอาการเจ็บข้อเท้าของ สตีเวน เฟลทเชอร์ แต่ที่ลงไม่ได้แน่นอนคือ ลี คัตเทอร์โมล กัปตันทีมที่พักยาวกว่า 2 เดือน เพราะเข่าเดี้ยง ส่วนตำแหน่งอื่นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ดูแล้วคงใช้ชุดที่เพิ่งพ่ายนอริชมาในนัดก่อนเป็นหลักทัพสิงโตน้ำเงิน เชลซี ทีมอันดับ 3 ที่ชนะไม่เป็นในลีก 7 นัดรวดเข้าไปแล้ว การบุกขึ้นมาเยือนทีมที่มีชื่อชั้นด้อยกว่ามาก คงต้องชนะสถานเดียวเท่านั้น สำหรับกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่คุมทีมในลีกไปแล้ว 3 นัด เสมอ 2 แพ้ 1 ถ้ายังไม่ชนะอีก มีโอกาสถูกเด้งก่อนเวลาอันสมควรเหมือนกัน แต่นัดนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน จอห์น โอบี้ มิเกล ที่ติดโทษห้ามแข่ง เกมรับในแดนกลางอาจยวบไปบ้าง ขณะที่แฟรงค์ แลมพารืด หายเจ็บน่องแล้ว ต้องลุ้นความฟิตจนถึงนาทีสุดท้าย ขณะที่จอห์น เทอร์รี กับ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ยังเจ็บทั้งคู่ ส่วนเฟอร์นันโด ตอร์เรส น่าจะยืนเป็นหน้าเป้า โดยมี ฆวน มาตา กับ ออสการ์ สนับสนุนอยู่ข้างหลัง  สวอนซี ซิตี้-นอริช ซิตี้ผู้ตัดสิน : โฮเวิร์ด เวบบ์ ฝูงหงส์ขาว สวอนซี ทีมอันดับ 7 ที่ยังไม่แพ้ในลีก 6 นัดติดต่อกันแล้ว นัดนี้ได้เล่นในรังลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ของตัวเอง มีลุ้นเก็บ 3 แต้มอีกครั้ง กุนซือ ไมเคิล เลาดรุป ยังรอลุ้นความฟิตของ เวย์น รูทเลดจ์ ที่หายเจ็บข้อเท้า ส่วน มิชู เล่นหน้าเป้าต่อไป เช่นเดียวกับตำแหน่งอื่นที่น่าจะเป็นชุดเดิมกับที่บุกชนะอาร์เซนอล 2-0 ในนัดก่อนพลพรรคนกขมิ้น นอริช ทีมอันดับ 12 ที่ไม่แพ้ใครในลีก 8 นัดรวดแล้ว นัดนี้ไม่มีปัญหานักเตะเจ็บหรือติดโทษห้ามแข่งเพิ่ม กุนซือ คริส ฮิวจ์ตัน น่าจะใชนักเตะชุดเดิมจากเกมที่ชนะซันเดอร์แลนด์ในนัดล่าสุดลงสนาม รวมทั้ง เซบาสเตียน บาสซง ที่ฟิตกลับมาช่วยทีมได้แล้ว วีแกน แอธเลติก-ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์สผู้ตัดสิน : ฟิลิป ดาวด์ วีแกน ทีมอันดับ 16 เพิ่งชนะนัดเดียวจากเกมลีก 5 นัดล่าสุด นัดนี้เล่นในถิ่นดีดับเบิลยู สเตเดี้ยม กุนซือ โรแบร์โต มาร์ติเนซ หวังชนะสถานเดียว แต่การที่ต้องขาดตัวหลักไปหลายคนอาจส่งผลเสียต่อทีมอย่างหนัก โดยเฉพาะ กัปตันทีม แกรี คัลด์เวลล์ และเมย์เนอร์ ฟิเกรัว ที่ถูกห้ามแข่งทั้งคู่ขุนพลทหารเสือราชินี ควีนส์ปาร์ค ทีมบ๊วยของตารางที่ยังไม่ชนะใครในเกมลีกฤดูกาลนี้ นำทัพโดยกุนซือคนใหม่ แฮร์รี เรดแนปป์ ที่ต้องเร่งพิสูจน์ฝีมือก่อนจะสายเกินไป นัดนี้หมดสิทธิ์ใช้งาน จูลิโอ ซีซาร์ นายทวารมือ 1 ที่เจ็บโคนขาหนีบ ต้องพัก 2 สัปดาห์ ส่วนสเตฟาน เอ็มเบีย กับ แซมบา เดียกิเต หายเจ็บพร้อมลงสนามช่วยทีมแล้ว

หุ้นมะกันปิดแดนบวก ตัวเลขว่างงานลด

หุ้นมะกันปิดแดนบวก ตัวเลขว่างงานลด
หุ้นมะกันปิดแดนบวกอัตราตัวเลขการว่างงานลดลง น้ำมันดิบไนเม็กซ์ ลดลง 33 เซนต์ ราคาทองคำนิวยอร์ก ลดลง 3.70 ดอลลาร์...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายแดนบวกหลังอัตราตัวเลขการว่างงานลดลง และทิศทางหุ้นของ บริษัท แอปเปิล ยังคงดำเนินไปอย่างดี ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 81.09 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 13,155.13 จุด ดัชนีแนสแดค ลดลง 11.23 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 2,978.04 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.13 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 1,418.07 จุดราคาน้ำมันดิบ ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือน ม.ค. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 85.93 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 107.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก บวก 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,705.50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์.

นายกฯปลื้มปีติได้รับเสด็จ ในหลวง ออกมหาสมาคม-น้อมรับพระราชดำรัส

นายกฯปลื้มปีติได้รับเสด็จ ในหลวง ออกมหาสมาคม-น้อมรับพระราชดำรัส
รายการนายกฯ ตอนพิเศษ ประมวลภาพพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2555 นายกฯเผยปลื้มปีติได้รับเสด็จ ในหลวง ออกมหาสมาคม น้อมรับพระราชดำรัส...เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.รายการ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน ตอนพิเศษ ประมวลภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม รับการถวายพระพรชัยมงคล ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2555 ท่ามกลางพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าเฝ้าฯ รอรับเสด็จชื่นชมพระบารมีอย่างเนืองแน่น และร่วมถวายพระพรชัยมงคลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมซึ่งถือเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์น่าประทับใจ ตั้งแต่เหตุการณ์แรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ราษฎรทั้งหมด ประชาชนทั้งหมดที่มาจากทุกที่ เมื่อมองไปที่ถนนสุดลูกหูลูกตาก็พบเห็นประชาชนเดินทางมาร่วมชมพระบารมีได้มาเข้าเฝ้าฯ และแสดงความจงรักภักดี พระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมของพสกนิกรชาวไทย หลายๆ คนที่มามีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขจริงๆนายกฯ กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกโชคดีมากที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ และกราบทูลคำถวายพระพร นับเป็นความประทับใจเป็นภาพในประวัติศาสตร์ และเชื่อว่าทุกคนจะมีความสุขมาก และจะถือคำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งมีคุณค่าสำหรับตน และคนไทยทั้งหมด ตนจะน้อมรับพระราชดำรัสนั้นมาน้อมเกล้าใส่เกล้าใส่กระหม่อมในการทำงานต่อไป ซึ่งเป็นแนวหลัก และถือเป็นสิริมงคลต่อตน และประเทศไทย.

Thursday, December 6, 2012

ทูลกระหม่อม ประทานแจกันดอกไม้เยี่ยม หลวงพ่อคูณ

ทูลกระหม่อม ประทานแจกันดอกไม้เยี่ยม หลวงพ่อคูณ
ผู้แทน ทูลกระหม่อม เชิญแจกันดอกไม้เยี่ยมอาการ หลวงพ่อคูณ แพทย์ รพ.ศิริราช เข้าตรวจอาการยันพ้นวิกฤติ ไข้ไม่มีดูแล 2 สัปดาห์...เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่ห้อง 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ โปรดให้ ดร.มนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญ (ประทาน) แจกันดอกไม้ (ดอกกุหลาบสีแดงสด) ถวายเยี่ยม อาการอาพาธพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เกจิอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ของ จ.นครราชสีมา โดยมี รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุลภาควิชาอายุรศาสตร์ วัณโรค รพ.ศิริราช, นพ.ณรงค์ อภิกุลวนิช ผอ.รพ.มหาราชฯ, นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราช แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณให้การต้อนรับโดยคณะได้เข้ากราบมนัสการหลวงพ่อคูณเป็นการส่วนตัว โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพแต่อย่างใด โดยได้นำแจกันดอกไม้ขึ้นวางบนโต๊ะหมู่บูชาต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่หน้าห้อง เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ญาติโยมพี่น้องประชาชนได้สักการะและชื่นชมพระบารมีดร.มนัส โนนุช กล่าวว่า ทูลกระหม่อมฯ ทรงห่วงใยอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ จึงโปรดให้นำแจกันดอกไม้มาเยี่ยมอาการอาพาธ ซึ่งได้รับทราบจากคณะแพทย์ว่าอาการดีขึ้น ไม่มีไข้แล้ว และตนจะเดินทางกลับไปทูลถวายเรื่องอาการให้ทรงทราบต่อไปก่อนหน้าเมื่อเวลา 08.30 น. วันเดียวกัน รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์วัณโรค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด รพ.ศิริราช ได้เดินทางมาเพื่อตรวจอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ โดยมี นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วย นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ อายุกรรมโรคปอด, นพ.ธนากร อนันตเศรษฐกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจ โดยได้ตรวจรายงานแผนการรักษาการให้ยา และตรวจแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ปอดทั้งสองข้างของหลวงพ่อคูณ ก่อนเข้าตรวจอาการพระเทพวิทยาคมรศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและคณะแพทย์ รพ.มหาราชฯ ร่วมมือวางแผนในการดูแลอาการเจ็บป่วยของหลวงพ่อคูณมาอยู่ตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มปัญหาเกิดขึ้นด้วยอาการปอดอักเสบเกิดขึ้น และส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากสภาพแวดล้อมอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้เกิดการสำลักอาหารลงในปอดทั้งสองข้าง ซึ่งถือว่าอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณรุนแรงมาก ถ้าเป็นคนธรรมดาที่ร่างกายไม่แข็งแรงมากนักถือว่าเป็นการเจ็บป่วยที่จะเกิดภาวะวิกฤติได้ง่าย โดยเราได้ประสานกันอยู่ตลอดโดยใช้เทคโนโลยีฯ เรื่องขอข้อมูลกัน การเปลี่ยนแปลง อาการเจ็บป่วยของหลวงพ่อ รวมทั้งผลเอกซเรย์ปอดสองข้างถูกส่งเข้าไปที่ รพ.ศิริราช ตลอดเวลา แต่ก็มีช่วง 2-3 วันก่อนหน้านี้ที่อาจจะเป็นช่วงที่ดูจะวิกฤติในแง่การหายใจของหลวงพ่ออย่างไรก็ตาม โดยสภาพร่างกายของท่านที่อายุ 90 ปี รวมทั้งสภาพร่างกายที่มีโรคประจำตัวทั้งหลอดสมองเดิม, หัวใจ ฉะนั้น เวลาเจ็บป่วยก็จะรุนแรง โดยเฉพาะการอักเสบที่เกิดจากปอดส่วนล่างทั้งซ้ายและขวา ทั้งสองข้าง เต็มพื้นที่ประมาณ 30-50% ของเนื้อปอดคนเราทั้งหมด ฉะนั้น การฟื้นตัวต่างๆ จะใช้เวลานิดหนึ่ง โดยเฉพาะที่สำคัญเรื่องไข้ เนื่องจากปฏิกิริยาการอักเสบครั้งนี้รุนแรงและมีการลุกลามของการอักเสบเข้ามาที่เยื่อหุ้มปอด จนทำให้เกิดน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด ซึ่งคณะแพทย์ของของ รพ.มหาราชฯ ได้ทำการตรวจน้ำที่เกิดจากการอักเสบของช่องเยื่อหุ้มปอดก็พบว่า สารน้ำนั้นเป็นสารน้ำที่เป็นปฏิกิริยาต่อการเกิดปอดอักเสบยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นหนอง หรือจะทำให้เกิดปัญหารุนแรงในภายหลัง ซึ่งหลังจากที่ให้ยาต้านจุลชีพที่เหมาะสมและที่สำคัญคือการดูแลเรื่องระบบการหายใจ และระบบไหลเวียนโลหิตของหลวงพ่อคูณฯ โดยอาการต่างๆ ค่อยๆ คลี่คลายไปช้าๆ ต้องใช้เวลานิดหนึ่งสำหรับคนที่สูงอายุ และคนที่มีการเจ็บป่วยรุนแรงรศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวอีกว่า วานนี้ช่วงเช้าทุกอย่างไปในทางที่เราข้ามช่วงวิกฤตินั้นมาและค่อยๆ ดีขึ้นจนเมื่อ คืนนี้ที่ผ่านมาทราบว่าหลวงพ่อคูณฯ จำวัดได้เป็นช่วงยาว ดีขึ้นไข้เริ่มลง การเปลี่ยนแปลงของระบบการหายใจต่างๆ ควบคู่กับระดับน้ำตาลในเลือดทุกอย่าง เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ถือว่าการตอบสนองต่อการรักษาเป็นไปในทางที่ดี หลวงพ่อคูณฯ น่าจะผ่านระยะวิกฤติสำหรับการเจ็บป่วยรุนแรงนั้นมาแล้ว และในช่วงเช้าที่ตนได้เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณฯ รู้ตัวดี ระบบการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิตคงที่ดีอยู่ การเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายทำได้ดี เรื่องระดับออกซิเจนในเลือดคงที่ดีตลอดใกล้เคียงคนปกติแล้ว ไข้ลดลงแล้ว 37 องศาฯ ไม่มีไข้ คณะแพทย์ประชุมร่วมกันคิดว่า การดูแลรักษาเราทำมาถูกทางแล้วและถูกต้องเหมาะสม เรามีข้อตกลงกันว่า ถ้าถึงระยะไหนที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงในการดูแลรักษาของหลวงพ่อที่จะเกิดประโยชน์โดยเราคำนึงถึงประโยชน์ของคนไข้เป็นหลัก อันไหนที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ป่วยเราจะเลือกในสิ่งนั้น ถ้าจุดที่ว่าหลักเป็นเรื่องของไข้สูง ไข้ไม่ลดลง การรู้ตัวแย่ลง หรือระบบการแลกเปลี่ยนแก๊ส การหายใจแย่ลง หรือระบบเดินโลหิตแย่ลง ทาง รพ.ศิริราช จะรับไม้ช่วงต่อ โดยทางศิริราชเราเตรียมพร้อมมาตลอดสำหรับใช่วง 7 วันที่หลวงพ่อป่วยอยู่ ขั้นต้นทางทีมคณะแพทย์ที่นี่ดูแลได้ต่อเนื่องเป็นอย่างดี ตอนนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น เพียงแต่ว่าช้านิดหนึ่งสำหรับคนสูงอายุ อย่างไรก็ดี ถ้าในอนาคตถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปในทางที่แย่ลงหรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่คิดว่าจะเป็นอันตรายกับหลวงพ่อได้ง่ายขึ้นทาง รพ.มหาราชฯ กับ รพ.ศิริราช จะตกลงกันอีกครั้งว่าจะวางแผนการรักษาต่อไปอย่างไร จะเคลื่อนย้ายไปหรือไม่ แต่ปัจจุบันเราคิดว่าการดูแลรักษาที่นี่น่าจะเป็นประโยชน์กับหลวงพ่อมากที่สุด ส่วนการประเมินจะรักษาอีกนานแค่ไหนนั้น ตนคิดว่าโดยปกติจากการเกิดปอดอักเสบในผู้สูงอายุโดยที่สภาพหลวงพ่อที่มีโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจอยู่ ฉะนั้น การที่เกิดปอดอักเสบสองข้างพร้อมกันเป็นพื้นที่ปริมาณสัดส่วนพอสมควร ของเนื้อปอดของคนเรา ฉะนั้น การฟื้นตัวจะใช้เวลาเรื่องการให้ยาต้านจุลชีพใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน หลังจากนั้นต้องรอเรื่องการฟื้นตัวของสภาพร่างกายในส่วนอื่นๆ ที่ถูกผลกระทบจากการที่เกิดปอดอักเสบรุนแรงคงต้องใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อยทั้งนี้ คงต้องรอดูว่าหลังจากนี้ไปไข้จะลงอย่างนี้ไปได้ตลอดหรือไม่ เท่าที่ประเมินแล้วไข้น่าจะลงต่อเนื่อง วันนี้ไม่น่าจะมีไข้ขึ้นมาแล้ว ตนยืนยันว่าตอนนี้ท่านพ้นช่วงวิกฤติมาได้แล้ว และ ณ จุดนี้หลวงพ่อปลอดภัย การเคลื่อนย้ายไปตอนนี้น่าจะเป็นการรบกวนหลวงพ่อมากกว่า แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่องไข้กลับขึ้นมาสูงใหม่ อาการทางสมองแย่ลง อาการทางปอด หัวใจแย่ลง ทาง รพ.ศิริราช จะปรึกษาทางนี้เรื่องการเคลื่อนย้ายต่อไป. 

ชวนดูฝนดาวตก เจมินิดส์ ส่งท้ายปี คาด 120 ดวง/ชม.

ชวนดูฝนดาวตก เจมินิดส์ ส่งท้ายปี คาด 120 ดวง/ชม.
ชม ฝนดาวตกเจมินิดส์ ส่งท้ายปี 2555 ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ คาดมีมากถึง 120 ดวงต่อชั่วโมง เห็นได้ด้วยตาเปล่าทั่วประเทศ...เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเผยว่า ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตกส่งท้ายปี 2555 ได้แก่ ฝนดาวตกเจมินิดส์หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ (Geminids Meteor Shower) และนับเป็นโอกาสดีที่ชาวไทยจะได้ชมความสวยงามของฝนดาวตกเจมินิดส์กันอย่างเต็มอิ่มเนื่องจากในวันดังกล่าวเป็นช่วงคืนเดือนมืด ข้างแรม 15 ค่ำ ไม่มีแสงจากดวงจันทร์มารบกวนทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถสังเกตเห็นฝนดาวตกเจมินิดส์ได้มากถึง 120 ดวงต่อชั่วโมง ซึ่งจะสังเกตได้ง่ายกว่าฝนดาวตกลีโอนิดส์ เนื่องจากมีความเร็วของดาวตกไม่มากนัก ประมาณ 35 กิโลเมตรต่อวินาทีดร.ศรัณย์ กล่าวต่อว่า สำหรับฝนดาวตกเจมินิดส์สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณใกล้กับกลุ่มดาวคนคู่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการกระจายของฝนดาวตกเจมินิดส์ มีลักษณะเป็นริ้วสีขาวพาดผ่านท้องฟ้า ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่ 13 ธ.ค. ถึงเช้ามืดประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 14 ธ.ค. ตามเวลาในประเทศไทย ฝนดาวตกเจมินิดส์จะสามารถสังเกตได้ง่ายกว่าฝนดาวตกลีโอนิดส์ เนื่องจากมีความเร็วของดาวตกไม่มากนัก ประมาณ 35 กิโลเมตรต่อวินาที หากมีคนสังเกตเห็นก็ยังสามารถเรียกชี้ชวนกันชมได้ทัน เพิ่มความสนุกสนานในการเฝ้ารอชมฝนดาวตกเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ว่าในปีนี้จะสามารถสังเกตเห็นฝนดาวตกเจมินิดส์ได้มากกว่า 120 ดวงต่อชั่วโมงนั้น เนื่องจากตามเวลาในประเทศไทยที่คาดว่าจะเห็นดาวตกมากที่สุดเป็นเวลาหลังเที่ยงคืนของคืนเดือนมืด หากรอชมฝนดาวตกในสถานที่ที่มีท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีแสงรบกวน หรือพื้นที่บนดอยสูงที่มีทัศนวิสัยของท้องฟ้าที่มืดสนิท อาจสังเกตดาวตกได้มากถึง 200 ดวงต่อชั่วโมงเลยทีเดียวดร.ศรัณย์ กล่าวด้วยว่า การเลือกสถานที่เฝ้ารอชมฝนดาวตก ควรเลือกสถานที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟรบกวนจ ะสังเกตเห็นดาวตกที่มีความสว่างและสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจมาก แต่ก็ควรระมัดระวังถึงความปลอดภัยด้วย ส่วนวิธีการชมฝนดาวตกให้สบายที่สุดนั้น เนื่องจากการชมฝนดาวตกต้องอาศัยระยะเวลานานหลายชั่วโมงและจุดศูนย์กลางการกระจายของฝนดาวตกจะอยู่กลางท้องฟ้า ส่วนใหญ่จึงมักใช้วิธีนอนรอชมเพื่อไม่ให้เกิดอาการเมื่อยคอ นอกจากนี้ในช่วงเดือน ธ.ค. ที่มีอากาศหนาว หากนอนรอชมในถุงนอนก็จะสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง.

ไอซ์ เครียดถูกมองคาสโนวี่ แจง เป้-ดีเจพุฒ แค่พี่น้อง

ไอซ์ เครียดถูกมองคาสโนวี่ แจง เป้-ดีเจพุฒ แค่พี่น้อง
ไอซ์-ปรีชญา ยังไม่เห็นภาพปาปารัซซี่กับเป้-อารักษ์ คาดเป็นภาพจากงานคอนเสิร์ต ปัดดีเจพุฒ-พุฒิชัย ตามจีบ แจงทุกคนแค่พี่ รับเครียดถูกมองคาสโนวี่หลังมีข่าวกับผู้ชายเยอะ เผยมีหนุ่มคุยแล้วแต่ยังเป็นแค่พี่น้อง...เข้าวงการบันเทิงมาได้ไม่ถึงปี แต่สาวหน้าหวานค่ายจีทีเอช ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร นางเอกจากภาพยนตร์ดัง เอทีเอ็ม เออรักเออเร่อ ก็ตกเป็นข่าวกับหนุ่มๆ ไม่ซ้ำหน้าซะแล้ว ล่าสุดมีภาพปาปารัซซี่กับพระเอกนักร้องหนุ่มมาดเซอร์ เป้-อารักษ์ อมรศุภสิริ ไหนจะข่าวกับดีเจหนุ่ม พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน ที่แว่วมาว่ากำลังเดินหน้าขายขนมจีบสาวไอซ์อยู่ จนหลายคนมองว่าสาวไอซ์ขึ้นแท่นคาสโนวี่คนใหม่ไปเรียบร้อย พอได้เจอสาวไอซ์ในงานแถลงข่าวเปิดตัว โครงการรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เลยไม่พลาดสอบถามประเด็นร้อนๆ กับเจ้าตัว พร้อมทั้งถามเรื่องสุขภาพของสาวไอซ์ หลังสังเกตเห็นว่านางเอกสาวดูอวบขึ้นผิดหูผิดตาอีกด้วยไปทำอะไรมาช่วงนี้ดูอวบขึ้น? ใช่ค่ะ ขึ้นมาหลายกิโลฯ เลย เพราะช่วงนี้ทำงานเยอะก็เลยกินเยอะ เราต้องกินเพื่อไม่ให้มันหลับค่ะ ขึ้นมา 3 กิโลฯ ได้ค่ะตอนนี้ แต่ตอนนี้ก็เริ่มจะลดน้ำหนักแล้วค่ะ เพราะอยากดูแลสุขภาพด้วย เพราะเดี๋ยวอ้วนมากๆ จะมีผลต่องานของเราได้ ถามถึงภาพปาปารัซซี่กับเป้-อารักษ์ หน่อย ล่าสุดมีภาพออกมาแล้ว? ไม่รู้ว่าภาพไหน ยังไม่เห็นภาพเลยค่ะ ไม่รู้ ไม่เคยเห็นค่ะ ยืนยันว่าเราไม่เคยไปไหนด้วยกันเลยค่ะ แต่ถ้าจะมีคงเป็นภาพจากงานคอนเสิร์ตสควีซแอนนิมอลมั้งคะ แต่เราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราก็ไปกับเพื่อนๆ ของเราค่ะ อยู่คนละที่กันเลยค่ะ ข่าวออกมาว่าแอบกิ๊กกันอยู่? ไม่มีค่ะ ไม่มีกิ๊กมีจีบกันแน่นอน แต่ถ้าถามว่ารู้จักไหม รู้จักค่ะเพราะเค้าเป็นพี่ชายคนหนึ่งที่เคยร่วมงานกัน ถ่ายหมวดโอภาสค่ะ ยืนยันว่าเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น แล้วข่าวกับดีเจพุฒล่ะที่มีข่าวว่ากำลังตามจีบเราอยู่? ว้าว...ใครๆ ก็มาขายขนมจีบเราทุกคนเลย ไม่มีอะไรค่ะ เพราะกับพี่พุฒเราก็เคยร่วมงานกันในคลับฟรายเดย์ เดอะ ซีรีส์ค่ะ ก็เลยสนิทกันแต่ไม่ได้จีบแน่นอนค่ะ รู้สึกยังไงร่วมงานกับใครก็โดนจับคู่กันหมด? ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่มีใครจีบเลยค่ะ ตอนนี้โสดไหม? ก็มีคนคุยค่ะ แต่ยังแค่พี่น้องกันค่ะ หนุ่มที่คุยอยู่มีถามถึงข่าวไหม? ก็ไม่ได้ถามนะ เพราะเราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เค้าก็เข้าใจแหละค่ะว่ามันก็เป็นแค่ข่าว ล่าสุดเป้-อารักษ์ ออกมาบอกว่าเป็นห่วงเราที่มีข่าว? ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ แต่ไม่ทันแล้วมั้งคะเพราะเป็นข่าวไปหมดแล้ว ที่ผ่านมาโดนมาเยอะเลยค่ะ ตั้งแต่พี่เต๋อ พี่โตโน่ พี่เป้ พี่พุฒ โดนมาทุกคนที่ร่วมงานเลย รู้สึกแย่ไหมที่ตอนนี้หลายคนมองว่าเราเป็นคาสโนวี่ไปแล้ว? ไม่ได้เป็นเลยค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมีหนุ่มเข้ามาพัวพันเยอะมาก ที่ผ่านมาก็เครียดนะเพราะเรามีข่าวแนวนี้เยอะมาก ผู้ใหญ่ว่ายังไงบ้าง? ที่บ้านตอนที่มีข่าวแรกๆ ก็ตกใจนะคะ แต่เราจะคุยกันตลอดว่ามันคืออะไรยังไงเค้าก็เข้าใจ ส่วนทางค่ายไม่มีอะไรค่ะ ไม่มีใครว่าอะไร หลังจากนี้ต้องระวังตัวมากขึ้นไหม? แน่นอนค่ะ ต่อไปนี้ทำงานกับใครก็คงจะต้องระวังตัวมากขึ้น ต้องมีคนไปไหนมาไหนด้วย จะได้ไม่เป็นข่าวอีก. 

Wednesday, December 5, 2012

ทุนไทย ฮุบกิจการต่างประเทศมากเป็นอันดับ 3 ของโลก

ทุนไทย ฮุบกิจการต่างประเทศมากเป็นอันดับ 3 ของโลก
เว็บไซต์บลูมเบิร์ก เผย ทุนไทยทุ่มฮุบกิจการต่างประเทศสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองเพียงแค่ญี่ปุ่่นและจีน...   เว็บไซต์บลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า ในปีนี้ (พ.ศ.2555) กิจการของประเทศไทย ได้ประกาศซื้อกิจการต่างชาติแล้ว สองหมื่นห้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเจ็ดแสนเจ็ดหมื่นห้าพันล้านบาท มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่า 12 ปีที่ผ่านมารวมกัน ทำให้มหาเศรษฐีไทยติดอันดับนักซื้อรองจากญี่ปุ่นและจีน บลูมเบิร์ก ระบุว่า บริษัทไทยกำลังฟื้นตัวจากเหตุมหาอุทกภัยปีที่ผ่านมา และเริ่มนำเงินสดที่สะสมมาตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินในเอเชีย เมื่อ 15 ปีก่อน ไปกระจายการลงทุน โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ (กลุ่มซีพี) จะซื้อหุ้นที่ธนาคาร HSBC ของอังกฤษ ถือครองอยู่ในผิงอันชัวรันส์ บริษัทประกันชีวิตใหญ่ อันดับสองของจีน ขณะที่กลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ พยายามจะซื้อกิจการของเอฟแอนด์เอ็น ของสิงค์โปร์ ขณะที่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (ปตท.สผ.) เอาชนะบริษัท รอยัล ดัช เชลล์ ซื้อ โคฟ เอ็นเนอร์จี.

Laser+RF เทคโนโลยีล่าสุดของการกำจัดขนถาวร

Laser+RF เทคโนโลยีล่าสุดของการกำจัดขนถาวร
เพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดขนได้ทุกสีขน ไม่เจ็บ ใช้เวลาน้อยลง ให้ผิวเรียบเนียบ เทรนด์ใหม่ที่ได้รับความนิยมในนิวยอร์ก

นานพอสมควรทั่วโลกต่างยอมรับว่า พลังงานเลเซอร์ เป็นวิธีการกำจัดขนที่ดีที่สุดและให้ผลถาวร ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ผิวพรรณ ได้มีการพัฒนาผสานพลังงานชนิดอื่นมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานเสียง หรือพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ เพื่อให้ได้ผลการักษาตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จุดเปลี่ยนของเทคโนโลยี
ล่าสุด ได้เกิดการรวมตัวกันระหว่าง Syneron และ Candela  2 ผู้นำเทคโนโลยีทางด้านเลเซอร์ผิวพรรณ รายหนึ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านพลังงานเลเซอร์ ผู้ผลิตเครื่องเลเซอร์กำจัดขนเป็นรายแรกของโลก และเป็นผู้นำในเทคโนโลยีกำจัดขนด้วยเลเซอร์ อีกรายเป็นต้นกำเนิดของการนำพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ หรือ RF มารวมกับพลังงานเลเซอร์ เมื่อทั้ง 2 บริษัทนี้มารวมกัน จึงได้เกิดการพัฒนาครั้งสำคัญของเทคโนโลยีกำจัดขนถาวร เป็นครั้งแรกที่การกำจัดขนนำเอา 2 พลังงาน คือ เลเซอร์ และ RF มาทำงานร่วมกัน เพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดขนให้ดียิ่งขึ้น เจ็บน้อยลง รวดเร็ว และได้ผลลัพธ์ที่ดี กำจัดขนได้ทุกสี ที่เลเซอร์แบบเดิมๆ ไม่สามารถทำได้

เทคโนโลยีใหม่นี้ พัฒนาให้การส่งพลังงานลงไปแต่ละครั้ง ไม่ได้มีพลังงานเดียวเหมือนในอดีต แต่เป็นการส่งพลังงานลงไปถึง 2 พลังงาน ในเวลาเดียวกัน คือพลังงานเลเซอร์ และพลังงาน RF (พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ) ที่เป็นที่รู้จักกันดีในคุณสมบัติของการยกกระชับ ทำให้ได้พลังงานที่มากกว่า การทำงานร่วมการของ 2 พลังงาน ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำลายรากขนได้ดียิ่งขึ้น เจ็บน้อยลง ส่งพลังงานความร้อนตรงสู่รากขนอย่างแม่นยำ ทำให้รากขนถูกทำลายได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากกว่า การใช้เพียงพลังงานเดียว โดยเฉพาะขนที่กำจัดถาวรได้ยากๆ หรือไม่ค่อยเห็นผลจากการทำเลเซอร์แบบปกติ เช่น ขนสีอ่อนๆ ที่หลงเหลือจากการกำจัดขนหลายๆ ครั้ง ขนอ่อนบริเวณใบหน้า บริเวณริมฝีปาก หรือการกำจัดขนในคนผิวคล้ำ ซึ่งการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ทั่วๆ ไปไม่สามารถทำงานได้ หรือทำได้ไม่ดี นับเป็นครั้งแรกที่การกำจัดขนสามารถส่ง 2 พลังงาน เลเซอร์ และ RF ลงไปทำงานพร้อมๆ กัน ทำให้กำจัดขนได้ดีขึ้น เจ็บน้อยลง  กำจัดได้แม้ขนที่เครื่องเลเซอร์ตามปกติไม่สามารถทำได้ ซึ่งในอดีตคนที่มีผิวคล้ำ อย่างผิวดำ หรือผิวน้ำตาล รวมไปถึงคนที่มีขนสีอ่อนๆ เลเซอร์กำจัดขนแบบเดิมจะได้ผลไม่ดีนัก เห็นผลช้า เมื่อขนหลุดไปก็ยังกลับมาใหม่ได้อีก ต้องทำมากครั้งกว่าขนจะหมดไปอย่างถาวร ทั้งนี้ ก็เพราะคุณสมบัติของเลเซอร์ ที่ใช้วิธีกำจัดรากขนโดยการจับกับสีของรากขน เมื่อ สีขน และ สีผิว มีความใกล้เคียงกัน พลังงานก็อาจจะทำลายได้ทั้งผิวและรากขนนั่นเอง การใช้เครื่องมือจึงต้องปรับพลังงานให้ต่ำลง เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผิว ด้วยเหตุนี้การกำจัดรากขนในกรณีคนผิวคล้ำ และขนสีอ่อนจึงทำได้ยากและได้ผลช้า จำนวนการกลับมาใหม่ยังมีมาก ต้องทำจำนวนครั้งที่มากกว่าแต่ด้วยการทำงานของเครื่องมือตัวใหม่ที่รวม 2 พลังงานไว้ด้วยกันนี้ จะทำให้การเข้าจับเม็ดสีที่รากขน และส่งพลังงานถึงเฉพาะเป้าหมาย คือรากขน ทำได้ดีกว่า ส่งพลังงานได้มากกว่า เข้าถึงและทำลายเฉพาะเซลล์รากขน โดยไม่มีผลต่อเซลล์ผิวส่วนอื่น ทำให้รากขนถูกทำลายอย่างรวดเร็ว โดยไม่ระคายเคืองต่อผิวโดยรอบ จึงมีความปลอดภัยมากกว่า เจ็บน้อยกว่า และไม่ต้องห่วงปัญหาผิวไหม้ หรือบวมแดงหลังการทำ สามารถทำได้กับทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ใหญ่อย่างขา แผ่นหลัง และลำตัว ลดความกังวล ระหว่างทำเลเซอร์ เพราะไม่เจ็บ รู้สึกสบายกว่า 
นอกจากนี้ ด้วยการทำงานของ 2 พลังงานร่วมกัน ยังทำให้ใช้เวลาในการทำแต่ละครั้งน้อยลง รวดเร็วกว่า เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย 

จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าอย่างมาก ช่วยให้ปัญหายากๆจัดการได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การเลือกใช้เทคโนโลยียังเป็นสิ่งสำคัญเสมอ ไม่ว่าจะกำจัดขนถาวรด้วยวิธีไหน ก็ควรเลือกทำกับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ มีความเข้าใจลึกซึ้งถึงความสามารถและประสิทธิภาพของเครื่องมือ และการใช้พลังงาน ซึ่งต้องใช้ให้ถูกและเหมาะสม ไม่เช่นนั้นก็อาจจะทำลายทั้งขน ทั้งผิวได้ หรือไม่ก็อาจจะไม่เกิดผลเลย.ข้อมูล/ภาพ : Apex Profound Beauty  

Blog Archive