Sunday, December 23, 2012

ฮือฮา! ต้นกล้วย 2 เครือ 1 ปลี แห่ไหว้ขอโชค

ฮือฮา! ต้นกล้วย 2 เครือ 1 ปลี แห่ไหว้ขอโชค
ชาวกำแพงเพชร ฮือฮา! ต้นกล้วยประหลาดมี 2 เครือ 1 หัวปลีในต้นเดียวกัน แห่มากราบไหว้ขอโชคและเลขเด็ดแทงหวยงวดนี้ โดย 1 เครือมีผลกำลังห่าม 6 หวี 55 ลูก และอีก 1 เครือ 7 หวี 14 ลูก ...เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2555 ได้มีชาวบ้านใน อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร  เดินทางมายังบ้านเลขที่ 55 หมู่ 8 บ้านป่าแดงกลาง ต.ถ้ำกระต่ายทอง อ.พรานกระต่าย ซึ่งเป็นบ้านของสองสามีภรรยานายจิตร เนียมนิ่ม อายุ 70 ปี และนางทองมั่น หรือกาหลง เนียมนิ่ม อายุ 66 ปี เพื่อมากราบไหว้ต้นกล้วยน้ำว้าประหลาด ที่ปลูกอยู่ริมรั้วโดยปลายยอดออกผลตามปกติ 1 เครือมีผลกำลังห่าม 6 หวี 55 ลูก แต่บริเวณโคนของต้นกล้วยด้านทิศเหนือ กลับพบหัวปลีแทงโผล่ขึ้นมา 1 หัวยังไม่มีผล และบริเวณโคนต้นกล้วยด้านทิศใต้ มีเครือกล้วยออกผลอยู่ติดกับดินอีก 1 เครือ 7 หวี 14 ลูก สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านซึ่งต่างนำธูปเทียนมากราบไหว้ขอโชคและเลขเด็ด นำมาแทงหวยในงวดประจำวันที่ 30 ธ.ค.ด้านนางทองมั่น บอกว่า ขณะกำลังไปตัดกล้วยเพื่อนำไปบ่ม ได้เหลือบไปเห็นบริเวณโคนต้นกล้วยมีหัวปลีแทงโผล่ขึ้นมา 1 หัวยังไม่มีผล และโคนต้นอีกฝั่งมีเครือกล้วยออกผลอยู่ติดกับดินอีก 1 เครือ 7 หวี 14 ลูก สร้างความประหลาดใจให้ตนเองกับสามีเป็นอย่างมาก จึงไม่กล้าตัดต้นกล้วยดังกล่าว โดยตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน มีแต่เห็นหัวปลีออกปลายยอด หรือออกกลางลำต้นเท่านั้น จึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านได้ทราบจนข่าวแพร่กระจายออกไป.

นายก อบจ.เชียงใหม่จี้ออก กม.ห้ามขายเหล้าทางเท้า

นายก อบจ.เชียงใหม่จี้ออก กม.ห้ามขายเหล้าทางเท้า
ผู้บริหารท้องถิ่น-สมาพันธ์ท่องเที่ยว จี้รัฐ ออก ก.ม.ห้ามขายเหล้าทางเท้า ชี้ ไม่ซ้ำซ้อนกำกวม เหตุพ.ร.บ.ความสะอาดฯ มีจุดผ่อนผันเปิดช่อง ย้ำมาตรการนี้ ไม่ได้กลั่นแกล้งใครวันที่ 23 ธ.ค. นายบุญเลิศ  บูรณุปกรณ์  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่  กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ประดิษฐ  สินธวณรงค์  รมว.สาธารณสุข  ระบุว่า ไม่สามารถประชุมคณะกรรมการ นโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อพิจารณาประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่ หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางเท้าได้ และมีแนวโน้มว่า กฎหมายตัวนี้ จะไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเกรงว่า จะซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นๆ ว่า ในภาพรวม หากสามารถบังคับใช้กฎหมายนี้ได้ จะเป็นเรื่องดี ในการป้องปราม ไม่ให้มีการขาย หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนทางสาธารณะได้ง่าย และไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งผู้มีรายได้น้อย หรือไปซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นแต่อย่างใดทั้งนี้ ทราบกันดีว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยของปัญหาสังคม หากมีการควบคุม ปัญหาดังกล่าวจะลดลงได้ ยกตัวอย่าง จากจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมากหากนำกฎหมายฉบับนี้เข้ามาบังคับใช้จะควบคุมได้มากนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า  การที่พื้นที่ทางเท้าหรือริมทาง กลายเป็นสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผลต่อสังคมมาก เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นของนักดื่มหน้าใหม่ และง่ายต่อการชวนกันมานั่งดื่ม จากนั้นปัญหาอื่นๆ ก็ตามมาเป็นลูกโซ่ ทั้งเรื่อง อุบัติเหตุ สุขภาพอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เรามีกฎหมายห้ามขายในวัด โรงเรียน  ชัดเจน แต่บนทางเท้าไม่มี ซึ่งหากเร่งบังคับใช้หลังจากนี้ก็เชื่อว่าจะส่งผลดี ช่วยสังคมลดปริมาณอุบัติเหตุ และรัฐมนตรีสาธารณสุขควรเปิดรับฟังความคิดเห็นพูดคุยร่วมกับภาคเครือข่ายประชาสังคมด้วย“เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ ต้องทำความเข้าใจกับสังคมว่ากฎหมายนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งร่างกฎหมายเห็นได้ชัดเจนว่ามีการพยายามยื้อกันอยู่ เรื่องจึงติดขัด รัฐมนตรีสาธารณสุข อาจถูกกดดัน ทำให้ต้องชะลอ หรือต้องนำเนื้อหาไปปรับปรุง การระบุว่า สามารถใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้ว หรือเกรงว่าจะซ้ำซ้อน กำกวม กับกฎหมายตัวอื่น กฎหมายห้ามขายเหล้าบนทางนั้นหากมีผลออกมา ก็จะไม่เป็นกฎหมายที่ซ้ำซ้อน เพราะหากจะพูดถึง  พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียกร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535  บริเวณฟุตบาทเอง ก็มีจุดผ่อนผัน ประเด็นสำคัญคือ เราต้องคุมเข้มทั้งสองจุดนั้นไม่ให้มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถที่จะทำได้ และจะยิ่งรัดกุมมากขึ้น  ซึ่งไม่ใช่มาระบุว่า การออกกฎหมายนี้จะซ้ำซ้อน กำกวม เพราะเป็นกฎหมายคนละตัวกัน” นายสุรพล  กล่าวนายกเทศมนตรีเมืองน่าน  กล่าวว่า เพื่อผลประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ตนอยากให้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ พิจารณาเรื่องนี้ให้รัดกุม รับฟังข้อมูลจากคนทำงาน และควรมานั่งควบคุมดูแลด้วยตัวเอง ไม่ควรมอบหมายให้ใครมาทำหน้าที่แทน  และเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันทั้งสังคม สื่อประเด็นออกไปสู่สาธารณะให้มากที่สุด อย่าให้เรื่องนี้ตกอยู่ในมือของคนที่มองไม่เห็นปัญหา แม้ปีใหม่นี้จะไม่ทันแต่ต้องคิดไปถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลต่างๆอย่างไรก็ตาม กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงวัฒนธรรรม หนึ่งในกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติควรมีมุมมองเดียวกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วมันจะส่งผลดีและเป็นประโยชน์กับสังคมโดยรวมขณะที่นายสุรพล กำพลานนท์วัฒน์ นายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของมุมมอง ถ้าคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้เลย ทั้งๆ ที่เรื่องการออกกฎหมายห้ามขายเหล้าบนทางเป็นเรื่องที่ดี ในอดีตเราไม่เคยมีการรณรงค์ห้ามขายเหล้าในเทศกาล แต่เมื่อได้ทำก็เกิดสิ่งที่ดีขึ้น เมืองไทยมีวัฒนธรรมทีดีงาม บริเวณทางเท้าก็ถือเป็นจุดหนึ่งในสังคม ที่จะแสดงให้เห็นภาพลักษณ์“ทุกวันนี้ภาคส่วนต่างๆ มีการรณรงค์ผลกระทบที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งในระดับผู้ใหญ่ก็ต้องยอมรับว่าทำเพื่อลูกหลานในวันข้างหน้า ต้องเห็นว่าอันไหนที่เป็นประโยชน์ต้องรีบทำ ทุกวันนี้งานหาดใหญ่ทุกงาน เรามีสโลแกนพ่วงท้าย ว่าไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญมาก ที่ต้องรับผิดชอบกับสังคม และเป็นผลดีกับผู้ค้ารายย่อยด้วยซ้ำเพราะเขาขายอาหารได้มากกว่า กำไรดีกว่า ขายน้ำเมา คนรายได้น้อยไม่ควรเสียเงินกับน้ำเมา และไม่เมากลับไปทุบตีลูกเมียด้วย ต่างจากหลายปีที่ผ่านมา หาดใหญ่ เคยมีงานอีเวนต์ ลานเบียร์ ตามเทศกาลต่างๆ ซึ่งมีผลสะท้อน และผลกระทบรอบด้านชัดเจน และบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่เคยออกมารับผิดชอบเลย” นายสุรพล กล่าว  นายสุรพล กล่าวอีกว่า เรื่องการออกกฎหมายห้ามขายเหล้าบนทางเท้านี้  ถ้าเรามัวแต่มานั่งรอผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือราชการ มันต้องใช้ระยะเวลายาวนานมาก กว่าจะมีผลบังคับใช้ เรื่องเร่งด่วนที่สุดในขณะที่เราต้องทำก็คือ  ทั้งเครือข่าย บุคคล นักกิจกรรมทั่วประเทศ  ที่ทำงานขับเคลื่อนเรื่องนี้ ต้องช่วยกันออกมาแสดงความคิดเห็น สะท้อนเสียงประเด็นนี้ ให้เร็วที่สุด ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการทั้งหมดควรใช้พลังสังคมเข้ามาช่วย หากพลังสังคมเข้มแข็ง นักการเมืองก็ต้องฟัง.

ปชป.บี้ รัฐ-ตร. เร่งคดี ราเมศ ดักคออย่าปล่อยเงียบ

ปชป.บี้ รัฐ-ตร. เร่งคดี ราเมศ ดักคออย่าปล่อยเงียบ
ปชป.บี้ รัฐ-ตร. เร่ง คดีราเมศ ผ่าน 1 อาทิตย์ ไม่คืบ หลังครบ 1 สัปดาห์ ลั่น พร้อมทวงความยุติธรรม ดักคอ อย่าเป่าคดีหายวันที่ 23 ธ.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงตั้งข้อสังเกตหลัง นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส และจะครบ 1 สัปดาห์ในวันที่ 24 ธ.ค.ว่า จนถึงขณะนี้ การดำเนินการหาตัวผู้กระทำความผิด ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่สามารถทำให้เกิดความไว้วางใจได้ และยังไม่มั่นใจว่า จะแสวงหาความยุติธรรม จนสามารถนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องไม่มองว่า เรื่องนี้เป็นคดีอาญาทั่วไป เพราะ นายราเมศ เป็นทีมกฎหมายคนสำคัญของพรรค เป็นรองโฆษก มีความเชื่อมโยงกับคดีความทางการเมืองต่าง ๆ จะบอกว่า เป็นคดีอาญาทั่วไปคงไม่ได้ โดยรัฐบาลต้องแสดงความจริงใจ ด้วยการแสดงออกในการดำเนินการ เพื่อให้ความเป็น ธรรมกับผู้เสียหายมากกว่านี้ และหามาตรการ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก อย่าให้เรื่องของนายราเมศเงียบหายไป เพื่อความเป็นธรรมรัฐบาล เจ้าหน้าที่ต้องหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ และขอบอกว่า นายราเมศ ไม่ใช่ตัวคนเดียว มีพรรคมีพวก มีผู้สนับสนุนการทำงาน ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ย่อมมีผู้ให้กำลังใจตั้ง หากเกิดความไม่เป็นธรรมก็เชื่อว่า มีคนพร้อมที่จะออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับ นายราเมศ ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งจับคนผิดให้ได้” นายองอาจ กล่าว.

Blog Archive