Friday, February 1, 2013

ชัยยุทธเร่งปรับปรุงถนนหนทาง

ชัยยุทธเร่งปรับปรุงถนนหนทาง
               ภายหลังการเลือกตั้งเทศบาลตำบลนาโป่ง อ.เมือง จ.เลย เสร็จสิ้นลง ผลปรากฏว่า "ชัยยุทธ พิศถาน" ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรีตำบลนาโป่ง เป็นสมัยแรก พร้อมประกาศว่าจะจัดหางบประมาณมาจัดซื้อเครื่องจักรกล และระบบไฟฟ้า แสงสว่าง ในไร่นาและสวน เพื่อเพิ่มความสะดวก และความสร้างความปลอดภัยให้แก่คนในชุมชน                 "ชัยยุทธ พิศถาน" นายกทต.นาโป่ง เล่าว่า นาโป่งเป็นตำบลที่อยู่ในเขตการปกครองของอำเภอเมือง มีทั้งสิ้น 13 หมู่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ประ กอบอาชีพหลัก ทำนา ทำสวนและทำไร่ โดยมีอาชีพเสริมคือรับจ้างทั่วไป ซึ่งมีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 9,540 คน มี 1,771 หลังคาเรือน ช่วงที่เขานั่งตำแหน่งประธานสภาทต.นาโป่ง ได้เห็นการทำงานของฝ่ายบริหารแบบเช้าชามเย็นชาม โดยนั่งรองบประมาณจากส่วนกลาง ที่ยื่นให้แค่ปีละ 27-28 ล้านบาท เมื่อเขามีโอกาสนั่งบริหารจึงดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้ทันที                 ด้วยภูมิประเทศเป็นขุนเขา การคมนาคมยังยากลำบาก เครื่องจักรมีไม่พอ ดังนั้นเป้าหมายแรกของเขา คือ ปรับปรุงถนนเพื่อการเกษตรที่ต้องรีบปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะถนนขนส่งผลผลิตการเกษตรเป็นสิ่งจำเป็นมาก ซึ่งวิธีการนั้นเขาได้นำเสนอรายงานข้อมูลความจำเป็น พร้อมเหตุผลไปจังหวัด กรม รัฐมนตรี และสู่การขอกู้เงินจากสถาบันการเงินไปซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรไม่ว่าจะเป็นรถแทร็กเตอร์ รถแบ็กโฮ รถบดและรถดั๊ม ซึ่งขณะนั้นมีรถไถคันเดียวเท่านั้น                นายกทต.นาโป่ง บอกว่า ที่ผ่านมาการจ่ายเงินไม่คุ้มค่า เช่น 4 ปีที่ผ่านมา ไปขอเงินจากรัฐได้ 30 ล้านบาท แล้วนำมาแบ่งสันปันส่วนให้ ทต.นาโป่ง 3-4 ล้านบาท ถนนเพื่อการเกษตร 3 กม.ต้องใช้งบประมาณ 7-8 แสนบาท เขาเห็นว่าเป็นราคาที่สูงเกินจำเป็น หากมีรถเองเติมเพียงน้ำมัน ก็ไม่น่าจะเกิน 5-6 หมื่นบาท/ระยะทาง 3 กม. น่าจะประหยัดงบได้มาก คุณภาพของถนนก็จะดี แถมมีรถหรือเครื่องจักรกลที่อยู่ได้นานนับสิบปีหากดูแลดี นี่คือเป้าหมายแรกที่เขาจะรีบทำเพื่อเป็นปัจจัยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำสินค้าเกษตร                ทั้งนี้ ปัจจุบันรายได้ต่อหัวหรือจีดีพีกว่า 7 หมื่นบาทต่อคนต่อปี อยู่ที่สองของภาคอีสาน ส่วนเป้าหมายของจังหวัดเลย ตั้งไว้สูงถึง 8 หมื่นบาท หากชาวบ้านกรีดยางได้ร้อยละ 70 ก็จะสร้างรายได้ให้คนพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก และโครงการรองลงมา ได้แก่ การสร้างระบบไฟฟ้าเข้าสู่ไร่นา เพื่อเพิ่มความสว่างและความสะดวกในการประกอบอาชีพ ตลอดจนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งโครงการดังกล่าวล้วนเอื้อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งนั้น    ................................................. (เร่งปรับปรุงถนนหนทาง ขนส่งผลผลิตการเกษตร : คอลัมน์คนดังท้องถิ่น : โดย...บุญชู ศรีไตรภพ )  

มาย ไชยนิตย์ทำหนองปรือน่าอยู่

มาย ไชยนิตย์ทำหนองปรือน่าอยู่
               นายมาย ไชยนิตย์ นายกเทศมนตรีเมืองหนองปรือ จ.ชลบุรี ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนชาว ต.หนองปรือ ได้ทำงานควบ 2 ตำแหน่ง ในระหว่างยกฐานะสภาตำบลที่มีรายได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดขึ้น เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบใหม่ หรือองค์การบริหารส่วนตำบล คือเป็นทั้งกำนันตำบล และประธาน อบต.หนองปรือ จากนั้นได้รับเลือกเป็นนายก อบต.ตั้งแต่ปี 2542-2549 และในปี 2549 อบต.หนองปรือ ได้รับการยกระดับขึ้นเป็นเทศบาลเมืองหนองปรือ ซึ่งนายมาย ไชยนิตย์ ยังได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างเหนียวแน่น เข้ามาทำหน้าที่บริหารเทศบาลเมืองหนองปรือ ในตำแหน่งนายกเทศมนตรี ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นนายกเทศมนตรีสมัยที่ 2                 จะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา 30 กว่าปีบนเส้นทางนักบริหารท้องถิ่นได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารจาก อบต.ยกระดับฐานะขึ้นเป็นเทศบาลเมืองแห่งแรกของประเทศไทย โดยหลักการบริหารเทศบาลเมืองหนองปรือ นายมาย ไชยนิตย์ ได้นำวิสัยทัศน์ “เมืองหนองปรือน่าอยู่ ผู้คนสมานฉันท์ ผูกพันด้วยวัฒนธรรม เลิศล้ำการเรียนรู้” ซึ่งเป็นเครื่องชี้นำในการบริหารงาน                 นายกมาย เล่าว่า ต้องพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานเรื่องถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา ท่อระบายน้ำ ด้านการศึกษา ศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรม โดยการศึกษานั้นมีทั้งในและนอกระบบ คือโรงเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานราชการ และโรงเรียนสอนศาสนาทั้งพุทธและอิสลาม เนื่องจากในเขตเทศบาลนั้นมีประชาชนต่างถิ่น ทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม และชาวต่างชาติ มาอาศัยอยู่อย่างมากมาย ดังนั้นเทศบาลเมืองหนองปรือจึงจำเป็นต้องดูแลส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีผู้ที่มาอาศัยอยู่อย่างทั่วถึง                  ด้านสาธารสุขและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย งานส่งเสริมสุขภาพ มีการสร้างสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 2 แห่ง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ได้ออกกำลังกาย งานป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ เป็นเรื่องเกี่ยวกับตรวจเช็กสุขภาพประชาชนประจำปี โดยเทศบาลได้ตั้งงบประมาณจำนวนกว่า 1 ล้านบาท เพื่อตรวจเช็กสุขภาพประชาชนในท้องถิ่น โดยการทำงานร่วมกับ อสม.และผู้นำชุมชน เป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ยังต้องถูกแลในเรื่องมาตรฐานตลาดสดในพื้นที่ทุกแห่ง เพื่อให้มีความสะอาดอยู่ตลอดเวลา โดยการสุ่มตรวจสารเจือปนในอาหารที่พ่อค้าแม่ค้านำมาจำหน่าย                 งานด้านสวัสดิการสังคม ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ และผู้พิการ โดยเทศบาลได้รับรางวัลการบริหารจัดการคนพิการดีเด่นระดับประเทศ จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์                 นายกมายกล่าวทิ้งท้ายว่า ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ปัจจุบันเทศบาลมีประชากรในระบบ 62,000 กว่าคน มีประชากรแฝงประมาณ 100,000 คน ในปี 2554 คดีอาชญากรรมในเขตเทศบาลมีคดีเกิดขึ้น 1,600 คดี นับว่าเป็นสถิติที่สูงมาก จึงได้มีแนวคิดที่จะก่อตั้งสถานีตำรวจภูธรหนองปรือขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรม และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนในพื้นให้ดีขึ้น โดยการประสานงานกับ สตช. และได้รับอนุมัติให้จัดตั้งขึ้นในปี 2555                 เทศบาลยังเป็นพื้นที่รองรับในด้านที่พักอาศัยสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพในเขตเมืองพัทยาด้วย จึงเป็นหัวใจหลักที่เทศบาลต้องทำให้ “เมืองหนองปรือน่าอยู่” ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา จึงจำเป็นต้องมีความสมานฉันท์ และสร้างความผูกพันของผู้คนแต่ละวัฒนธรรมให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ ก็เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป   ........................................... ('มาย ไชยนิตย์'ทำหนองปรือน่าอยู่ผู้คนสมานฉันท์ผูกพันด้วยวัฒนธรรม : คอลัมน์เปิดใจผู้นำท้องถิ่น)

เสียงสะท้อนจากคนบางนาถึงผู้ว่าฯคนใหม่

เสียงสะท้อนจากคนบางนาถึงผู้ว่าฯคนใหม่
@ชาวบางนาอยากได้สกายวอล์ก @ .ให้งบประมาณตามใจชาวบ้านบ้าง @ ขอที่ทำกินหน่อยได้ไหม                คม ชัด ลึก ทีวี หนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก และชุมชนคนบางนา ร่วมจัดเวทีสัญญจร "กรุงเทพของเรา...เรากำหนด" สะท้อนปัญหาระดับรากหญ้าจากคนในชุมชนเพื่อนำเสนอว่าที่ผู้ว่าฯ คนใหม่ที่กำลังออกหาเสียงในขณะนี้ ให้ฟังเสียงเรียกร้องจากสิ่งที่ประชาชนกำลังต้องการบ้าง                เวทีสัญจรประเดิมจากคนบางนาที่ส่งตัวเแทนโดยมีผู้นำของทั้ง 5 โซนจาก 39 ชุมชน ตำรวจ ภาคธุรกิจ และชาวบ้านกว่า 100 คนร่วมเข้าวงเสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสะท้อนมุมมองที่อยากจะขอให้ผู้ว่ากรุงเทพมหานครคนใหม่ เข้าใจว่าชาวบ้านในย่านนี้ต้องการอะไรบ้าง                 หนึ่งในตัวแทนภาคธุรกิจ นายอนุพล ลิขิตพฤกษ์ไพศาล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีเคเค แกรนด์ เอสเตส จำกัด กล่าวเปิดประเด็นว่า จริงๆ แล้วบางนาไม่ใช่เมืองใหม่ แต่เป็นเมืองที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา และมีเจริญอยู่ตลอดตั้งแต่ยุคสุโขทัยและอยุธยา รัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นมาตลอดเวลาถึงความเจริญ จนถึงปัจจุบัน และกำลังจะก้าวเข้าสู่เออีซีในอีกไม่กี่ปีนี้                สิ่งที่ชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนในเวลานี้คือ บางนาไม่ใช่เมืองชายขอบ แต่เป็นเมืองที่มีความเจริญอย่างต่อเนื่อง คือ มีคำภาษาอังกฤษที่เรียกว่า "เมกาบางนา" นี่เป็นห้างสรรพสินค้าใหม่ แต่ชื่อเป็นอินเตอร์ที่บ่งบอกได้ว่าที่นี่มีความเจริญ                โดยส่วนตัวแล้วหากผู้ว่าราชการคนใหม่ที่จะเข้ามาดูแล ก็อยากให้มองเห็นและเข้าใจถึงความต้องการของคนในย่านบางนาบ้าง สิ่งที่ควรจะมีในพื้นที่นี้คือ "บางนาถนนน่าเดิน" เพราะขณะนี้บางนามีไหล่ทาง หรือฟุตบาตแคบมาก โดยเฉพาะสี่แยกบางนามีคนมาใช้ในตอนเช้าหลายหมื่นคนต่อวัน แต่แทบจะไม่มีที่ให้พอเดิน เพราะทางเท้าแคบ                จึงขอเรียกร้องไปยังผู้ว่าฯ ขอให้มีสกายวอล์ก ซึ่งก่อนหน้านั้นก็คิดว่าเมื่อมีรถไฟฟ้ามาก็น่าจะมีสกายวอล์กตามมาด้วย แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีให้เห็น จึงอยากฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยว่าน่าจะมีสกายวอล์ก เพราะถ้ามีแล้วก็จะทำให้คนบางนาสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น                ขณะที่ชาวบ้านที่รับฟังการเสวนาครั้งนี้ แสดงความคิดเห็นว่า อยากฝากเสียงสะท้อนจากชาวบ้านไปสู่ผู้สมัคร ว่าคนบางนาไม่ใช่เมืองชายขอบอีกต่อไปแล้ว เพราะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่จะเจริญ มีสนามบิน มีเมกาบางนา เซ็นทรัล ศูนย์ประชุมไบเทค มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน และที่กำลังจะมาใหม่คือ ห้างเดอะมอลล์ หรือเอ็มโพเรี่ยมสอง กำลังจะผุดขึ้นที่สี่แยกบางนา                ดังนั้นจึงอยากฝากไปถึงผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหารนครคนใหม่ ว่าขอเส้นทางสะดวกสบายให้คนบางนาเดิน และขอสกาย วอล์กให้คนบางนาด้วย                อีกหนึ่งเสียงสะท้อน ฝากถึงผู้ว่าฯ คนใหม่ บอกว่า ชุมชนที่มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงมาก คนในบางนามีไลฟ์สไตล์แบบใหม่ ทำให้คนบางนาก้าวไปไกล ชุมชนที่นี่จึงเจริญมาก และก้าวไกลไปมากแล้ว ที่นี่จึงไม่ใช่เมืองชายขอบ แต่ต่อไปจะเมืองระดับนานาชาติ ก่อนที่อนาคตนจะมีแรงงานต่างชาติเข้ามามาก จึงอยากให้มีการช่วยให้คนในชุมชนได้มีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าจะดูแลและควบคุมได้อย่างไร ทั้งในด้านภาษา อาชีพ เพื่อให้คนบางนาได้มีการปรับตัวและความเป็นอยู่ได้ทันกับเออีซี ในปี 2558 นี้ด้วย                  "ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีการจัดหลัดสูตรเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อให้คนในชุมชนได้มีการพัฒนาเตรียมรับกับความเปลียนแปลงที่จะเกิดขึ้น่ในอนาคตด้วย"    ถ้าว่ากันในเรื่องของความปลอดภัย ก็อยากให้ติดไซเรนเมื่อเวลามีโจร หรือไฟไหม้ หรือมีเหตุร้าย เพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้เพื่อนบ้านได้รู้ว่าผู้ที่ส่งสัญญาณกำลังได้รับอันตราย จะได้เป็นการช่วยเหลือกันในชุมชนในทางตรงและทางอ้อม คือชาวบ้านก็ต้องป้องกันตัวเอง ดังนั้นอยากให้ผู้ว่าฯ คนใหม่ออกมาเป็นกฎระเบียบให้เป็นรูปธรรมด้วย เพราะชาวบ้านอยากจะทำแต่ก็ไม่รู้ว่าทำแล้วจะไปติดกฎระเบียบอะไรบ้างหรือเปล่า   เสียงสะท้อนจากชาวบางนา   ปรัชญา จิระ-ประธานโซนอุดมสุข 1                "อยากให้แก้ไขเรื่องปัญหาที่ดินที่ทำกิน ชาวบ้านยากได้ที่ทำกิน ชุมชนตรงข้ามโรงงานธานินท์ ตอนนี้ไม่มีที่ให้เช่าถูกๆ อีกต่อไปแล้ว กลายเป็นความเจริญมาถึง ก็ทำให้ชาวบ้านอาจจะไม่มีที่อยู่"   ปราโมทย์ ชวาลไพบูลย์-ประธานโซนอุดมสุข 2                "อยากให้แก้เรื่องหมู่บ่านจัดสรร ชาวบ้านที่อยู่ในโซนนี้เป็นพื้นที่เอกชน พัฒนาไม่ได้ รัฐจะบอกว่างบประมาณเข้ามาไม่ถึง จึงต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเราเป็นหมู่บ้านที่เกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัตินิติบุคคลจะมี จึงไม่ได้เป็นนิติบุคคล ทำให้ต้องช่วยเหลือตัวเองอย่างเดียว ตอนที่ซื้อหมู่บ้านบอกว่ามี รปภ. มีสนาม แต่อยู่มา 20 ปี ก็ยังไม่มีอะไรเลย ผมมองว่านักการเมืองรุ่นใหม่ต้องมีความจริงใจกับประชาชน อยากได้ผู้ว่าฯ มีความตั้งใจ ใส่ใจความทุกข์ของประชาชน"   รุ่งระพิน เพ็ญพา -ประธานโซนแบริ่ง-ลาซาล                "ต้องการลานกีฬาให้เด็กๆ ได้เล่นกีฬา และชาวบ้านผู้สูงอายุได้มาผักผ่อน และอยากได้ที่ทำการชุมชน เพราะทุกวันนี้อาศัยบ้านประธาน พอประธานเปลี่ยน ที่ทำการก็เปลี่ยนไปด้วย                และอยากขอให้เพิ่มกล้องวงจรปิดให้มีทุกชุมชนเพื่อป้องกันอาชญากรรม และที่สำคัญขอให้ผู้ว่าฯ ให้งบประมาณการช่วยเหลือ แบบตามใจประชาชนบ้าง ไม่ใช่ให้แต่สิ่งที่ทางการอยากให้อย่างเดียว แต่ชาวบ้านไม่ต้องการ ทำให้เสียงบประมาณเปล่าๆ ฟังเสียงประชาชนบ้างว่าต้องการอะไร"  

หารือคมนาคมราบลื่น สหภาพฯกทท.ยอมถอยไม่นัดหยุดงาน

หารือคมนาคมราบลื่น สหภาพฯกทท.ยอมถอยไม่นัดหยุดงาน
สหภาพฯ ท่าเรือลดความรุนแรง ยอมถอยไม่นัดหยุดงาน หลังได้ร่วมหารือคมนาคม ย้ำจุดยืนขีดเส้น 7 วัน กดดันไล่ ผอ.กทท. ออก...เมื่อวันที่ 1 ก.พ. นายจเร หมีดนุ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ว่า เป็นเรื่องดีที่กระทรวงคมนาคมเปิดโอกาสให้สหภาพฯ เข้าหารือปัญหา ซึ่งยังยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ เรือตรีวิโรจน์ จงชาณสิทโธ ผู้อำนวยการ กทท. ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น ใช้อำนาจโดยไม่มีคุณธรรม ซึ่งผู้บริหารกระทรวงระบุว่า จะเชิญเรือตรีวิโรจน์มาหารือ หลังจากนั้น จะเชิญสหภาพฯ มาหารืออีกครั้ง ซึ่งสหภาพฯ ให้เวลา 7 วันในการดำเนินการ หากไม่ดำเนินการตามที่ได้ตกลงไว้ จะหามาตรการมาเคลื่อนไหวต่อไป แต่ครั้งนี้จะลดระดับความรุนแรง ไม่ให้พนักงานหยุดทำงานล่วงเวลา (โอที) เนื่องจากกระทรวงฯ เปิดโอกาสให้หารือร่วมกันแล้ว ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า การหารือร่วมกับสหภาพฯ กทท. ยังไม่ได้ข้อสรุป ตามข้อเสนอที่สหภาพฯ ยื่นข้อเรียกร้องให้ เรือตรีวิโรจน์ จงชาณสิทโธ ผู้อำนวยการ กทท.ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเป็นอำนาจการพิจารณาของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ประธานคณะกรรมการ กทท. โดยได้ทำความเข้าใจแล้วว่า การนัดหยุดงาน หรือหยุดทำงานล่วงเวลา ไม่มีประโยชน์ ให้มาหารือร่วมกันดีกว่า ซึ่งหากมีการนัดหยุดทำงานล่วงเวลา ทางกระทรวงคมนาคมได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว โดยจะให้พนักงานทำงาน 2 ช่วง เนื่องจากขณะนี้ ทาง กทท.ระบุว่า มีปริมาณพนักงานจำนวนมาก และจะให้ผู้ประกอบการขนส่งทางเรือไปใช้ท่าเรืออื่นเช่น แหลมฉบัง หรือท่าเรือของเอกชนมากขึ้น.

ประทีปเบอร์14 ร้องค้านถูกตัดสิทธิ์สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.

ประทีปเบอร์14 ร้องค้านถูกตัดสิทธิ์สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
ประทีป วัชรโชคเกษม ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เดินทางยื่นเรื่องร้องคัดค้าน หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานครประกาศตัดสิทธิ์ เหตุไม่ไปเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2554 เจ้าตัวยืนยันไปแน่นอน พร้อมยังไม่หยุดหาเสียงเตรียมลงพื้นที่พบประชาชนต่อพรุ่งนี้ ขณะ กกต.ยันไม่มีกฎห้าม ถือว่าเรื่องยังไม่จบกระบวนการ หาเสียงได้ ไม่ผิด...เมื่อวันที่ 1 ก.พ. เวลา 17.00 น. นายประทีป วัชรโชคเกษม ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 14 เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ เกี่ยวกับกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร แล้วพบว่าตนเองขาดคุณสมบัติ เนื่องจากการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อปี 2554 ไม่ปรากฏข้อมูลว่าได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยนายประทีป กล่าวว่า ตนได้ยื่นเรื่องคัดค้านต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว เนื่องจากยืนยันว่า การเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2554 ที่ผ่านมา ตนในฐานะนักการเมืองท้องถิ่น ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการเลือกตั้งเสมอมา และได้เดินทางออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างแน่นอน แต่เหตุการณ์วันนั้น เกิดความผิดพลาดเรื่องการเซ็นชื่อแสดงตัวมาใช้สิทธิ์ ซึ่งก็ได้ทักท้วงเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งในวันนั้นแล้วว่าต้องเซ็นชื่อกำกับในจุดที่ผิดพลาดหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าจะไปดำเนินการเองในภายหลัง ซึ่งจุดนี้อาจทำให้ชื่อของตนไม่ปรากฏในกลุ่มผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหากมีการตรวจค้นเอกสารต้นขั้วใบลงคะแนน ก็จะพบได้ว่าตนลงลายมือชื่อในการเซ็นรับบัตรลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งจริง เท่าที่ทราบขณะนี้เข้าใจว่าการตรวจสอบคุณสมบัติตรวจจากแผ่น CD ที่บันทึกข้อมูล ซึ่งอาจมีการลงผิดพลาดจากกรณีที่ตนเซ็นชื่อผิด แต่หากตรวจค้นที่เอกสารต้นขั้ว ก็น่าจะพบลายเซ็นของตนปรากฎอยู่นอกจากนี้ นายประทีป ยังกล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้คำตอบว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนานแค่ไหน และเนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (2 ก.พ.) ตนก็มีหมายที่จะลงพื้นที่ในการหาเสียงด้วย เบื้องต้นจึงคาดว่าอาจจะลงพื้นที่หาเสียงตามปกติไป เพราะแผ่นพับ ป้าย หรือเอกสารหาเสียงก็ได้จัดทำมาแล้ว และเรื่องการถูกตัดสิทธิ์ ก็ยังไม่ถึงที่สุดอยู่ระหว่างการดำเนินการ จึงเชื่อว่าไม่น่ามีความผิดใดๆ หากตนจะยังเดินหน้าหาเสียงต่อไปขณะที่ นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ทราบเรื่องที่นายประทีปเดินทางมาร้องคัดค้านกรณีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนและถูกตัดสิทธิ์แล้ว ซึ่ง กกต.กทม.คงต้องใช้เวลาตรวจสอบตามที่ผู้ถูกตัดสิทธิ์ร้องคัดค้านเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานน่าจะได้คำตอบ ส่วนการหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกตัดสิทธิ์ช่วงที่กระบวนการร้องคัดค้าน และการตรวจสอบยังไม่เสร็จสิ้นนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เนื่องจากเรื่องยังไม่ถึงที่สุด แต่หากกระบวนการจบสิ้นและยังปรากฏว่าขาดคุณสมบัติจริง ผู้สมัครรายนั้นๆ ก็ต้องหยุดหาเสียงทันทีด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง ยืนยันเช่นเดียวกันว่า กรณีที่ผู้ถูกตัดสิทธิ์ร้องคัดค้านการตรวจสอบคุณสมบัตินั้น ผู้สมัครยังสามารถหาเสียงเลือกตั้งได้ต่อ จนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น หมายความว่า จนกว่า กกต.กลาง จะมีมติเกี่ยวกับกรณีนั้น จึงจะถือเป็นที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาในการเลือกตั้งท้องถิ่นก็เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น และหลังการตรวจสอบจากเอกสาร และการสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ก็พบข้อมูลการไปใช้สิทธิ์ โดยเจ้าหน้าที่สามารถยืนยันตัวตนได้ว่าเห็นผู้ถูกตัดสิทธิ์เดินทางไปใช้สิทธิ์จริง ประกอบกับการตรวจสอบเอกสารจึงพบข้อมูลที่ยืนยันได้ว่ามีการเดินทางไปใช้สิทธิ์จริง ระหว่างนี้ผู้ถูกประกาศขาดคุณสมบัติ ก็สามารถหาเสียงได้ตามปกติไปก่อน จนกว่า กกต.กลาง จะมีมติที่ชัดเจน.

แชร์ความลับ! ปอย บอกโปรเจกต์ใหญ่มาก

แชร์ความลับ! ปอย บอกโปรเจกต์ใหญ่มาก
สวยเจิดเสมอมาและเสมอไป ปอย-ตรีชฎา มาลยาภรณ์ เรื่องรักยังระรื่นฉ่ำทรวงล้นกับ หนุ่มเอ็ม-พีร์ระพงษ์ เคารพไทย เริ่มนับถอยหลังจะดันโครงการบิ๊กบึ้มของตัวเองออกมา ปอยยังอุบบอกแค่นิดๆ ว่าเกี่ยวกับความงามอันบรรเจิด รับรองมีเซอร์ไพรส์แน่นอน...รักกับเอ็มเป็นเยี่ยงไร? ก็เรื่อยๆ ค่ะ (หัวเราะ) เรื่อยๆ ยังไง อธิบายมาหน่อยค่ะ? เอ็มกับปอยรู้จักกันมานานแล้ว รู้สึกว่าชีวิตของพวกเรายังเป็นวัยรุ่นกันทั้งคู่ ต่างคนก็ต่างทำงานกันไป ยังสนุกกับการทำงานกันอยู่มากๆ เอ็มก็มีความสุขมากๆ นะคะกับการตีกอล์ฟ ปอยก็มีหลายอย่างมากๆ ที่อยากจะทำ จะมีโปรเจกต์หนึ่งเป็นเคล็ดลับของตรีชฎาทำครีมขายหรือเปล่า? โนๆๆ จะออกพ็อกเก็ตบุ๊ก? โนๆๆ เป็นเคล็ดไม่ลับของตรีชฎา ตอนนี้ก็ยังคิดๆ อยู่ว่าจะทำยังไงออกมา คือ…ยังพูดตอนนี้ไม่ได้ ปอยจะทำโฟมล้างหน้าขาย? จริงๆ อันนี้ก็เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ด้วย หลายๆ ปีที่ผ่านมา มีแต่คนถามเราว่าน้องปอยไปทำอะไรมา ไปกินอะไรมา สวยอย่างโน้นอย่างนี้ มีคนถามเราเยอะมากกกกก จนมีความรู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราจะตอบแทนให้คนอื่นดูดีขึ้น เหมือนเราอยากจะแชร์ความลับของเราบ้าง (อมยิ้ม).     

Blog Archive