Sunday, November 11, 2012

แค่ขับรถปาด...สังเวยชีวิต'ฟารุต' อุทาหรณ์คนมีปืน แต่ไม่มีสติ

แค่ขับรถปาด...สังเวยชีวิต'ฟารุต' อุทาหรณ์คนมีปืน แต่ไม่มีสติ
Pic_289230 เสียงกระสุนปืนที่ดังสนั่นหวั่นไหวนับสิบนัดเมื่อ กลางดึกวันที่ 21 ส.ค. 2555 บนถนนสายเขาใหญ่-วังน้ำเขียว หมู่ 6 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กลายเป็นข่าวครึกโครมระดับประเทศ เมื่อหนึ่งในลูกกระสุนที่ถูกยิงออกไปนั้น คร่าชีวิตของ นายฟารุต ไทยเศรษฐ์ อายุ 27 ปี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ที่เดินทางมาพักผ่อนที่เขาใหญ่ 



หลัง เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มุ่งประเด็นสังหารไปที่ความขัดแย้งทางการเมือง เป้าสังหารอยู่ที่ตัวนายชาดาซึ่งอยู่บนรถยนต์อีกคัน แล้วลูกชายรับเคราะห์แทน และทะเลาะวิวาทกับวัยรุ่นท้องถิ่น แต่หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้ให้น้ำหนักไปที่เหตุซึ่งหน้า เปิดไฟสูงใส่กันแล้วขับรถแซงปาดหน้าสลับกันไปมาจนเกิดการดวลปืนกันขึ้น โดยตำรวจพบกระสุนปืนในรถยนต์โตโยต้าแลนด์ครุยเซอร์ รุ่นพราโด้ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง อ-5726 ของผู้เสียชีวิต และนอกรถรวม 11 ปลอก ข้างทางอีก 2 ปลอก รวมทั้งหมด 13 ปลอก

การสืบสวนเป็นไปอย่างยากลำบาก เมื่อเจ้าหน้าที่พบแต่เพียงรถยนต์ที่มีร่องรอยกระสุนปืน และปลอกกระสุน แต่ไม่ได้ตรวจสอบศพของนายฟารุตตามขั้นตอน เพราะทางผู้เสียหายได้นำไปประกอบพิธีทางศาสนาไปก่อน สถานที่เกิดเหตุเปลี่ยวและห่างไกลผู้คน
ทำ ให้เวลาผ่านไปร่วม 10 วัน เจ้าหน้าที่ก็ยังคงไม่ทราบเบาะแส และไม่ได้เฉียดใกล้คนร้ายเลย แม้ว่าแนวทางการสืบสวนสอบสวนจะกระชับวงแคบเข้าแล้วก็ตาม!?!

ขณะที่เจ้าหน้าที่เริ่มมืดมน ทว่าจู่ๆ ในช่วงเย็นวันที่ 30 ส.ค. นายมั่น พูนทรัพย์ อายุ 41 ปี ชาว จ.ราชบุรี วิศวกรรับเหมาโครงการก่อสร้างหมู่บ้านทอสคานา ใน อ.ปากช่อง ก็ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สารภาพว่าเป็นผู้ยิงนายฟารุตเสียชีวิต โดยอ้างว่าวันเกิดเหตุขณะขับรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ กลับที่พักในพื้นที่ ต.หมูสี และเกิดปาดหน้าขบวนรถของนายชาดา และนายฟารุตที่ขับผ่านมาพอดีโดยไม่ได้ตั้งใจ มีการเปิดไฟใส่กันและขับปาดหน้ากันไปมา กระทั่งมีการสาดกระสุนปืนเข้าใส่กัน

"ไม่เคยรู้ว่าผู้ตายเป็นใครและไม่มีเรื่องโกรธแค้นกันมาก่อน มีเพียงโมโหที่ถูกรถคู่กรณีปาดหน้ากะทันหันและเปิดไฟสปอตไลท์ใส่หน้าเท่า นั้น และยืนยันว่าการที่ขับรถตามปาดคืนไม่ได้ตามไปยิง  แต่ถูกคนในรถผู้ตายยิงใส่ก่อน เลยต้องยิงสู้และไม่คิดว่าจะมีคนตาย" วิศวกรให้การ
ไม่ช้าคดีนี้ก็คงจะถึงบทสรุปในที่สุด แม้จะยังมีเงื่อนงำหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนขนาด 9 มม. "ทูตมรณะ" ที่ยังหาไม่พบ กระสุนที่สังหารนายฟารุตเป็นชนิดใดกันแน่ โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถชันสูตรศพของนายฟารุตได้ เพราะนายชาดา ไม่ยินยอมอ้างว่าผิดหลักศาสนา ประเด็นใครเป็นคนเปิดฉากยิงก่อน ซึ่งต้องอาศัยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพียงประการเดียว ต้องใช้เครื่องจำลองสถานที่เกิดเหตุ 3 มิติ หรือเครื่องสแกน 3 มิติลงตรวจที่เกิดเหตุจำลองเหตุการณ์ เพื่อให้สามารถปิดสำนวนคดีตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

ลองคิดในอีกมุม ความสูญเสียแบบนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ หากทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีอาวุธปืนในครอบครอง ซึ่งฝ่ายของนายมั่น รับว่าได้ปืนมาในราคาแค่ 1,500 บาท เรียนภาษาอังกฤษ อ้างว่ามีคนรู้จักนำมาจำนำไว้

เงินแค่พันกว่าบาทก็หาปืนมาสังหารคนได้แล้ว! มันคือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าสังคมไทย เป็นสังคมที่อันตรายไม่แพ้ชาติใดในโลก ลองมโนภาพนึกดูหากทุกคนบนท้องถนนพกปืนทั้งถูกกฎหมายและเถื่อนกันทุกคน จะมีกี่ชี่วิตต้องสังเวย ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นหลายเหตุการณ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุนักเรียนทะเลาะวิวาท ยิงคนบริสุทธิ์ตายมาแล้วมากมาย ทั้งบนท้องถนน บนรถโดยสารประจำทาง เหล่านี้เราได้เห็นบนหน้าหนังสือพิมพ์เป็นประจำ จนแทบจะชาชินไปแล้ว

รถบรรทุก'น้ำกรด'ชนแผงปูน พลิกคว่ำเสียชีวิต 2 ศพ

รถบรรทุก'น้ำกรด'ชนแผงปูน พลิกคว่ำเสียชีวิต 2 ศพ
Pic_305348 สยอง!! รถบรรทุก "น้ำกรด" พลิกคว่ำบริเวณหน้าโรงแรมออคิดส์ ม.1 ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร พบมีผู้เสียชีวิต 2 คน เบื้องต้นคาดเสียหลัก และแฉลบไปชนแผงปูนริมทางจนลื่นไถล...

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 พ.ย. พ.ต.ต.สมรภูมิ สุโพธิ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุรถบรรทุกพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิตที่บริเวณหน้าโรงแรมออคิดส์ ม.1 ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร ช่องทางคู่ขนาน ถ.พระราม 2 ขาเข้า กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร

ที่ เกิดเหตุพบรถบรรทุกสิบล้อของบริษัท โปรไวรอน จำกัด หมายเลขทะเบียน 70-1246 สมุทรสาคร ที่บรรทุกกรดอันตรายพลิกคว่ำ มีควันพวยพุ่งออกมาจำนวนมากในที่ที่มีน้ำกรดตกใส่ และทำให้ยางมะตอยละลาย ส่งกลิ่นเหม็น พบมีผู้เสียชีวิตเป็นคนขับ และหญิงสาวชาวพม่ายังไม่ทราบชื่อ ที่ถูกรถทับบริเวณล้อหลังด้านซ้าย เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงจากเทศบาลนครสมุทรสาครช่วยกันนำทราย และปูนขาวมาโรยก่อนที่จะเก็บกู้ และนำรถเครนมายกรถคันที่เกิดเหตุออกไป

จาก การสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถคันที่เกิดเหตุเป็นรถบรรทุกกรดอันตราย ชื่อกรดซัลฟูริก สำหรับใส่แบตเตอรี่และผลิตภัณฑ์อื่น เป็นกรดชนิดร้ายแรงซึ่งต้องนำไปผสมให้เจือจางให้มาก โดยก่อนเกิดเหตุคนขับรถบรรทุกได้ขับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ รถได้เสียหลักและแฉลบไปชนแผงปูนริมทางจนลื่นไถลไปชนกับรถจักรยานที่สาวชาว พม่าได้ขี่ย้อนศรขึ้นมา จนเป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำ และมีผู้เสียชีวิต

ทางเจ้าหน้าที่จะได้ติดต่อเจ้าของรถมาสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.

Blog Archive