Thursday, May 13, 2010

ในหลวงพระราชทานพวงมาลาครูเหยื่อไฟใต้

ในหลวงพระราชทานพวงมาลาครูเหยื่อไฟใต้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ พระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานพวงมาลาหน้าหีบศพครูเหยื่อไฟใต้ ครอบครัว... ที่ศาลาตั้งบำเพ็ญกุศลศพ วัดนิโรธสังฆราม ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา นายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานอัญเชิญพวงมาลาพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ วางหน้าหีบศพ นายภาส ลาภเจือจันทร์ อายุ 45 ปี เป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนบ้านกรือเซะ จ.ปัตตานี แต่ตัวผู้ตายเอง เป็นชาวยะลา และพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 10 ซอย 1 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ถูกคนร้ายขับขี่รถจยย.ประกบยิง จนเสียชีวิตคารถยนต์ปิดอัพของตนเอง ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบศพคนร้ายชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางเสียชีวิต ส่วนคนร้ายอีกคนสามารถหลบหนีไปได้ เหตุเกิดบนถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา หมู่ 5 บ้านเกาะบาตอ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 53 ที่ผ่านมานางสุนัทภา ลาภเจือจันทร์ ภรรยา กล่าวว่า ตนเองและครอบครัวลาภเจือจันทร์ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เป็นแรงใจที่จะทำให้คนในครอบครัวดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคต หลังจากที่ต้องสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่บั่นทอนจิตใจของครอบครัวอย่างมาก เพราะไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่กลับต้องมาประสบกับครอบครัวของตนเอง และตนเองไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับครูคนใดอีก เพราะทราบถึงความรู้สึกของความสูญเสียเป็นอย่างดี จึงไม่อยากเห็นใครต้องสูญเสียเช่นนี้อีก สำหรับงานพระราชพิธีเพลิงศพ จะกำหนดในวันเสาร์ ที่ 15 พ.ค. 53 โดยมี นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในงานพระราชทานเพลิงศพ ครูภาส ลาภเจือจันทร์ ซึ่งจะมีครูข้าราชการทหาร ตำรวจ และประชาชนไปร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

จับสาววัยรุ่นท้อง 3 เดือนค้ายาบ้า

จับสาววัยรุ่นท้อง 3 เดือนค้ายาบ้า

สังคมเสื่อมหนัก เด็กอายุ 15-16 ท้อง 3 เดือน ริเป็นเอเย่นต์ค้ายาบ้า ตำรวจล่อซื้อได้พร้อมของกลาง สอบสวนขยายผลได้ผู้ต้องหาและของกลางเพิ่มอีก สารภาพทำนาขาดทุนเป็นหนี้นอกระบบ เลยหันมาขายยาบ้า...เมื่อเวลา18.00 น.วันที่ 12 พฤษภาคม 2553 พ.ต.อ.ธนวรรษน์ อยู่คง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ วิริยะเขษม สารวัตรปกครองป้องกัน หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ไดจับกุมตัวนายเอก(นามสมมุติ ) อายุ 16 ปี เนื่องจากได้รับแจ้งจากสายว่านายเอกมีพฤติกรรมค้ายาบ้าต่อมา พ.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ ได้วางแผนให้สาบลับไปล่อซื้อยาบ้า จาก นายเอกจำนวน 10 เม็ด ในราคา 2.500 บาท โดยตำรวจได้ถ่ายเอกสารธนบัตรที่ใช้สำหรับล่อซื้อไว้ จากนั้นมอบให้สายลับไปล่อซื้อ โดยนัดหมายส่งของกันที่ถนนทางเข้าหมู่บ้าน ต.เทพนคร จากนั้นไม่นานนายเอได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามนัด โดยมี น.ส.น้อย (นามสมมุติ)อายุ 15 ปีนั่งซ้อนท้ายมาด้วย หลังจากรับเงินจากสายลับแล้วได้บอกกับสายลับว่าให้รออยู่ก่อนจะไปนำยาบ้ามาให้ เวลาผ่านไปไม่นานนายเอ ก็นำยาบ้ามามอบให้สายลับจำนวน 9 เม็ดโดยอ้างว่าขอหักไว้เสพ 1 เม็ด จากนั้นนายเอก็ขับขี่รถออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สะกดรอยตามจนมาถึงห้องพักของนายเอ ซึ่งเช่าอยู่ในตัวเมือง ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัว นายเอกับ น.ส.น้อยรับสารภาพว่ารับยาบ้ามาจากนางอรทัย แดงแย้ม อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.ที่ 22 ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชรตำรวจจึงได้ให้นายเอ นำทางไปที่บ้านของนางอรทัย จากการตรวจค้นที่บ้านนางอรทัย พบเงินสดที่ถ่ายเอกสารใช้ล่อซื้อยาบ้าวางอยู่บนหลังตู้เย็น ส่วนในครัวพบยาบ้าห่อด้วยกระดาษซุกซ่อนอยู่ในตะกร้าใส่กระเทียม และยังพบยาบ้าอีกจำนวน 15 เม็ดซุกซ่อนอยู่ใต้ถังแก๊ส รวมยาบ้าทั้งหมด 212 เม็ด จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนนายเอให้การรับสารภาพว่า ตนกับแฟนติดยาบ้า โดยเฉพาะ น.ส.น้อยกำลังตั้งท้องได้ 3 เดือน ต้องการเงินใช้เพื่อฝากครรภ์ประกอบกับติดยาบ้าทั้งคู่จึงหันมาเป็นเอเย่นต์ค้ายาบ้าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายและซื้อยาบ้าร่วมกันเสพทางด้าน นางอรทัยสารภาพว่า เดิมตนมีอาชีพทำนา แต่ที่ผ่านมาขาดทุนมาตลอด เพราะประสบปัญหาเพลี้ยกระโดด ปัญหาภัยแล้ง จนต้องไปกู้เงินนอกระบบมาลงทุนต่อ แต่ก็ไม่วายขาดทุนอีก จนขณะนี้เป็นหนี้นอกระบบกว่า 2 แสนบาท ดังนั้นจึงตัดสินใจค้ายาบ้า เพื่อจะนำเงินส่วนกำไรมาเช่าที่นาเพื่อทำนาต่อ หวังว่าจะได้เงินขายข้าวไปชำระหนี้นอกระบบ แต่ก็มาถูกจับเสียก่อนหลังทำบันมึกจับกุมแล้วได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง พ.ต.ท.ศรีศักดิ์ ศรีนวล สารวัตรเวรอาญาสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร สอบสวนดำเนินคดีต่อไป

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

สืบภาค1รวบโชเฟอร์รถตู้หื่นทุบสาวสาหัส

สืบภาค1รวบโชเฟอร์รถตู้หื่นทุบสาวสาหัส



คมชัดลึก :สืบภาค 1 แกะรอยรวบโชเฟอร์รถตู้หื่นพยายามลวนลามทุบสาวสาหัส ขณะขับส่งผู้โดยสารแถวสามเหลี่ยมดินแดง พบเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถใหม่หลังก่อเหตุ เจ้าตัวสารภาพอ้างจะพาเหยื่อส่งถึงบ้าน แต่สาวชกต่อยจึงใช้ด้ามเกียร์ทุบสลบ ตร.พบเคยถูกจับคดีเสพยามาก่อน






เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 12 พฤษภาคม พล.ต.ท.กฤษฏา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1(ผบก.สส.ภ.1) พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม นายวัชรพล โคตรประทุม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 875 หมู่ 7 ต.วังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร คนขับรถตู้ที่พยามยามข่มขืนและทำร้ายร่างกายผู้โดยสารจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมของกลาง รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สาย ต.96 วิ่งระหว่าง รังสิต-สะพานใหม่-มาบุญครอง-ท่าน้ำสี่พระยา เลขทะเบียนป้ายเหลือง 13-4565 กรุงเทพมหานคร เครื่องมือซ่อมรถยนต์ และแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง อ 3736 กรุงเทพมหานคร 2 แผ่น โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง  
 พล.ต.ท.กฤษฏา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม เวลา 22.00 น.ที่ผ่านมา น.ส.ธัญลักษณ์ ชุมมิ่ง อายุ 26 ปี ถูกคนขับรถตู้พยายามข่มขืน แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกคนขับรถตู้นำตัวไปทิ้งไว้ ในซอยคันแอน ถนน 345 ใกล้โรงผสมปูนซีเมนต์ หมู่ 4 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กระทั่งมีผู้ให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่จึงสอบปากคำผู้เสียหายและพยาน พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ คือนายวัชรพล ชุดจับกุมจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมและเข้าจับกุมตัววันนี้ ขณะที่ผู้ต้องหากำลังขับรถรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งผู้ต้องหาได้เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถตู้ หลังทราบข่าวว่าถูกล่าตัว แต่ก็ไม่สามารถหลบหนีการจับกุมของตำรวจไปได้
 จากการสอบสวนนายวัชรพล ให้การอ้างว่าเพิ่งมาขับรถตู้ 2 อาทิตย์ โดยที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับวินรถตู้ เนื่องจากอยู่ระหว่างติดต่อ ก่อนเกิดเหตุได้รับผู้เสียหายระหว่างเส้นทาง โดยบอกกับตนว่าจะไปลงสถานีรถไฟใต้ดิน ลาดพร้าว ระหว่างทางผู้โดยสารทยอยลง ตนคิดว่าไม่มีผู้โดยสารแล้วจึงปิดไฟรถและจะขับกลับบ้าน จึงวกรถไปขึ้นทางด่วน แต่มาทราบว่าเหลือผู้เสียหายที่ไม่ได้ลงอีก 1 คน จึงอาสาจะไปส่งที่บ้าน พร้อมบอกให้มานั่งข้างหน้า แต่ผู้เสียหายคิดว่าจะพาไปข่มขืน จึงต่อสู้และชกต่อยตน จากนั้นตนใช้ด้ามเกียร์ฟาดไปที่ศีรษะ ผู้เสียหายก็พยายามสู้อีก จึงกระหน่ำตีจนผู้เสียหายแน่นิ่งไปและคิดว่าเสียชีวิตแล้ว จึงนำผู้เสียหายไปทิ้งไว้ที่ถนน 345 ก่อนจะรีบขับรถหนีไป
 ด้าน พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวว่า ผู้ต้องหายังให้การวกไปวนมา แต่ได้รับสารภาพว่าตั้งใจที่จะพาผู้เสียหายไปข่มขืนจริง โดยมองผู้เสียหายขณะที่นั่งอยู่บนรถอยู่นานแล้ว ประกอบกับผู้เสียหายเองก็ไม่ชำนาญเส้นทาง เมื่อได้โอกาสจึงพาออกนอกเส้นทาง แต่ผู้เสียหายขัดขืนและต่อสู้ ผู้ต้องหาเลยทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เมื่อผู้เสียหายแกล้งเสียชีวิต ผู้ต้องหาจึงพาไปทิ้งที่ถนน 345 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบเคยถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดมาก่อน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาพยายามข่มขืน ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองข่อย จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป








ข่าวที่เกี่ยวข้องพยาน "เสื้อแดง"...ล่ารถตู้หื่น แม่"หมอแจ๊ค"ไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต รถตู้หื่นข่มขืนผู้โดยสารสาวเหยื่อขัดขืนถูกตียับโจรฉกเพชรในห้างเซ็นทรัลบางนามูลค่า6แสนไฟแนนซ์ฟ้องยึดบ้าน (2)

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เหวงยันเทือกพบDSIไม่เข้าสู่กระบวนยธ.

เหวงยันเทือกพบDSIไม่เข้าสู่กระบวนยธ.



คมชัดลึก :หมอเหวงเผยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกม.นปช. ชี้ชัดสุเทพพบดีเอสไอไม่ใช่การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมพูดเป็นนัยขอเลือกสันติภาพ ไม่เลือกสงคราม จี้นายกฯประกาศยกเลิกวันเลือกตั้ง 14 พ.ย.ผ่านทีวี






(13พ.ค.) เวลา 09.00 น. ที่เวทีการชุมนุมกลุ่มนปช.แยกราชประสงค์ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มนปช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการหารือของแกนนำกลุ่มนปช.เมื่อช่วงค่ำของเมื่อวานนี้(12 พ.ค.) ว่า ที่ประชุมมีการถกเถียงกันว่า กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เดินทางไปรายงานตัวกับดีเอสไอนั้น ถือเป็นการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เนื่องจากแกนนำแต่ละคนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย จึงมีการเชิญอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และฝ่ายกฎหมาย มาให้ข้อคิดเห็น จึงได้ข้อสรุปตรงกันว่า การไปรายงานตัวกับดีเอสไอของนายสุเทพนั้น ไม่ใช่การไปรับทราบข้อกล่าวหา ดังนั้นจึงไม่ใช่การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังยืนยันว่าแกนนำกลุ่มนปช.ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน นพ.เหวง กล่าวว่า ยืนยันว่าแกนนำไม่ได้มีความขัดแย้ง แต่ที่มีการถกเถียงกันนั้นเพราะแต่ละคนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และในการประชุมครั้งล่าสุดมติก็ออกมาเป็นเอกฉันท์ ส่วนกรณีที่หากมีการเปลี่ยนให้แกนนำสายฮาร์ตคอร์ขึ้นมานำมวลชนเสื้อแดงแทน แนวทางการต่อสู้ต่อไปอาจจะไม่ใช่สันติวิธีนั้น นพ.เหวงกล่าวว่า ถือเป็นเพียงความเห็นของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนนี้ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานกลุ่มนปช. ซึ่งนายวีระรับปากว่าจะมาที่แยกราชประสงค์ในช่วงบ่ายของวันนี้ด้วย สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าแกนนำในระดับภูมิภาคมีการประชุมกันที่พรรคเพื่อไทยนั้น นพ.เหวงกล่าวว่า ตนยังเชื่อว่าขณะนี้แกนนำทุกคนทุกระดับยังยอมรับมติของนปช.แดงทั้งแผ่นดิน แต่ส่วนตัวของตนแล้วเลือกสันติภาพ ไม่เลือกสงคราม เพราะตนทนเห็นความสูญเสียไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
 ส่วนกรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ล้มแผนเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.แล้วนั้น นพ.เหวง กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์ต้องรับผิดชอบคำพูดดังกล่าวด้วย เพราะนายกรัฐมนตรีประกาศวันเลือกตั้งทางโทรทัศน์ออกสู่สาธารณะ ดังนั้นหากนายกรัฐมนตรีจะยกเลิกก็ต้องประกาศผ่านโทรทัศน์ออกสู่สาธารณะด้วยเช่นกัน








ข่าวที่เกี่ยวข้อง"อริสมันต์"ประกาศพร้อมจับมือเสธ.แดง 'ปณิธาน'แนะรอนายกฯแจงล้มลต.14พ.ย.หรือไม่ บิ๊กจิ๋วถอดใจเลิกยุ่งนปช.พ้อไม่ฟังกัน"มาร์ค"ล้มเลือกตั้ง14พ.ย."วีระ"จ่อทิ้งปธ.นปช.นปช.เมินตัดน้ำ-ตัดไฟปั่นใช้ได้ทั้งอำเภอไม่ง้อไฟหลวง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

กษิตฟุ้งทูตต่างประเทศ เข้าใจรัฐบาลไทย

กษิตฟุ้งทูตต่างประเทศ เข้าใจรัฐบาลไทย

กษิต ภิรมย์“กษิต” เมิน “สุขุมพันธุ์” ติงเปิดศึกทูตต่างประเทศ เผยพร้อมทำความเข้าใจผู้ว่าฯกทม. มั่นใจทูตต่างประเทศเข้าใจท่าทีรัฐบาลไทย ฟุ้งทูตบางประเทศขอโทษ รัฐบาล ยันรัฐบาลทำทุกอย่างภายใต้หลักกฎหมาย....เมื่อวันที่ 13 พ.ค.นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีสถานทูตต่างๆแสดงความเป็นห่วงที่รัฐบาลจะมีการตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า ในพื้นที่การชุมนุมแยกราชประสงค์ ซึ่งอาจกระทบต่อสถานทูตต่างๆที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ชุมนุมว่ารัฐบาลยังไม่มีการดำเนินการเรื่องดังกล่าว แต่ก็มีแจ้งเตือนให้ทราบล่วงหน้าแล้ว เชื่อว่า หลายประเทศมีความเข้าใจ เพราะการบริหารราชการในหลายประเทศก็มีการประท้วง แต่รัฐบาลนี้ใช้ความอดทนมาตลอดในการบริหารประเทศ ส่วนกรณี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกทม.ระบุไม่ควรนำเรื่องทูตต่างประเทศไปพบกลุ่มเสื้อแดงมาเป็นประเด็นปัญหาในช่วงที่สถานการณ์การเมืองอ่อนไหวนั้น นายกษิต กล่าวว่า เป็นความเห็นต่างคนต่างความคิด แต่คงมีโอกาสได้นั่งปรับความเข้าใจกัน ตนคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นหลักปฏิบัติโดยทั่วไป เพราะต้องมีขอบเขตในพฤติกรรมของคณะทูต อะไรที่ดูแล้วเกินเหตุผลไปก็เตือนให้ทราบ ไม่ได้เป็นการว่ากล่าว ทั้งนี้ได้ขอบคุณทุกสถานทูตที่ให้กำลังใจรัฐบาลไทย และส่งหนังสือถึงรมว.ต่างประเทศทุกประเทศ เพื่อชี้แจง ไม่มีอะไรที่ใครต้องมาเป็นห่วง เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีอะไรปิดบัง ไม่มีอะไรในกอไผ่.


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

Blog Archive