Saturday, January 26, 2013

วัดอ้อน้อยขึ้นป้ายอีก!ตรากะโหลกไขว้

วัดอ้อน้อยขึ้นป้ายอีก!ตรากะโหลกไขว้
             25ม.ค.2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน   จ.นครปฐม หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย  ได้สั่งให้นำป้ายไวนิลขนาดความกว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร เขียนข้อความโดยอ้างอิงข้อมูลจากการตรวจคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่กรมควบคุมมลพิษเป็นผู้เก็บข้อมูลจากโรงงานอาร์ที อะกริเทค จำกัด โดยระบุผลว่าค่าเกินมาตรฐาน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนที่ผ่านไป  โดยที่ป้ายดังกล่าวยังมีรูปหัวกะโหลกไขว้ เพื่อยืนยันถึงอันตรายด้วย              หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า  ป้ายที่นำมาขึ้นได้ระบุข้อมูลการตรวจสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมว่า แต่ละอย่างมีค่าเกินมาตรฐานกี่เท่า และความสุขที่ได้จากลมหายใจ และสุขภาพกายที่เสียไปใครจะรับผิดชอบ  ขณะเดียวกันหลังจากออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ ได้มีลูกศิษย์หลายรายขอมาว่า ให้หลวงปู่ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย  เพราะมีเบาะแสะว่าจะมีผู้ปองร้ายด้วยการใช้วิธีให้รถบรรทุก 10 ล้อ  ขับมาเบียดหรือชนกับรถหลวงปู่ ทำให้เหมือนเกิดอุบัติเหตุ เพื่อทำร้ายหลวงปู่โดยมุ่งหมายเอาชีวิต  ซึ่งผู้ที่บงการยังไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร              "ฉันได้ยินแล้วรู้สึกเฉย ๆเพราะที่ผ่านมาฉันก็สู้มาตลอดชีวิต  กรณีของโรงงานถือเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน ฉันไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษก็ออกมาชัดเจนแล้ว หากโรงงานไม่แก้ไข ฉันก็จะขึ้นป้ายประจานต่อไป จนกว่าเขาจะแก้ไขความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ฉันไม่กลัวว่าใครจะมาทำร้ายฉัน  "หลวงปู่พุทธอิสระกล่าว              นายบรรเจิด นวลเอี่ยม อายุ 48  ปี  ภูมิลำเนา กรุงเทพฯ   ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า ฐานะที่เป็นลูกศิษย์เมื่อได้ทราบข่าวเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจ เพราะเป็นเรื่องที่น่ากลัว เรื่องนี้มีทางเป็นไปได้เพราะสมัยนี้ผู้มีอิทธิพลเวลาต้องการกำจัด ผู้ขัดขวางผลประโยชน์จะใช้วิธีทำให้เกิดอุบัติเหตุ มากใช้อาวุธปองร้าย อีกทั้งผู้ก่อเหตุเมื่อถูกจับได้จะได้รับโทษน้อย เพราะเป็นเรื่องความประมาทอีกทั้งยังไม่มีการซัดทอดผู้บงการด้วย              "ผมไม่อยากให้ตำรวจมองข้ามเรื่องนี้ ขอให้ติดตามหาข่าว และหามาตรการป้องกันเหตุเพราะหากปล่อยให้เกิดเหตุแล้วคงแก้ไม่ได้"นายบรรเจิด กล่าว  

วอนช่วยเหลือ!ชาวเขาเผ่าม้งอากาศหนาวจัด

วอนช่วยเหลือ!ชาวเขาเผ่าม้งอากาศหนาวจัด
               วันที่ 25 ม.ค. 2556 ชาวเขาเผ่าม้งบ้านใหม่ในฝัน หมู่ 12 และบ้านใหม่เจริญสุข หมู่ที่ 14 ต.สะเนียน อ.เมืองน่าน ต้องนำฟืนมาก่อไฟผิงกันในบ้าน เนื่องจากทนสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงอีกไม่ไหว แถมไม่มีเครื่องกันหนาว-ผ้าห่มอย่างเพียงพอ                นางโสภา ระวังเกียรติ ชาวบ้าน อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 บ้านใหม่ในฝัน ม.12 ต.สะเนียน อ.เมือง จ.น่าน เปิดเผยว่า ในหมู่บ้านกว่า 70 หลังคาเรือน มีเด็กเล็ก 27 คน และผู้สูงอายุกว่า 20 คน ต้องทนกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น ขาดแคลนผ้าห่ม ไม่ได้รับการสนับสนุนผ้าห่มมาหลายปีแล้ว และต้องใช้ของเก่าที่บางและขาดชำรุด ซึ่งในปีนี้ได้รับการช่วยเหลือจากทาง อบต.สะเนียน นำผ้าห่มมามอบให้เพียง 20-30 ผืน ซึ่งไม่เพียงพอกับคนในหมู่บ้าน                โดยในช่วงเช้าตรู่ เวลาประมาณ ตี 3-4 จะมีอากาศหนาวเย็นมาก ชาวบ้านที่ขาดแคลนผ้าห่มไม่สามารถนอนได้ ต้องลุกขึ้นมาก่อกองไฟเพื่อผิงไฟบรรเทาความหนาว และบางหลังคาเรือนซึ่งยากไร้ บ้านพักเป็นกระต๊อบ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ได้ เช่น บ้านของนายขึ้น บัวเหล็ก อายุ 70 ปี เป็นผู้สูงอายุในหมู่บ้านที่อยู่ตามลำพังในบ้านกระต๊อบหลังคามุงจาก ขาดแคลนผ้าห่ม ต้องทนใช้ผ้าห่มเก่าที่ขาดและมีรอยไฟไหม้ที่เกิดจากการผิงไฟ แล้วเกิดไฟลุกลามติดผ้าห่มและผนังบ้านพักอาศัย ทำให้เสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ได้ โดยมีผู้สูงอายุที่ยากจนและขาดแคลนผ้าห่มอีกกว่า 5 หลังคาเรือน จึงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือด่วน                นางสือ ดนัยดุริยะ อายุ 45 ปี อยู่บ้านใหม่เจริญสุข หมู่ 14 ต.สะเนียน อ.เมือง จ.น่าน เปิดเผยว่า ที่บ้านอยู่ด้วยพร้อมกับลูกหลานถึง 9 คน แต่มีผ้าห่มเพียง 5 ผืนเท่านั้น ต้องเฉลี่ยกันห่ม 2 คนต่อ 1 ผืน แต่ผ้าห่มมีลักษณะที่บางและขาดวิ่น เพราะได้รับการบริจาคเมื่อ 3-5 ปีที่แล้ว จึงวิงวอนให้ทางราชการเร่งช่วยเหลือ อย่างทั่วถึง เพราะคนที่ยากจนมีกระจายทุกหมู่บ้าน บางหมู่บ้านได้ซ้ำซาก ส่วนหมู่บ้านที่ไม่ได้ก็ไม่ได้เลยในหลายปีมาแล้ว จึงขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจน

คมกฤษณ์เน้นแก้ปัญหาพร้อมพัฒนา

คมกฤษณ์เน้นแก้ปัญหาพร้อมพัฒนา
                คมกฤษณ์ ลิ้มปัญญาเลิศ นายกเทศมนตรีเมืองปากช่อง กล่าวว่า จ.นครราชสีมา เป็นประตูด่านแรกที่ต้อนรับนักเดินทางเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความโดดเด่นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้งความเจริญด้านสังคม เศรษฐกิจ ไปพร้อมกับการมีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ นับเป็นเสน่ห์ของเมืองปากช่องที่นักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจ                 การบริหารเทศบาลเมืองปากช่องของ "คมกฤษณ์  ลิ้มปัญญาเลิศ" นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปากช่อง ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมัยที่ 3 ยาวนานนับสิบปี ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 อาจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าการบริหารตามแนวนโยบายที่ดูแลเอาใจใส่ เน้นการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน ต้องอยู่ดี กินดี ในสภาพแวดล้อมที่ดี ถูกใจของคนในพื้นที่โดยส่วนมาก                 ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่เข้ามาสู่สนามการเมืองท้องถิ่น ชุมชนเทศบาลเมืองปากช่องพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง จากพื้นที่ป่า มีทั้งการปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นแหล่งเพาะปลูกไม้ผล ไม้ประดับ บางส่วนเป็นย่านการค้าที่สำคัญ จากระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ทำให้มีประชาชนจากหลายจังหวัดโยกย้ายเข้ามาทำกินเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้อ.ปากช่อง มีการพัฒนาเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เกิดปัญหาเรื่องสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำและปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นโจทย์ปัญหาที่รอการแก้ไขทั้งสิ้น                 นายกคมกฤษณ์ เล่าว่า ปัญหากับการพัฒนาเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แก้ปัญหาด้วยการลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านเพื่อรับรู้ความต้องการและสภาพปัญหาที่แท้จริง เพราะชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ย่อมมองออกว่าปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร และจะแก้ปัญหาอย่างไร เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการพัฒนาในปัจจุบันที่ต้องเน้นการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แล้วนำความคิดเห็นของประชาชนมาเขียนเป็นแผนพัฒนาเทศบาล                 เหตุการณ์น้ำท่วม จ.นครราชสีมา เมื่อปีพ.ศ.2553 อ.ปากช่องเป็นหนึ่งในอำเภอที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ทุกฝ่ายระดมกำลังเสนอความคิด ร่วมกันแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างจริงจัง ทำให้ อ.ปากช่อง จัดทำโมเดลศึกษาและออกแบบการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม พร้อมเตือนให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อมได้รับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต                 พื้นที่เทศบาลส่วนใหญ่รับน้ำจากลำตะคอง โมเดลแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เทศบาลร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาออกแบบการกันน้ำไม่ให้เข้าเขตเมืองโดยใช้วิธีการผันน้ำเลี่ยงเมือง พร้อมหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างแก้มลิงรองรับน้ำให้มากที่สุด เพิ่มเส้นทางการไหลของน้ำ กระจายปริมาณน้ำ เพื่อลดภาระปริมาณน้ำให้พื้นที่อื่นๆ ที่ต่อจาก อ.ปากช่อง ส่วนอีกปัญหาของการขยายเมืองอย่างรวดเร็ว เทศบาลดูแลรับผิดชอบ 23 ชุมชน ส่งผลให้ปริมาณขยะมีถึงวันละ 150-180 ตัน ทำให้พื้นที่จัดเก็บขยะเริ่มมีปัญหา นอกจากจะใช้วิธีจัดเก็บฝังกลบแบบเดิมแล้ว ปัจจุบันได้ติดต่อบริษัทกำจัดขยะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้จัดการขยะ เพื่อไม่ให้ขยะล้นเมือง พื้นที่สำหรับฝังกลบจำนวน 65 ไร่ เป็นพื้นที่ในการดูแลของทหาร ซึ่งจะขอคืนพื้นที่เร็วๆ นี้ ทำให้ใช้วิธีการจัดจ้างบริษัทเอกชนให้เข้ามาดำเนินการศึกษาการกำจัดขยะในรูปแบบการนำขยะมาผลิตเป็นน้ำมัน นำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน                     นายกเทศมนตรีกล่าวต่อว่า แผนนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ส่วนที่ให้การดูแลอย่างมากคือเน้นกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งการให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เทศบาลปากช่องเป็นพื้นที่นำร่องที่ดำเนินการมานานแล้ว เพราะพอลงพื้นที่เห็นว่าผู้สูงอายุมีจำนวนมาก มีสภาพปัญหาต่างกันไป ในปี 2547 จึงตั้งชมรมผู้สูงอายุ โดยหวังให้เป็นศูนย์กลางการช่วยเหลือ การทำกิจกรรมร่วมกันของผู้ชรา ตลอดจนหางานให้ทำเพื่อมีรายได้เลี้ยงตัวเอง                 ส่วนภารกิจที่เพิ่งเริ่มดำเนินการร่วมกับกลุ่ม "ไม้ขีดไฟ" มาได้ระยะหนึ่ง คือการเปิดพื้นที่ในสวนสาธารณะเขาแคนให้เด็กและเยาวชน พร้อมครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ด้วยการนำภูมิปัญญา ความรู้ของชาวบ้าน มาผสมผสานกับงานศิลปะ ส่งเสริมพัฒนาการ และให้ลูกหลานได้เรียนรู้บ้านเมือง มีกิจกรรมทำในยามว่าง และถือเป็นครั้งแรกที่รวบรวมกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีหัวคิดสร้างสรรค์ในงานศิลปะให้มีพื้นที่ในการรวมตัวกันพัฒนาชุมชนของตัวเอง                 “การให้ความสำคัญกับกลุ่มเด็ก เยาวชน และกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ได้รักและภูมิใจในถิ่นฐาน เมื่อเติบโตมีความรู้ก็หวังว่าจะกลับมาพัฒนาบ้านเกิด รวมถึงเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ เห็นความสำคัญของครอบครัว ที่สำคัญกิจกรรมต่างๆ ที่เทศบาลสนับสนุนนี้ หวังให้มีการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่นให้มากที่สุด” นายกคมกฤษณ์  กล่าวทิ้งท้าย   ........................................... ('คมกฤษณ์ ลิ้มปัญญาเลิศ'เน้นแก้ไขปัญหาพร้อมเดินหน้าพัฒนาเมืองปากช่อง : คอลัมน์เปิดใจผู้นำท้องถิ่น)  

ฟ้องด้วยภาพ!! แคล-แคลอรีน กำลังตั้งท้องลูกคนแรก

ฟ้องด้วยภาพ!! แคล-แคลอรีน กำลังตั้งท้องลูกคนแรก
ฟ้องด้วยภาพ!! อดีตนักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงชื่อดัง แคล-แคลอรีน ได้โพสต์ภาพและข้อความขึ้นที่ทวิตเตอร์ส่วนตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังตั้งครรภ์...เมื่อวันที่ 26 ม.ค. แคล-แคลอรีน สุภาลักษณ์ นีมะโยธิน หรือ แคล อดีตนักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า ขอขอบคุณทีมข่าวบันเทิงที่แสดงความยินดีกับแคลด้วยนะจ๊ะ.. แคลมีความสุขมากที่สุดและรู้สึกมีความสุขสำหรับการเริ่มต้นใหม่นี้ อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 21 ม.ค. สาวแคลได้ทวีตข้อความว่า ขอบคุณสื่อมวลชนสำหรับการต้อนรับน้องใหม่ของแคล! ครอบครัวใหม่ของแคล หวังว่าจะไปเยือนทุกท่านเร็วๆ นี้! จากนั้นในวันที่ 24 ม.ค. นักร้องสาวก็ได้ทวีตอีกครั้งว่า คนเราไม่ควรซ่อนอะไรที่เราควรจะภาคภูมิใจ อย่าไปฟังเสียงของใครต่อใคร ฟังเสียงหัวใจตัวเอง และสันติภาพเริ่มจากภายในปิดฉากข่าวเม้าท์เมื่อนักร้องสาวออกมายอมรับแล้วว่า เธอกำลังตั้งครรภ์กับแฟนหนุ่มจริงๆ พร้อมกับโชว์ภาพหวานของเธอในอิริยาบถต่างๆ กับท้องที่กำลังใหญ่ขึ้น.

บิ๊กแจ๊สสั่งเร่งหาคนร้ายยิงรถASTV จับภาพได้จากวงจรปิด

บิ๊กแจ๊สสั่งเร่งหาคนร้ายยิงรถASTV จับภาพได้จากวงจรปิด
บิ๊กแจ๊ส ลงพื้นที่บัญชาการตรวจสอบเหตุยิงรถเอเอสทีวี พบภาพคนร้ายในกล้องวงจรปิด เดินมาจากซอยตรงข้ามสำนักข่าว และยังยิงตัวอาคารอีก 3 นัด คาดใช้ปืนขนาด .22 ยังไม่ฟันธงคุกคามสื่อหรือไม่...เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2556 จากกรณีคนร้ายยิงรถของสถานีเอเอสทีวี ได้รับความเสียหาย 4 คันรวด เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา บริเวณหน้าถนนพระอาทิตย์ ล่าสุดพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ เบื้องต้นได้รับรายงานจากการเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อเวลา 03.00 น. มีคนร้ายสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขาสั้นสีขาว เดินออกมาจากซอยตรงข้ามบ้านเจ้าพระยา ซึ่งเป็นอาคารสำนักข่าวเอเอสทีวี จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงรถข่าวที่จอดอยู่จำนวน 4 คัน โดย 2 คัน ยิงเข้ากระจกใหญ่ด้านหน้า ส่วนอีก 2 คัน ยิงกระจกฝั่งคนขับ ทำให้กระจกเสียหายแตกร้าวทั้งบาน ก่อนที่จะเดินมายิงอาคารสำนักงานอีก 3 นัด แล้วหลบหนีไปทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และชุดสืบสวน เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งหมด รวมไปถึงพยานที่เห็นเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นรปภ.หรือพ่อค้าแม่ค้า เพื่อเร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้อาวุธปืนขนาด .22 เพราะรูกระสุนเล็ก และเสียงค่อนข้างเบา ส่วนสาเหตุยังมองประเด็นกว้าง ๆ ทั้งเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว ประเด็นการสร้างสถานการณ์ หรือการก่อเหตุของมือที่สาม ส่วนจะเป็นการคุกคามสื่อหรือไม่นั้นต้องหารือกับทางผู้บริหารเอเอสทีวี

ผกก.โรงพักเทพสถิต ขับกระบะหลุดโค้ง ชนพ่วง24ล้อดับคาที่

ผกก.โรงพักเทพสถิต ขับกระบะหลุดโค้ง ชนพ่วง24ล้อดับคาที่
มงคล สุขเอม ผกก.สภ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ขับรถหลุดโค้ง ชนรถบรรทุกพ่วงหัวลาก 24 ล้อ เสียชีวิตคาที่...เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ร.ต.อ.ทรงธรรม ศรีวงษ์ชัย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ได้รับแจ้งเหตุมีรถชนกันบนถนนสายชัยภูมิ-สี่คิ้ว บริเวณหลัก กม.ที่ 7-8 บ้านกุดละลม หมู่ 3 ต.หนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ และมีคนเสียชีวิตอยู่ภายในรถ หลังรับแจ้งเหตุจึงรายงานให้ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ ให้รับทราบ พร้อมกับออกไปตรวจที่เกิดเหตุร่วมกับแพทย์เวรจากโรงพยาบาล จ.ชัยภูมิที่เกิดเหตุเป็นถนนสี่ช่องทางไม่มีเกาะกลางถนน ที่ริมถนนพบรถกระบะสี่ประตู ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน ฆห 4294 กรุงเทพมหานคร (เป็นรถตราโล่) ของ สภ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ สภาพรถอัดติดเสาไฟฟ้า กระบะด้านหลังหลุดออกจากตัวรถ ภายในรถด้านที่นั่งคนขับพบมีผู้เสียชีวิต 1 คน ทราบชื่อ พ.ต.อ.มงคล สุขเอม อายุ 51 ปี ผกก. สภ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ สภาพศพสวมชุดตำรวจครึ่งท่อน เสียชีวิตอยู่ที่นั่งคนขับ ศีรษะเอียงไปทางด้านซ้าย จากการตรวจบาดแผลพบว่า ที่ศีรษะด้านหลังกะโหลกแตก คอหัก ใบหน้ามีเลือดไหล ห่างออกไปประมาณ 80 เมตร พบรถยนต์บรรทุกพ่วงหัวลาก 24 ล้อ หมายเลขทะเบียน 86-7369 นครราชสีมา จอดอยู่ริมไหล่ทาง หัวรถไหลลงไปอยู่ข้างทาง ที่ด้านหน้ารถบรรทุกพบกระบะรถปิกอัพของ ผกก. ติดอยู่หน้ารถบรรทุก จากการสอบถามนายสมพงษ์ แก้วกำเนิด อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 14 ต.ตาเนิน อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ เผยว่า เมื่อวานนี้ 25 ม.ค. ได้ขับรถยนต์บรรทุกพ่วงหัวลาก 24 ล้อ มาจากโรงงานกระดาษสยามพลัส จาก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี และเมื่อคืนได้แวะพักที่บ้าน อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ ตอนเช้าได้ขับรถยนต์คันดังกล่าว เพื่อไปบรรทุกไม้ยูคาที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เมื่อถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งและมีฝนตกปรอยๆ มีรถตำรวจวิ่งสวนทางมาและเสียหลักหมุนข้ามเลนถนนมา ทำให้รถบรรทุกที่ตนขับมาพุ่งชนด้านข้างรถตำรวจ และรถตำรวจก็กระเด็นตกไปข้างทาง ด้านข้างรถไปพาดกับเสาไฟฟ้าข้างทาง ส่วนตัวเองได้พยายามบังคับรถยนต์บรรทุกให้หยุดต่อมา นางละอองทิพย์ สุขเอม ภรรยาผู้ตาย ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นศพสามีถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ด้วยความเสียใจพร้อมกับบอกว่า พ่ออย่าเพิ่งไป สร้างความสลดหดหู่ให้กับผู้พบเห็นและนายตำรวจที่เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ นางละอองทิพย์ เล่าว่า ตอนเช้าวันนี้สามีได้ขับรถออกจากบ้านเมื่อเวลา 06.30 น. เพื่อไปดูงานที่ สภ.เทพสถิต ที่ตัวสามีเป็นผู้กำกับอยู่ แต่ขับรถออกจากบ้านมาไม่ถึง 10 กิโลเมตรก็มาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต.

Blog Archive