Tuesday, March 12, 2013

เมย์ ยันไม่ได้หมดแรง แต่ยกคู่แข่งท็อปฟอร์ม

เมย์ ยันไม่ได้หมดแรง แต่ยกคู่แข่งท็อปฟอร์ม
น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์​ ยันไม่ได้หมดแรงจนทำให้แพ้ในรอบชิงฯ แบดออลอิงแลนด์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อ้างป่วยเป็นหวัดก่อนแข่งทำให้หายใจลำบาก แต่ยกคู่ต่อสู้ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม...วันที่ 12 มี.ค. น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ นักตบขนไก่ดาวรุ่งขวัญใจชาวไทย ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้หมดแรง จนทำให้เป็นฝ่ายปราชัยต่อ ทีเน เบาวน์ คู่ต่อสู้จอมเก๋าจากเดนมาร์ก 2-1 เกม 21-14, 16-21 และ 21-10 ในเกมหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ ศึกออลอิงแลนด์​โอเพ่น 2013 ที่เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยคุณกมลา ทองกร เจ้าของโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด สโมสรของ น้องเมย์ ชี้แจงว่า หลังเกม ตนได้คุยกับ น้องเมย์ และเธอยืนยันว่า ไม่ได้หมดแรงอย่างที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นจุดอ่อนของเธอ แต่จริงๆ แล้ว เธอป่วยเป็นหวัด และมีน้ำมูกไหลรบกวน ทำให้หายใจลำบาก นอกจากนี้ สภาพร่างกายก็ฟิตเพียง 80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หลังจากผ่าตัดฟันคุด และต้องหยุดฝึกซ้อมนาน 2 สัปดาห์​ บวกกับความมุ่งมั่นที่มากเกินไป จนกลายเป็นความกดดันตัวเอง และเสียสมาธิในที่สุด อย่างไรก็ตาม คุณกมลา ยอมรับว่า น้องเมย์ สามารถโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมแล้ว แต่ต้องให้เครดิต ทีเน เบาวน์ ซึ่งเป็นมือวางอันดับ 7 ของโลก ที่ทำผลงานได้ท็อปฟอร์มจริงๆ อาจเป็นเพราะเขามีความตั้งใจเป็นพิเศษ จากการเตรียมปิดฉากอาชีพตัวเอง แม้ว่าสถิติก่อนหน้านี้ น้องเมย์ จะเหนือกว่า แต่เกมวันนั้น คู่แข่งจากเดนมาร์ก เล่นได้ดี ผิดพลาดน้อยมาก และสมควรที่คว้าแชมป์ไปครองสำหรับ ทัวร์นาเมนต์ต่อไป น้องเมย์ จะเดินทางไปแข่งขันรายการ สวิส โอเพ่น 2013 ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์​ ระหว่างวันที่ 12-17 มี.ค.นี้ โดยรอบแรก หรือรอบ 32 คน รัชนก วัย 18 ปี ในฐานะมือวางอันดับ 5 ของรายการ พบกับ คานะ อิโตะ มือวางอันดับ 65 ของโลก จากญี่ปุ่น ซึ่งทั้งคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อน นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนนักแบดชาวไทยอีกหลายชีวิต ลงชิงชัยรายการนี้ ประกอบด้วย ณิชชาอร จินดาพล, บุศนันท์ อึ้งบำรุงพันธ์,​ สลักจิต พลสนะ, ณัชชา แสงโชติ, สริตา สุวรรณกิจบริหาร, มณีพงศ์ จงจิตร, ทรัพย์สิริ แต้รัตนชัย,​ บุญศักดิ์ พลสนะ, ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข, สุดเขต ประภากมล, กุลชลา วรวิจิตรชัยกุล, ดวงอนงค์ อรุณเกษร, บดินทร์ อิสระ, ภควัฒน์ วิไลลักษณ์, อาทิมา เสรีธรรมรักษ์, พีรยา มั่นกิจอมร, ทักษ์ดนัย วงศ์เศรษฐกุล, สัพพญู อวิหิงสา, นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร, สาวิตรี อมิตรพ่าย, ปฏิพัทธ์​ ฉลาดแฉลม.

ให้ประกัน2โจ๋ ยกพวกถล่ม ร.ร.บุรีรัมย์การบริบาล

ให้ประกัน2โจ๋ ยกพวกถล่ม ร.ร.บุรีรัมย์การบริบาล
ตำรวจหิ้ว 2 ผู้ต้องหา ยกพวกพร้อมอาวุธบุกถล่ม ร.ร.บุรีรัมย์การบริบาลทำแผน หลังเสร็จสิ้นอนุญาตให้ประกันตัวออกไป เร่งล่าที่เหลือ ระบุหากไม่มอบตัวเตรียมออกหมายจับ ตั้ง 2 ปมขัดแย้งธุรกิจและส่วนตัว...เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มี.ค. พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.อนิรุทธ์ ผดุงดี พนักงานสอบสวนชำนาญการ (สบ.2) พ.ต.ต.มานิตย์ สร้อยจิตร สว.สส.สภ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ นำตัวนายโสภณ หรือจ่อย กาละสิรัมย์ อายุ 30 ปี และ นายเจ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุพร้อมกับพวกกว่า 10 คน สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า นั่งมาในรถยนต์กระบะแค็บ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีบรอนซ์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดที่หน้าสถานบันเทิงตะวันแดง เยื้องหน้าโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบุรีรัมย์ ก่อนจะพากันกระโดดลงจากรถ โดยมีอาวุธมีด ทั้งอีโต้ และสปาต้า รวมทั้งสนับมือครบ วิ่งกรูเข้ามาในบริเวณโรงเรียน ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา หวังจะเข้าไปทำร้ายผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้ง นายวัชรพล ทองศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล ขณะที่นักศึกษาและผู้ปกครองกำลังรอเข้ารับการปฐมนิเทศนักศึกษาอยู่ด้านหน้าของโรงเรียน อย่างอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยเหตุดังกล่าวได้สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับนักศึกษา และประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก  ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พานายเจ ไปชี้จุดที่ลงจากสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ก่อนที่จะมีรถปิกอัพยี่ห้อไทรทัน 4 ประตู สีขาว มารับไปสมทบกับกลุ่มพวกที่มาจากถิ่นอื่น และเริ่มก่อเหตุบุกเข้าถล่มโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล ก่อนถูกนายขวัญฟ้า ศรีนารัตน์ พนักงานขับรถประจำโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล ยิงปืนสวนออกมาเป็นเหตุให้กลุ่มผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บ แตกกระเจิง แยกย้ายกันหลบหนี โดยมีนายโสภณ หรือจ่อย กาละสิรัมย์ ขับรถยนต์มารับและส่งไปรับการรักษายังโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ล่าสุด จากการสอบปากคำและสอบสวนเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา กลุ่มผู้ก่อเหตุบุกถล่มโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล ในข้อหาร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยมีอาวุธ, พกอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายโดยมีอาวุธ (มีด), ซ่องโจร หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ประกันตัวไป จากนั้นจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้จ้างวานหรือผู้บงการต่อไป  อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผยข้อมูลของการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากเป็นผลทางคดี สามารถบอกได้เพียงว่าประเด็นการก่อเหตุหลักอยู่ที่ความขัดแย้งส่วนตัวและด้านธุรกิจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นอื่น คาดว่าน่าจะสรุปคดีได้เร็วๆ นี้ พร้อมทั้งจะได้สืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดี หากไม่เข้ามอบตัวจะดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป

วธ.เดินหน้าป้องนวดไทย,ต้มยำกุ้งจ่อร่วมภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้

วธ.เดินหน้าป้องนวดไทย,ต้มยำกุ้งจ่อร่วมภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้
กระทรวงวัฒนธรรมเดินหน้าเข้าร่วมภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้ ปกป้องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมชาติก่อนสูญหาย ...เมื่อวันที่ 12 มี.ค. นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีประเทศไทยเตรียมเข้าร่วมภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้ (IntangibleCultural Heritage) ของยูเนสโก ว่ากรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้จัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการช่างภูมิปัญญา ประชาชนที่เกี่ยวข้องของแต่ละภูมิภาคเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดก ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ...ซึ่งหลังจากทำประชาพิจารณ์เสร็จแล้ว ทางวธ. และสวธ.จะนำความคิดเห็นทั้งหมดมาวิเคราะห์สรุปเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา เห็นชอบ จากนั้นจะส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่งวธ.จะเร่งให้เสร็จทันในสมัยเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเดือนตุลาคมนี้นางปริศนา กล่าวอีกว่า หากสภาฯเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นร่วมภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้ของยูเนสโกทาง วธ.จะเดินหน้ายื่นหนังสือเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ทันที เมื่อยูเนสโกรับเข้าเป็นสมาชิกแล้วประเทศไทยจะนำมรดกภูมิปัญญาของไทยไปประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเหมือนกับประเทศอื่นๆ ซึ่งต้องยอมรับว่ามรดกที่จับต้องไม่ได้ของประเทศใกล้สูญหายเป็นจำนวนมาก โดย สวธ.ได้ขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยระดับชาติที่อยู่ในภาวะเสี่ยงสูญหายไว้แล้ว 150 รายการ 7 สาขา อาทิ สาขาศิลปะการแสดง เช่น ขับเสภาดิเกร์ฮูลู ซอล้านนา, สาขาวรรณกรรมพื้นบ้าน เช่น ตำนานดาวลูกไก่ ตำนานผาแดงนางไอ่, สาขาความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล เช่น การนวดไทย ต้มยำกุ้ง ฤาษีดัดตน, สาขาภาษา เช่น ภาษาชองภาษาญัฮกุร เป็นต้น“การเป็นภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้สามารถขอรับการสนับสนุนเงิน ทุนแต่ละโครงการมรดกจับต้องไม่ได้นำแนวทางรักษาอนุรักษ์มาปฏิบัติให้ถูกวิธี ที่สำคัญมีสิทธิเข้าไปเป็นกรรมการออกเสียงในที่ประชุมในการเสนอภูมิปัญญาของ ไทยเป็นมรดกโลก หรือประเด็นที่มีผลกระทบเกี่ยวข้องกับประเทศไทย อย่างไรก็ดีประเทศในกลุ่มอาเซียนมีเพียงไทยกับพม่าที่ยังไม่ได้เข้าเป็นภาคีฯดังกล่าว” ปลัดวธ. กล่าว.

Blog Archive