Thursday, January 3, 2013

กระบะประสานงารถตู้ อัดคนขับตายคาพวงมาลัย

กระบะประสานงารถตู้ อัดคนขับตายคาพวงมาลัย
อุบัติเหตุสยองบนเกาะสมุย รถกระบะวิ่งประสานงารถตู้รับส่งนักท่องเที่ยว คนขับถูกอัดก๊อบบี้ตายคาพวงมาลัย คาดเหตุหลับใน หรือเมาค้าง ...เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 ม.ค.56 ร.ต.ต.ศิรชัช คามูณี ร้อยเวรสอบสวน สภ.เกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนประสานงากับรถตู้ที่กำลังวิ่งไปรับนักท่องเที่ยว ทำให้คนขับรถยนต์เสียชีวิตติดอยู่ในซากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะสมุย เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณก่อนถึงปากทางเข้าวัดแหลมสอ ถนนสายหน้าเมือง-ตลิ่งงาม ม.4 ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พบรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ดสีเทาดำ ทะเบียน ตร 4838 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายวีรชัย โพดจะโป๊ะ อายุ 34 ปี พนักงานของโรงแรมแห่งหนึ่งในเกาะสมุย เป็นคนขับ ถูกอัดติดอยู่ในตัวรถเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ต้องนำเครื่องตัดถ่างนำร่างออกมา ส่วนอีกคัน เป็นรถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บข 2962 สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นรถตู้ให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยว มี นายวาริน มีเดช อายุ 35 ปี เป็นคนขับ กำลังจะขับไปรับนักท่องเที่ยว สภาพรถด้านหน้าพังยับแต่โชคยังดีที่ตอนเกิดเหตุ ไม่มีนักท่องเที่ยวนั่งอยู่ในรถตู้คันดังกล่าว ส่วนนายวาริน คนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส อาสาสมัครกู้ภัยกุศลส่งเคราะห์เกาะสมุย ได้นำส่ง รพ.เกาะสมุย จากการสอบสวนผู้ที่เห็นเหตุการณ์เบื้องต้นทราบว่า รถยนต์กระบะวิ่งมาด้วยความเร็ว มุ่งหน้าไปโรงแรมที่ผู้ตายทำงานอยู่ ก่อนจะข้ามไปในเลนฝั่งที่รถตู้วิ่งสวนทางมา ทำให้เกิดการชนประสานงากันอย่างจัง ส่งผลให้นายวีรชัย เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบในรถของนายวีรชัย เจ้าหน้าที่ตำรวจพบขวดสุราแตกกระจายอยู่ในรถ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า นายวีรชัย ผู้ตายเกิดอาการหลับใน หรือไม่อาจจะอยู่ในอาการเมาสุรา จึงขับรถพุ่งเข้ามาในเลนของรถตู้ที่วิ่งสวนทางมา อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ และตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างของผู้ตายว่ามีแอลกอฮอล์ในร่างกายหรือไม่ ก่อนจะสรุปสาเหตุการชนอีกครั้ง. 

ปิดตลาดเช้าหุ้นไทยปรับลด 1.68 จุด

ปิดตลาดเช้าหุ้นไทยปรับลด 1.68 จุด
ปิดตลาดเช้าหุ้นไทยวันศุกร์ที่ 4 ม.ค.2555 ที่ระดับ 1,406.73  จุด ปรับลด 1.68 จุด รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 23,276.71 ล้านบาท...ปิดตลาดเช้าหุ้นไทยวันศุกร์ที่ 4 ม.ค.2555 ที่ระดับ 1,406.73  จุด ปรับลด 1.68 จุด รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 23,276.71 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 263 หลักทรัพย์ ลดลง 275 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 167 หลักทรัพย์   

สำหรับ 5 อันดับที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)

บิ๊กโอ๋มั่นใจถอดยศมาร์คทำได้ เมินฟ้องศาลพร้อมสู้คดี

บิ๊กโอ๋มั่นใจถอดยศมาร์คทำได้ เมินฟ้องศาลพร้อมสู้คดี
“สุกำพล” มั่นใจถอดยศ ว่าที่ ร.ต.มาร์ค เมิน ฟ้องศาลพร้อมสู้คดี ยันมีหลักฐานชัด ด้านปัญหาไฟใต้ เชื่อไม่นานเกินรอสงบ ขณะวอนสื่ออย่าดัดแปลงข่าวปราสาทพระวิหาร ไทยพร้อมสู้คดีเสมอ พร้อมยืนยันกองทัพไม่มีซูเอี๋ยแบ่งพื้นที่ทางทะเล ปรามอย่ามาดูถูกกัน...ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงการดำเนินการถอดยศร้อยตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านภายหลังจากที่มีการลงนามเพิกถอนคำสั่งการแต่งตั้งเป็นนายทหาร สัญญาบัตรว่า ทุกอย่างมีกฎ กติกาอยู่แล้ว เรื่องนี้ต้องดูที่เหตุว่า คืออะไร เรามีหลักฐานชัดเจนว่า เขาไม่ได้เกณฑ์ทหารและใช้เอกสารเท็จจึงต้องเป็นโมฆะ เหมือนการเอาปริญญาปลอม ไปสมัครงาน เมื่อถูกตรวจพบต้องเอาออก เพียงแต่เราเจอช้าไปหน่อย ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว และมีการเสนอแนะขึ้นมาว่า ควรถอดถอนคำสั่งที่ผู้บังคับบัญชาสมัยนั้นได้เซ็นแต่งตั้งไปด้วยความผิดหลง นึกว่า ถูกต้อง จึงต้องถอนออก ไม่ใช่การลงโทษส่วนที่นายอภิสิทธิ์ จะไปฟ้องศาลนั้น ก็ว่ากันไป ตนไม่เคยไปโวยวายว่า มากลั่นแกล้งตน คงต้องสู้คดีกันไป ซึ่งตนทำด้วยความมั่นใจ เพราะมีหลักฐานชัดเจน เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ แย้งว่า การเพิกถอนคำสั่งเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมาขัดกับคำสั่งแรกที่สั่งปลดออกจากราชการ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า คงไม่ขัด เป็นเพียงการถอนคำสั่งบรรจุเป็นนายทหาร ว่าที่ร้อยตรี ซึ่งคำสั่งที่สองไม่ได้ขัดกับคำสั่งแรก ต้องเข้าใจกฎหมายของทหาร คำว่า The Old Soldier Never Die หรือทหารแก่ไม่มีวันตาย คือ เมื่อเป็นทหารต้องทำตามกติกาของทหาร ไม่ใช่ปลดแล้วเลิกไป นั่นคือ พลเรือน วันนี้ตนเกษียณแล้ว ตนต้องมีความเป็นทหารอยู่ตลอด เรามีกฎกติกาชัดเจนที่ชี้แจงได้ เราไม่ได้กลั่นแกล้ง อย่าคิดว่า ปลดไปแล้ว เกษียณไปแล้วจะทำไม่ได้ มันต้องทำได้ ตนจึงทำ ไม่ใช่ทำไม่ได้แล้วไปดันทุรังทำ ตนมั่นใจว่า ทำได้ส่วนการทูลเกล้าฯเพื่อถอดยศจะต้องรอให้เสร็จสิ้นกระบวนการของศาลปกครองก่อน หรือไม่นั้น อย่าเพิ่งถาม เพราะเร็วเกินไป ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนกติกา เราเป็นข้าราชการต้องทำตามกติกา ทำนอกลู่นอกทางไม่ได้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวถึงการครบรอบ 9 ปี สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า รัฐบาลมีหลายแนวทางเพื่อให้ภาคใต้ดีขึ้น ซึ่งพูดกันเยอะว่า ผ่านมา 9 ปีแล้วจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้หรือไม่ ตนยืนยันว่า ได้เห็นแน่ และมั่นใจว่า อีกไม่นานเกินรอ ภาคใต้จะดีขึ้นมาก โดยเฉพาะในปี 56 ซึ่งจะเห็นว่า ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เราทำหน้าที่ได้ดีมาก สถานการณ์ความไม่สงบแทบจะไม่มี และสามารถจับอาวุธปืนได้มาก เราพยายามเร่งทำอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันเราให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาด้วยสำหรับการทำหน้าที่ของข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือนก็ทำงานเข้าขากันอย่างดีมาก พูดเข้าใจกัน เพียงแต่ยังมีในบางพื้นที่ที่สถานการณ์ยังมีความรุนแรง ต้องบอกว่า วันนี้เราเดินมาถูกทาง เมื่อถามว่า ยังจำเป็นที่จะต้องใช้แนวทางการพูดคุยกับผู้ก่อความไม่สงบหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่เอามาพูดตรงนี้ แต่ตนจะทำทุกอย่างให้ภาคใต้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามตนได้มีการประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูลกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ตลอด และจากการลงพื้นที่ร่วมกันในประเทศมาเลเซีย ทางมาเลเซียยืนยันว่า พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่นอกจากนี้ พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมจัดตั้งคณะทำงานและทีมโฆษกเพื่อทำความเข้าใจกับ ประชาชนเกี่ยวกับคดีประสาทพระวิหารว่า เรื่องนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวโต๊ะใหญ่ โดยกระทรวงกลาโหมกับกองทัพให้ความร่วมมือ เรื่องเขาพระวิหารเป็นเรื่องใหญ่และใกล้เวลาที่ศาลโลกจะตัดสินจึงมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากในช่วงนี้ เราจึงต้องทำด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่กระทรวงกลาโหมพูดทีหนึ่ง หรือกระทรวงการต่างประเทศพูดทีหนึ่ง เพราะจะทำให้เกิดความไขว้เขว มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน จึงต้องจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อนำข้อมูลข่าวสารจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับคดีเขาพระวิหารมากลั่นกรอง เพื่อให้มีความถูกต้อง“เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนไทยทุกคนมองเหมือนกันว่า เราไม่อยากสูญเสียอะไรอีกแล้ว ผมก็มีความรู้สึกอย่างนั้น และยังมองในแง่ดี เชื่อมั่นด้วยเหตุผลเพราะสัมผัสเรื่องนี้มาพอสมควร โดยส่วนตัวมั่นใจว่า จะตัดสินให้ทั้งสองประเทศเหมือนเดิม คือ เสมอตัว ถือเป็นผลดีทั้งสองฝ่าย เพราะถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ก็จะมีปัญหา ไม่มีอะไร เราอย่าไปมองในทางร้าย ผมได้พูดคุยกับ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเราสองคนสัมผัสเรื่องนี้มาพอๆ กัน แต่สิ่งที่รมว.ต่างประเทศพูดมา เพราะท่านเป็นห่วงว่า ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้น แล้วท่านก็ห่วงอย่างนั้น ซึ่งท่านคงไม่อยากให้เกิด อยากขอร้องสื่อว่า อย่าไปประโคมข่าวหรือดัดแปลงว่า ไทยแพ้แน่เหมือนเป็นนักมวยขึ้นชกบอกว่า แพ้แน่คงไม่อยากขึ้นชกแล้ว เราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เรื่องคงไม่เลวร้ายอย่างที่คิด อย่าเป็นกระต่ายตื่นตูม และรมว.ต่างประเทศไม่เคยบอกว่า หนักใจในการต่อสู้คดี และฝ่ายไทยไม่เคยหนักใจ เรื่องการต่อสู้คดีเลย เราพร้อมต่อสู้ เรามีแผนในการต่อสู้ที่ดี” รมว.กลาโหม กล่าวเมื่อถามว่า การที่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนยอมรับคำตัดสินของศาลโลก พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ถือเป็นหลักสากลอยู่แล้ว เมื่อเราเป็นสมาชิกในชาติภาคี หากคำตัดสินออกมาอย่างไรก็ควรปฏิบัติตาม การอยู่ในสังคมโลกต้องเป็นอย่างนี้ หากไม่ทำตามเราจะไปเป็นภาคีกับเขาทำไม ถือว่า ต้องทำตามคำสั่งของศาลโลก แต่เป็นความห่วงใย เพราอาจมีบางกลุ่มไม่เข้าใจจึงจำเป็นต้องมีทีมโฆษกเพื่อให้ข่าวออกมาเป็นในทิศทางเดียวกัน ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตว่า ทางรัฐบาลมีผลประโยชน์ทางทะเลร่วมกับทางกัมพูชานั้น ไม่มี เราไม่เคยทำอย่างนั้น การพูดอย่างนี้ไม่สร้างสรรค์และไม่มีประเทศไหนทำกันเมื่อถามถึงกรณีที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เตรียมทำข้อเสนอถึงรัฐบาลเพื่อให้ปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งศาลโลก เพราะไทยไม่ได้ต่ออายุปฏิญญารับรองอาณาเขตของศาลโลกตั้งแต่ปี 2505 และไทยปฏิบัติตามคำพิพากษาคดีเดิมเมื่อปี 2505 ครบถ้วนแล้ว พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ถือเป็นการแสดงออกในเรื่องการรักชาติอย่างหนึ่งก็ให้ทำข้อเสนอมา ถือเป็นเรื่องดี เพราะกระทรวงการต่างประเทศกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ จะได้นำข้อมูลเรื่องนี้มาดูว่า เรามีหรือยัง ส่วนที่ นายคำนูณตั้งข้อสังเกตว่า ท่าทีของรัฐบาลและกองทัพเหมือนให้ประชาชนยอมรับความพ่ายแพ้นั้น รู้สึกไม่พอใจ พูดอย่างนี้ถือเป็นการดูถูกกองทัพมากเกินไป อย่ามาดูถูกกองทัพ และพูดเหมือนว่า เราไปซูเอี๋ยหรือไปยอมแพ้เขา เพื่อผลประโยชน์ คิดว่า มาคุยกับตนน่าจะดีกว่า.

Blog Archive