Wednesday, February 6, 2013

วาเลนไทน์ไอเดีย! เรื่องเลิฟเลิฟ กับ 10 ลักชัวรี่ไอเทม...!

วาเลนไทน์ไอเดีย! เรื่องเลิฟเลิฟ กับ 10 ลักชัวรี่ไอเทม...!
“วาเลนไทน์” อีกหนึ่งเทศกาลที่ทำให้เดือนกุมภาพันธ์ มีความพิเศษกว่าทุกๆ เดือน หนุ่มสาวหลายคู่เลือกที่จะใช้เทศกาลนี้ในการบอกความในใจ หรือถ่ายทอดเรื่องราวของ “ความรัก” หลากหลายสิ่งหลากหลายอย่าง ถูกหยิบมาใช้เป็น “ของขวัญแทนใจ” เพื่อแสดงถึงความหมายของคำว่า “รัก” และการส่งมอบความรู้สึกดีๆ ให้กับคนรักของตนอีกด้วย...ไทยรัฐออนไลน์ แนะนำลักชัวรี่ไลฟ์สไตล์อินเตอร์แบรนด์และแฟลกชิฟสโตร์จากทั่วทุกมุมโลก 10 สุดยอดลักชัวรี่ไอเทมหลากแบรนด์ชั้นนำ ให้คุณได้เลือกช็อปเป็น “ของขวัญ” หรือ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษ รับรองได้ว่า “คนรัก” ของคุณจะได้สัมผัสถึงความ “เอ็กซ์คลูซีฟ...วัน แอนด์ โอลี่” (Exclusive…One & Only) จากของขวัญสุดพิเศษเหล่านี้อย่างแน่นอนOnly You & Me ของขวัญเพื่อ เธอ เปลี่ยนความซ้ำซากจำเจกับการเซอร์ไพรส์ด้วย “ดอกไม้” ลองมองหา “ไอเทมเครื่องประดับ” หรือ “เครื่องแต่งกาย”  ที่จะทำให้สาวๆ เจิดจรัส และสามารถหยิบมามิกซ์แอนด์แมทช์ให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวของพวกเธอได้ในทุกโอกาส นอกจากความประทับใจจากเซอร์ไพรส์ของคุณแล้ว พวกเธอยังจะรู้สึกว่า คุณเป็นคนช่างสังเกต ใส่ใจและให้ความสำคัญในความเป็นเธออีกด้วยเริ่มต้นที่ 2 ไอเทมแรก จาก Sol & Gravite กับสร้อยคอทรงวงกลม Shourouk ดีไซน์เก๋ ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่นำเสนอความต่างที่ลงตัว ระหว่างประกายของเพชรที่เข้ากันได้ดีกับโทนสีชมพูบานเย็น ซึ่งจะทำให้สาวๆ ดูเปรี้ยวและชิคมากยิ่งขึ้น อีกชิ้นที่ไม่ควรพลาด นั่นคือ ต่างหู อลิซาเบธ แอนด์ เจมส์-Elizabeth and James ที่เน้นถึงความงามของอัญมณีที่ไร้การปรุงแต่ง แต่สามารถสะท้อนถึงความทันสมัยที่เข้ากับความคลาสสิก โดดเด่นด้วยดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ที่สำคัญสามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับทุกชุดและทุกโอกาสต่อด้วยไอเทมที่ 3 กับกระเป๋าสะพายใบเล็กขนาดกะทัดรัด รุ่น อัลม่า-Alma จากแบรนด์ดังอย่าง หลุยส์ วิตตอง-Louis Vuitton กับความโดดเด่นของลายไม้สีแดงบนหนัง Epi พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่สาวๆ สามารถใช้ถือเดินเฉิดฉาย หรือสะพายแบบเก๋ๆ ที่สำคัญสีแดงในเฉดนี้ ทำให้สาวๆ ดูมีความเป็นเฟมินีน (Feminine) มากยิ่งขึ้น มาถึงไอเทมที่ 4 ที่คัดสรรจากร้าน Cloud 9 กับกระเป๋าคลัตช์ทรงสวย รุ่น สวีท เคส - Sweet Case ของ คริสเตียน ลูบูแตง – Christian Louboutin  แบรนด์แฟชั่นสุดหรู ที่สาวๆ ครึ่งค่อนโลกปรารถนาจะมีสักไอเทมไว้ในครอบครอง ความพิเศษของคลัตช์ใบนี้อยู่ที่การดีไซน์ที่เน้นความเรียบหรูดูดีมีระดับ ผลิตด้วยหนังลูกวัวคุณภาพระดับ พรีเมี่ยม โทนสีนู้ดของกระเป๋าใบนี้ พร้อมจะปรับลุคให้สาวๆ กลายเป็นสาวหวานขึ้นมาในทันทีสำหรับหนุ่มๆ ที่อยากเห็นคนรักของคุณในลุคเซ็กซี่ ลองเลือกของขวัญเป็น “ชุดชั้นใน” คงจะถูกอกถูกใจสาวๆ ได้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะชุดชั้นในผ้าลูกไม้สีชมพูอ่อนรุ่น บารอนเนสซ่า พิงค์ เซต - Baronessa Pink Set จาก ลา เพอร์ล่า – La Perla ที่ถ่ายทอดความเย้ายวน ชวนหลงใหลของหญิงสาว โดดเด่นด้วยลายลูกไม้ที่ถูกรังสรรค์อย่างพิถีพิถันบนผ้าโปร่งเนื้อบางเบา“เอ็กซ์คลูซีฟ ฟอร์ ยู” (Exclusive for you) คุณ ไม่ใช่แค่หนุ่มๆ ที่จะเซอร์ไพรส์สาวๆ ได้อย่างเดียวเท่านั้น หญิงสาวยังสามารถใช้โอกาสของเทศกาลแห่งความรักในการให้ “ของแทนใจ” อันแสดงถึงความรัก ความปรารถนา และความห่วงใย ที่คุณมีให้กับเขาได้เช่นกัน“แว่นกันแดด” ไอเทมยอดฮิตตลอดกาล ถือเป็นอีกหนึ่งของขวัญที่สามารถสร้าง เพอร์เฟกต์ลุคให้หนุ่มๆ ดูอินเทรนด์ เท่ สมาร์ท ที่สำคัญยังสามารถพกติดตัวไปได้ทุกที่ วาเลนไทน์ปีนี้ ลองเลือกแว่นกันแดดกรอบไม้สีน้ำตาลสุดหรู จากหลุยส์ วิตตอง - Louis Vuitton เป็นของขวัญให้กับชายหนุ่ม คงจะถูกใจ “เขา” ไม่น้อยเลยทีเดียว ต่อด้วยไอเทมที่ 2 กับกระเป๋าสะพายข้างขนาดกำลังพอดี ผลิตจากหนังดามิเย่ร์ – Damier โดดเด่นด้วยขลิบหนังสีน้ำเงินที่ทำให้กระเป๋าดูมีลูกเล่นมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ หลุยส์ วิตตอง - Louis Vuitton ไว้ได้อย่างชัดเจน กระเป๋าใบนี้สามารถเสริมบุคลิกให้หนุ่มๆ ดูเท่และมีสไตล์ แม้จะอยู่ในลุคลำลองก็ตามใครว่า กระเป๋าถือจะไม่เข้ากับลุคแมนๆ กระเป๋าหนังแท้จาก เอ็มโพริโอ อาร์มานี่ - Emporio Armani ใบนี้ สามารถทำให้คุณผู้ชายรู้สึกสนุกกับการแต่งตัวมากยิ่งขึ้น และสามารถหยิบนำมาใช้มิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับการแต่งกายในทุกสไตล์หากชายหนุ่มของคุณชื่นชอบการท่องเที่ยว หรือต้องเดินทางบ่อยๆ ของขวัญอีกชิ้นที่ไม่ควรมองข้าม คือ “กระเป๋าเดินทาง รุ่น โทพาส - Topas” จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง “ริโมว่า - Rimowa” ซึ่งจะเป็นเหมือนไอเทมใหม่คู่กายของเขา ไม่ว่าจะเดินทางไปที่แห่งใดก็ตาม นอกจากความโดดเด่นในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ แล้ว กระเป๋าเดินทางใบนี้ ยังโดดเด่นในด้านของการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุชั้นเยี่ยมอีกด้วยปิดท้ายด้วยไอเทมที่หนุ่มๆ หลายคนอยากมีไว้ครอบครอง กับ “นาฬิกาข้อมือพาเนราย – Panerai” รุ่น Luminor 1950 3 Days GMT CERAMICA 44 mm. (PAM 441) จากร้านเพนดูลัม – Pendulum นาฬิกาในสไตล์วินเทจที่มาพร้อมกับสายหนังสีน้ำตาลอ่อน ตัดกับตัวเรือนที่ทำมาจากเซรามิกสีดำด้าน ฝาหลังประกอบขึ้นจากวัสดุ ซีทรูแซฟไฟร์ -  See through Sapphire โชว์กลไกการทำงานของนาฬิกา สามารถใช้ใส่สบายๆ ในวันทำงานหรือใส่ออกงานก็ดูสุภาพ และเสริมบุคลิกให้ชายหนุ่มดูดีมากยิ่งขึ้นพบกับ 10 ลักชัวรี่ไอเทม กับการส่งผ่านเรื่องราวแห่งความรักในหลากสไตล์ ที่จะทำให้ “วาเลนไทน์” ในปีนี้ เป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุดสำหรับคุณและคนที่คุณรัก สัมผัสประสบการณ์ “เอ็กซ์คลูซีฟ... วัน แอนด์ โอลี่” (Exclusive…One & Only) กับสุดยอดไอเทมเหล่านี้ ได้ที่ “ศูนย์การค้าเกษร” แห่งเดียวเท่านั้น. 

พงศพัศ เมิน โดนตัดต่อรูปโจมตีว่อนเน็ต

พงศพัศ เมิน โดนตัดต่อรูปโจมตีว่อนเน็ต
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ลงพื้นที่หาเสียงย่านบางกอกใหญ่ ย้ำดูแลเรื่องนโยบายความปลอดภัยด้านอัคคีภัยแก่ชุมชน ส่วนกรณีโดนโจมตีภาพตัดต่อในเน็ตไม่กังวล เชื่อ กกต.จับตาไว้แล้ว...เมื่อวันที่ 7 ก.พ. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียง ย่านบางกอกใหญ่ ในซอยเพชรเกษม 4 ซึ่งเป็นที่อยู่ของหลายชุมชน อาทิ ชุมชนซอยวัดสังข์กระจาย โดยก่อนหาเสียงได้ทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วจึงตระเวนหาเสียงทักทายกับประชาชนในพื้นที่ ตรวจเยี่ยมสภาพคลองข้างวัดสังข์กระจาย จากนั้นเข้านมัสการ ขอพรจากพระพิศาลพิพัฒนพิธาน เจ้าอาวาสวัดสังข์กระจายวรวิหาร และพบปะกับอาจารย์ นักเรียน โรงเรียนวัดราชสิทธาราม ก่อนจะไปวัดหงส์รัตนารามภายหลังการลงพื้นที่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า หลังจากประกาศนโยบายความปลอดภัย จึงมาดูพื้นที่ชุมชน โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันอัคคีภัย ที่ยังพบว่าอุปกรณ์ล้าสมัย และใช้งานไม่ค่อยได้ โดยมีแนวคิดจะให้มีสถานีดับเพลิงส่วนหน้าในชุมชน และติดตั้งหัวจ่ายน้ำสีแดงในทุกพื้นที่ และปรับปรุงรถขนาดเล็ก เช่น รถสามล้อ รถจักรยานยนต์ เป็นรถดับเพลิงขนาดเล็ก ควบคู่กับการตรวจสอบเรื่องสายไฟเก่า ที่จะต้องขอรับการสนับสนุนจากการไฟฟ้าเข้าไปตรวจสอบ หรือให้บริการเปลี่ยนสายไฟฟ้าในราคาถูกอย่างไรก็ตามสำหรับการลงพื้นที่ย่านบางกอกใหญ่ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ฐานเสียงใคร ก็ต้องลงพื้นที่พบปะประชาชนอยู่แล้ว ขณะเดียวกันไม่ติดใจกับกรณีมีการตัดต่อภาพของตนเองเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ในทางให้เกิดความเสียหาย เพราะเชื่อว่า กกต.ติดตามอยู่ ทั้งนี้แม้จะถูกใส่ร้าย แต่ยืนยันจะไม่ฟ้องร้องใครอย่างแน่นอน เพราะยึดหลักการหาเสียงด้วยความสมานฉันท์ ไม่ใส่ร้ายป้ายสี. 

หมอคาด พ่อคูณกลับวัด หลังตรุษจีน

หมอคาด พ่อคูณกลับวัด หลังตรุษจีน
หลวงพ่อคูณสภาพร่างกายฟื้นเกือบเต็มร้อย ดีใจได้ออกนอกห้อง แพทย์เผย อาการดีขึ้นมาก สดชื่น อารมณ์ดี บอกพากูออกไปนอกห้อง ระบุท่านให้ศีลให้พร บ้วนน้ำลายได้แล้ว แนวโน้มกลับวัดหลังตรุษจีนถ้ากุฏิเสร็จทัน...เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ก.พ.56 ที่ห้อง 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และเป็นแพทย์ประจำตัวพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า อาการของหลวงพ่อคูณวันนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ คณะแพทย์ได้หยุดยาฆ่าเชื้อแล้ว ซึ่งเชื้อในหลอดลมอักเสบน่าจะหมดไปแล้ว ตรวจวัดไม่มีไข้ รู้ตัว รู้เรื่อง รับรู้ดี คุยเก่ง มีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างแล้ว ส่วนการออกไปนอกห้องในวันนี้สภาพอากาศแบบนี้มีแดดอ่อน ลมไม่แรง สามารถออกนอกห้องได้ เพราะเมื่อวานนี้ (6 ก.พ.2556) คณะแพทย์ถามท่านว่าหลวงพ่ออยากออกนอกห้องไหม ซึ่งดูท่านมีท่าทางดีใจ และมีความสุข บอกว่า ไปๆ พากูออกไป เช่นกันเราจะให้ท่านออกนอกห้องต่อไป เพราะดูท่านกระปรี้กระเปร่า กระชุ่มกระชวย สดชื่นขึ้นชัดเจนเมื่อได้ออกนอกห้องนายแพทย์พินิศจัย กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ 2 วัน ท่านบ่นกลับวัดบ้านไร่ทุกวัน พอท่านได้ออกนอกห้องยังไม่ได้ยืน ท่านบ่นกลับวัดบ้านไร่เลย อย่างไรก็ตาม วันก่อนมีผู้แทนพระองค์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ มาเยี่ยมอาการ ทราบว่าหลวงพ่อคูณท่านยังใช้มือลูบศีรษะ ให้ศีลให้พร และยังบ้วนน้ำลายรดหัวด้วย แสดงว่าท่านมีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะถ้าท่านไม่มีแรงหรืออ่อนเพลียอยู่ท่านจะไม่สามารถทำได้ ส่วนเรื่องการนิมนต์กลับไปพักฟื้นต่อที่วัดบ้านไร่ ถ้าหากท่านดีขึ้นแบบนี้ มีแรง ร่างกายสมบูรณ์จนถึงสัปดาห์หน้าช่วงปลายสัปดาห์หรือหลังเทศกาลตรุษจีนแนวโน้มน่าจะกลับวัดบ้านไร่ได้ แต่เราต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งเรื่องสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ก็อยู่ที่อาการของหลวงพ่อ และที่กุฏิวัดซึ่งทราบว่ายังไม่แล้วเสร็จ ถ้าหากเสร็จไม่ทันสัปดาห์หน้าก็อาจจะต้องถัดไปสัปดาห์ต่อไป ถ้าเสร็จไม่ทันอีกก็คงจะเป็นช่วงสิ้นเดือนนี้ ส่วนเรื่องปัสสาวะยังขุ่นอยู่ แต่ไม่มีปัญหา ช่วงนี้ยังคงงดเยี่ยมก่อน

ย้อนรำลึกผู้กล้าขุนสรรค์

ย้อนรำลึกผู้กล้าขุนสรรค์
                เมื่อพลิกประวัติศาสตร์ตอนหนึ่งราว 200 ปีเศษ พบชาวบ้านคนหนึ่งเป็นชาวเมืองสรรคบุรี ได้สร้างเกียรติยศชื่อเสียงไว้เป็นที่เลื่องลือ จนปัจจุบันพงศาวดารได้บันทึกไว้ว่า ชาวเมืองสรรคบุรีนั้น กล้าหารชาญชัยยิ่งนัก ยอมเสียสละแม้ชีวิต สู้กับข้าศึกเพื่อแผ่นดินเกิด โดยรวมตัวกันไปร่วมกับชาวบ้านค่ายบางระจัน ต่อสู้กับพม่าข้าศึกผู้รุกราน หนึ่งในจำนวนนั้นมี ขุนสรรค์ ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ได้รับการยกย่องให้เป็นหัวหน้า นำสมัครพรรคพวกเข้ารบพุ่งกับข้าศึกได้รับชัยชนะทุกครั้ง                กล่าวคือ เมื่อเดือนสาม ปีระกา พุทธศักราช 2308 หรือประมาณ 200 ปี พม่าได้กรีธาทัพเข้าตีหัวเมืองน้อยใหญ่แตกพ่ายกระทั่งไปหยุดยั้ง ณ หมู่บ้านค่ายบางระจัน ข้าศึก มิอาจฝ่าแนวต้านของชาวบ้านที่จับอาวุธขึ้นสู้ปกป้องมาตุภูมิ คนไทยครั้งนั้นที่รวมตัวกันได้ 400 คน ด้วยเลือดรักชาติและหวงแหนแผ่นดิน ทุกคนสู้รบจนนาทีสุดท้าย และท้ายที่สุดเหล่านักสู้ผู้กล้า ทุกคนพลีชีพ เสียสละชีวิตฝากเกียรติประวัติไว้ให้ลูกหลานเทิดทูนมาจนปัจจุบัน  ใครคือหัวหน้าคนไทยกลุ่มนั้น และมีอะไรเกิดขึ้นช่วงระหว่างกรุงศรีอยุธยาใกล้แตก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ไว้ในหนังเสือไทยรบพม่า ตอนหนึ่งทรงเล่าไว้ว่า ชาวบ้านรวบรวมชายฉกรรจ์ 400 คน มีหัวหน้าชื่อ ขุนสรรค์ คนหนึ่ง นายพันเรือง กำนัน คนหนึ่ง นายทองเหม็น คนหนึ่ง นายจัน หนวดเขี้ยว คนหนึ่ง และนายทอง แสงใหญ่ คนหนึ่ง ช่วยกันตั้งค่ายขึ้นแล้วนิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติ แห่งวัดเขานางบวช ซึ่งชาวบ้านนับถือว่าเป็นเกจิผู้มีวิทยาคมแก่กล้าคงกระพันมาเป็นขวัญกำลังใจ ทุกครั้งที่ชาวบ้านออกรบพระอาจารย์ธรรมโชติจะให้ทุกคนลงอาบน้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้น ปรากฏว่าชาวบ้านต่อสู้เอาชนะข้าศึกได้ทุกครั้ง จนข้าศึกเกรงกลัวฝีมือการรบพุ่งของคนไทยยิ่งนัก                นายจำลอง โพธิ์สุข ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า งานบวงสรวงขุนสรรค์ ทางจังหวัดจัดให้เป็นงานประจำปีของทุกปี ซึ่งเมื่อย้อนหลังประวัติศาสตร์นับพันปีตั้งแต่สมัยทวารวดี สมัยกรุงสุโขทัย และสมัยกรุงศรีอยุธยา เมืองสรรคบุรีได้รับการสถาปนาเป็นเมืองลูกหลวง ที่ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งของชัยนาทที่สำคัญหลายด้าน ทิ้งหลักฐานปูชนียสถานอันทรงคุณค่าและประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานได้ศึกษาหาความรู้ เช่น องค์พระปรางค์ทรงกลีบมะเฟืองของวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อหลักเมืองและหลวงพ่อสรรคสิทธิที่ประดิษฐานในวิหารเป็นที่กราบไหว้บูชาของคนทั่วไป อีกทั้งพระเจดีย์เหลี่ยมทรงสูงสมัยอู่ทองที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทยของวัดพระแก้ว ที่มีหลวงพ่อฉาย พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาและวีรกรรมขุนสรรค์ ซึ่งประวัติศาสตร์ความเป็นมาสันนิษฐานได้ว่า ขุนสรรค์ เป็นชาวเมืองสรรค์บุรีโดยแท้                ดังนั้นชาวเมืองสรรค์บุรีจึงไม่เคยลืมวีรกรรมของขุนสรรค์ ต่างยกย่องเทิดทูนไว้ว่า เป็นเอกบุรุษแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย และรักษาซึ่งความทรงจำไว้เป็นนิรันดร ชาวสรรคบุรีพร้อมทั้งมหาชนทุกหมู่เหล่า ทั้งพุทธจักรและอาณาจักร ข้าราชการทุกสังกัด ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ได้ร่วมกันบริจาคสมทบทุนสร้างอนุสาวรีย์ขุนสรรค์ขึ้น สูงประมาณ 2.50 เมตร รวมค่าก่อสร้าง 4 แสนบาท นำประดิษฐานเป็นสง่าไว้ ณ ใจกลางเมือง บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี                ผู้ว่าฯ จำลอง กล่าวต่อว่า วันที่ 19 มกราคมของทุกปี ทางชมรมลูกขุนสรรค์ร่วมมือกับหน่วยงานร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองอนุสาวรีย์ เพื่อเป็นการบวงสรวงดวงวิญญาณขุนสรรค์ขึ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายและหลายหัวหน้าส่วนงาน ตลอดจนพ่อค้าแม่ขายประชาชนชาวสรรคบุรี ผู้ใหญ่บ้าน กำนันและผู้นำท้องถิ่น ได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์ตามกำลังศรัทธาร่วมจัดงานแต่ละครั้งด้วยดีตลอดมา เพราะงานนี้ไม่มีการเก็บค่าผ่านประตูแต่อย่างใด                 ด้านนายประธาน ม่วงทอง ประธานชมรมลูกขุนสรรค์ กล่าวเสริมว่า งานบวงสรวงดวงวิญญาณขุนสรรค์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2526 และครั้งที่ 31 เมื่อวันที่ 18-20 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งการจัดงานแต่ละปีก็เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อขุนสรรค์ ที่เสียสละแม้ชีวิตเพื่อรักษาบ้านเมืองไว้ให้ลูกหลานได้อยู่จนถึงปัจจุบัน ส่วนรายได้ที่นำมาจัดงานนั้นได้จากการบริจาคจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า ประชาชน หน่วยราชการ ในเขตอำเภอตลอดจนอำเภอใกล้เคียงและรายได้บางส่วนก็ได้จากการจำหน่ายธูปเทียนตลอดจนการเช่าวัตถุมงคลที่เข้าพิธีปลุกเสกจากเกจิชื่อดังมาแล้วหลายครั้ง   ............................................. (ย้อนรำลึกผู้กล้า'ขุนสรรค์' วีรบุรุษแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย : โดย...ธนพนธ์ แสงทอง )                 

วิชัยแจงเทศบาลเร่งกำจัดขยะ

วิชัยแจงเทศบาลเร่งกำจัดขยะ
                การกำจัดขยะในท้องถิ่นยังเป็นปัญหาให้ได้แก้กันไม่หยุดหย่อน ซึ่งในพื้นที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ประชาชนได้ร้องเรียนเข้ามา โดยเทศบาลตำ ลท่าไม้ต้องการกำจัดขยะโดยโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่คัดค้านไม่ยอมรับมาแล้ว และเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ขยะส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณมากว่า 2 ปี จนเกิดเหตุวางเพลิงเกิดกลิ่นอย่างรุนแรง ชาวบ้านทนไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้นำกองขยะออกไปจากพื้นที่                 "วิชัย ล้อศิริ" นายกเทศมนตรีเมืองท่าเรือพระแท่น เล่าถึงการแก้ปัญหาว่า หลังชาวบ้านตำบลตะคร้ำเอนได้รับความเดือดร้อนจากกองขยะ ที่เทศบาลนำไปทิ้งก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ตั้งงบประมาณกำจัดขยะ ล่าสุดเรื่องผ่านสภาไปแล้ว และจัดหาบริษัทเข้ารับผิดชอบดำเนินการเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานเครื่องมือจะมา คาดว่าอีกไม่เกิน 6 เดือนจากนี้ไปกองขยะกองที่มีปริมาณราว 6 หมื่นตัน คงเรียบร้อย ซึ่งจากนี้ไปจะเป็นโครงการถาวร และโครงการต้นแบบของการกำจัดขยะ คิดว่าจะเป็นที่แรกในกาญจนบุรี                วิธีการก็นำขยะเก่ามาล้างและแยกโลหะออก จากนั้นขยะที่เหลือจะเป็นจำพวกพลาสติกที่ย่อยสลายก็จะมีกระบวนการชะล้างเหลือส่วนที่เป็นดินออกมา ส่วนนั้นไม่ได้ปุ๋ย แต่เป็นดินที่มีฮิวมัสสูง สามารถนำไปใช้ในพืชผลการเกษตรได้ ส่วนพลาสติกหลังจากผ่านเครื่องชะล้างแล้วก็เข้าสู่กระบวนการอัดหรือหลอมละลายให้เป็นเม็ดพร้อมรีไซเคิลได้ทันที เชื่อว่าประชาชนรู้ดีสิ่งของชนิดไหนที่เป็นพลาสติกรีไซเคิล อย่างเช่น ปุ้งกี๋ ถังใส่ปูน โต๊ะ เก้าอี้ จากนี้ไปขยะจะเป็นแหล่งผลิตพลาสติกสำเร็จรูปได้ทันที                นายก ทม.ท่าเรือพระแท่น กล่าวอีกว่า ขยะที่ไม่ย่อยสลาย เช่น ยาง ก็นำเข้าเตาเผาที่ลดมลภาวะ แต่สิ่งเหล่านี้เหลือน้อยมาก คาดว่าจะใช้งบแบบต่อเนื่อง 7 ล้านบาท แต่ไม่ได้จ่ายครั้งเดียว โดยจ่ายเป็นระยะๆ กระทั่งขยะหมดจากกอง ซึ่งเครื่องตัวนี้จะกำจัดขยะได้วันล่ะ 80 ตัน ขณะนี้เทศบาลมีขยะ 5-6 หมื่นตัน ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ปี ขยะกองนี้จะหมดไป ซึ่งเร็วๆ นี้เครื่องจะลงและจะเป็นรูปร่างประมาณต้นเดือนเมษายนนี้                แผนต่อไปเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่นจะเร่งดำเนินการขยายไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการใช้งาน เพราะว่าโรงกำจัดขยะเครื่องนี้ค่อนข้างทันสมัย และเท่าที่ติดตามการทำงานของเครื่องจักรตัวนี้ มีในไทยประมาณ 2-3 เครื่องเท่านั้น เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วเทศบาลเมืองพระแท่นจะกำจัดได้ทั้งหมด และรองรับขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบได้อีกใน 30 ปีข้างหน้า   .............................................. ( เทศบาลเร่งกำจัดขยะโว6หมื่นตันหมด1ปี? : คอลัมน์คนดังท้องถิ่น : โดย...ธาริณี แพทย์เมืองจันทร์)

หนุนขรก.ท้องถิ่นรับสิทธิประกันสังคมเท่าขรก.

หนุนขรก.ท้องถิ่นรับสิทธิประกันสังคมเท่าขรก.
                 6ก.พ.2556 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อให้บุคคลผู้มีสิทธิตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541 ใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 หรือ “โครงการป่วยไข้ไม่ล้มละลาย” ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล                  ทั้งนี้โครงการดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข หารือและลงนามร่วมกับ 15 หน่วยงาน อาทิ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมราชการส่วนตำบลและเทศบาล สมาคมข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมลูกจ้างประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมข้าราชการและพนักงานท้องถิ่นแห่งประเทศไทย สมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯ ในการพัฒนาให้เกิดความคุ้มครองความมั่นคงสิทธิด้านการรักษาพยาบาลของข้าราชการ-พนักงานส่วนท้องถิ่น และเห็นชอบในหลักการให้ข้าราชการ/พนักงานส่วนท้องถิ่น ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการและสามารถเข้าถึงการรักษาได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสำรองจ่ายค่ารักษา โดยตกลงจะใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2555                  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในปัจจุบัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในประเทศไทย แบ่งเป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) 76 แห่ง เทศบาล 1,900 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) 5,693 แห่ง มีข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่นและผู้ใช้สิทธิร่วมซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวรวม 537,692 คน ส่วนขั้นตอนต่อหลังจากการลงนามแล้วจะมีการเสนอพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบในหลักการในการตราพ.ร.ฎ. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขระเบียบ ข้อบังคับหรือประกาศต่อไป                  นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า ถือเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลมีนโยบายนี้ออกมาเพราะอยากเห็นการพัฒนาการประกันสุขภาพและอยากเห็นการดูแลรักษาพยาบาลอย่างเท่าทียมกัน เพราะอปท.มีความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายท้องถิ่นและพัฒนาความเจริญที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม จะเห็นว่าปัญหาท้องถิ่นอย่างอบต.เล็ก ๆ จะมีงบประมาณน้อย การจะให้เงินจากภาครัฐที่หากถูกจัดลงไปแล้วก็จะไม่สามารถดูแลส่วนอื่น ๆ ได้ ดังนั้นมีการนำนโยบายมาร่วมกันเพื่อประโยชน์สุดท้ายอยู่ที่ท้องถิ่นของท่านเอง ที่ไม่ต้องออกงบประมาณในส่วนนี้ก่อนและเจ้าหน้าที่ทุกท่านจะได้รับการดูแลในโรคที่ค่าใช้จ่ายสูงและไม่มีค่าใช้จ่าย                  อย่างไรก็ตามโครงการนี้เป็นการบูรณาการของ 3 กองทุน คือกองทุนสปสช.30 บาทรักษาทุกโรค  กองทุนประกันสังคมและกองทุนสวัสดิการของข้าราชการ ซึ่งถือว่าเป็นวาระของชาติที่ยิ่งใหญ่ที่บูรณาการ 3 กองทุนมาบริหารในภาพรวมและจัดหายาที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดค่าใช้จ่ายและช่วยรักษาชีวิต เพื่อให้เงินนั้นได้ดูแลผู้ที่ทำงานหน้าที่ดูแลประชาชนให้มีสุขภาพแข็งแรงไม่ต้องล้มละลายในการดูแลสุขภาพของตัวเอง ทำให้หลักประกันสุขภาพกระจายอย่างเท่าเทียม                  นายกฯ กล่าวอีกว่า โครงการนี้จะทำให้การจัดหายามีประสิทธิภาพมาขึ้น การรักษาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังจะมีมาตรฐานการรักษาที่ถูกต้อง โดยนำเทคโนโลยีประยุคทำให้เข้าถึงแพทย์-พยาบาลอย่างมีคุณภาพ และนอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงเพิ่มคือเพิ่มเวลาในการเข้าใช้สิทธิ์ เพราะข้าราชการบางส่วนที่ต้องดูแลประชาชนจึงขยายเวลาเข้ารับบริการได้หลังเลิกงาน เพื่อศักดิ์ศรีและไม่ต้องรอนาน โดยจะได้รับบริการทันที สามารถเข้ารักษาพยาบาลได้ทุกที่ในโรงพยาบาลใกล้เคียง เพราะจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาชีวิตและสุขภาพของคนไทยทุกคนให้ เพราะมีคนร้อยเท่าก็ไม่เท่ากับมีสุขภาพที่ดี  

Blog Archive