Friday, November 16, 2012

คาดสัปดาห์หน้าค่าบาทเคลื่อนไหวที่ 30.55-30.85 ต่อดอลลาร์

คาดสัปดาห์หน้าค่าบาทเคลื่อนไหวที่ 30.55-30.85 ต่อดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด สัปดาห์หน้าค่าบาทเคลื่อนไหวที่ 30.55-30.85 บาทต่อดอลลาร์ แนะจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น และสัญญาณการประนีประนอมระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาว... บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า เงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบระดับ 30.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยการอ่อนค่าของเงินบาทในระหว่างสัปดาห์ สอดคล้องกับแรงขายสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ และการอ่อนค่าของเงินเอเชียตามทิศทางเงินเยนในช่วงปลายสัปดาห์ นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยกดดันจากความต้องการเงินดอลลาร์ ในช่วงที่ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกปรับลดลงท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้า ที่อาจต้องเผชิญความเสี่ยงจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน และหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ (Fiscal Cliff) อีกด้วย ในวันศุกร์ (16 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 30.75 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับ 30.62 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 พ.ย.)สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (19-23 พ.ย.) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.55-30.85 บาทต่อดอลลาร์ โดยคงต้องติดตามการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ซึ่งอาจมีการหารือแผนการขอเบิกเงินช่วยเหลือของกรีซ) ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นในช่วงต้นสัปดาห์ และสัญญาณการประนีประนอมระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เพื่อแก้ปัญหา Fiscal Cliff ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ยอดขายบ้านมือสอง ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อนึ่ง ตลาดการเงินในสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันพฤหัสบดี เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า.

ผบ.ศชต.สั่งตรวจกล้องวงจรปิด ระดมล่าคนร้ายจยย.บอมบ์ยะลา

ผบ.ศชต.สั่งตรวจกล้องวงจรปิด ระดมล่าคนร้ายจยย.บอมบ์ยะลา
ผบ.ศชต.สั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดไล่ล่ากลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิด จยย.บอมบ์กลางเมืองยะลาแล้ว ขณะล่าสุดยืนยันตัวเลข มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย...ความคืบหน้าภายหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ บริเวณหน้าร้านแสงไทยโลหะกิจ เลขที่ 520 ถ.สิโรรส อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากนั้น ล่าสุดจากการเข้าตรวจสอบพื้นที่และระงับเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่ดับเพลิง พบว่า มีอาคารพาณิชย์ถูกเพลิงลุกไหม้หลายห้อง เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยยะลาได้เร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ นำส่ง รพ.ยะลา โดยห่างจากจุดระเบิดประมาณ 50 เมตร บริเวณหน้าที่ทำการแขวงการทางยะลา พบรถกระบะสีขาว ไม่ติดป้ายทะเบียน ของเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.11 ยะลา จอดอยู่ สภาพได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ด้านหน้ารถพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง ไม่ทราบชื่อ คร่อมอยู่บนรถ จยย. ทราบว่าผู้ตายถูกรถกระบะของเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งถูกแรงระเบิด กระเด็นมาพุ่งชนจนเสียชีวิต นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุยังพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ก 3301 ยะลา ถูกเผาไหม้ทั้งคัน ฝั่งตรงข้ามพบเศษรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็น จยย.บอมบ์ โดยแรงระเบิดทำให้กระเด็นข้ามไปอยู่อีกฝั่งถนน สภาพเป็นเศษเหล็กทั้งคันจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง-ดำ แจ้งหายไว้ที่ สภ.เมืองยะลา เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว ส่วนลำดับเหตุการณ์นั้น จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ยะลา นำกำลังออกลาดตระเวนพื้นที่ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายซึ่งได้จอดรถ จยย.บอมบ์ไว้ที่หน้าร้านแสงไทย ได้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในรถกระบะ จำนวน 5 นาย ได้รับบาดเจ็บ โดย 2 นายอาการสาหัส และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ อีก 15 ราย บ้านเรือนเสียหาย จำนวน 5 คูหา รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย กว่า 5 คัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร เนื่องจากพบแผงวงจรแบตเตอรี่กระเด็นตกอยู่ในที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้เดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุ พร้อมสั่งสกัดค้นหารถคนร้าย โดยให้ตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นการด่วน เบื้องต้นพบว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายที่นำรถมาจอดไว้ได้ส่วนรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด มีดังนี้ 1. นายชาริด มาหะมะ อายุ 30 ปี มีแผลฉีกขาดที่ขาซ้าย 2. นายประยูร โพธาราม อายุ 34 ปี 3. จ.ส.ต.สันติ ศิริปัญญา อายุ 32 ปี 4. นายสุทธิลักษณ์ จิตร์แก้ว อายุ 16 ปี 5. น.ส.จริยา บุญธรักษา อายุ 37 ปี  6. น.ส.นราวดี บัวไชย อายุ 25 ปี 7. น.ส.ฉวีวรรณ วิทยารัตน์ อายุ 53 ปี 8. น.ส.สุภาพร ศรีใส อายุ 55 ปี 9. นายโชดดี คะแนสม อายุ 39 ปี 10. จ.ส.อ.วิเชียร บุญญะบุญญา อายุ 52 ปี 11. นายคมสันติ บัวศรี อายุ 34 ปี 12. นายไพศาล ว่องภาณุสกุล อายุ 40 ปี 13. นายสกุล จงจิตร อายุ 57 ปี 14. นายสมพงษ์ อินทร์ทอง อายุ 58 ปี 15. ด.ช.ธนกร บัวศรี อายุ 4 ขวบ 16. น.ส.ประนอม สำอางศรี อายุ 46 ปี 17. ส.ต.ปรีชา งาจันทึก อายุ 28 ปี 18. น.ส.อัซฮา สะอุ อายุ 20 ปี 19. นางจิรพรรณ หลักฉั่ว อายุ 40 ปี 20. ด.ต.วิรุณ ศรีสุวรรณโณ อายุ 52 ปี 21. นางรงมือล๊ะ สาอุ อายุ 30 ปี 22. ส.อ.ยุทธชัย เจียมตน อายุ 30 ปี 23. น.ส.นวรัตน์ เชษฐ์ชัยวงศ์ อายุ 20 ปี 24. น.ส.นูรมารี ดอเลาะ อายุ 18 ปี 25. น.ส.ซูไรยา เจ๊ะอิง อายุ 23 ปี 26. น.ส.นุรีซัน นาแว อายุ 21 ปี และ 27. นางเตือนตา เอียดเหลือ อายุ 46 ปีทั้งนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมี 2 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร 1 นาย และหญิงชาวบ้าน ซึ่งแพทย์ได้นำตัวเข้าห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน สำหรับผู้เสียชีวิตเป็นหญิงไม่ทราบชื่อ ลักษณะรูปร่างอ้วน ผิวขาว ผมหยิก อายุประมาณ 45 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามสอบถามหาญาติและคนรู้จัก.

มะกันยกเลิกคว่ำบาตรสินค้าพม่าแล้ว ส่งเสริมธุรกิจ 2 ประเทศ

มะกันยกเลิกคว่ำบาตรสินค้าพม่าแล้ว ส่งเสริมธุรกิจ 2 ประเทศ
สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศพม่าเกือบทุกชนิดแล้ว ก่อนที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเดินทางเยือนในวันจันทร์นี้...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ว่า สหรัฐอเมริกาดำเนินการยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศพม่าเกือบทุกชนิดแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการส่งเสริมการปฏิรูปประเทศสู่ความเป็นประชาธิปไตย ก่อนที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเดินทางเยือนในวันจันทร์นี้กระทรวงการต่างประเทศและการคลังของสหรัฐฯ แถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐอเมริกาจะเริ่มนำเข้าสิ้นค้าจากพม่าอีกครั้ง ยกเว้นสินค้าจำพวกอัญมณี เนื่องจากพบว่ายังมีการคอรัปชันและความรุนแรงสูง การเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นเพื่อสนับสนุนความพยายามในการปฏิรูประเทศของพม่า และส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจระหว่างพม่าและสหรัฐฯ ด้วยทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามา ถือประธานาธิบดีในตำแหน่งของสหรัฐฯ คนแรก ที่เดินทางเยือนพม่า ขณะที่การยกเลิกการห้ามนำเข้าสินค้าของพม่า อาจจะทำให้อุตสาหกรรมเสื้อผ้าของพม่าเติบโตขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสหรัฐฯ เคยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่ซื้อเสื้อผ้าจากพม่า มูลค่าถึง 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2001.

Blog Archive