Monday, February 25, 2013

มาร์ค งง จูดี้ ไมร่วมเวทีดีเบตคอรัปชัน

มาร์ค งง จูดี้ ไมร่วมเวทีดีเบตคอรัปชัน
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ประกาศยุติบทบาทการเมืองหากแพ้เลือกตั้ง ไม่กระทบคะแนนเสียง เชื่อเป็นเพียงความในใจ พร้อมตั้งข้อสังเกต พท.ไม่ร่วมถกดีเบตคอรัปชัน...เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 26 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายวิทเยนตร์ มุตตามระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตลาดยิ่งเจริญ เขตสายไหม โดยการหาเสียงได้รับการต้อนรับจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยในบริเวณดังกล่าว ส่วนใหญ่ได้มอบดอกไม้และขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างคึกคัก นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า ยังมีบางพื้นที่ที่ยังต้องเน้นการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ในเรื่องนโยบาย และในการลงพื้นที่ในบางเขตพบว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาให้การต้อนรับพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ก็ต้องขอบคุณที่แสดงอัธยาศัยที่ดีและยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ความรุนแรงจะลดลงส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ระบุว่า หากแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้จะยุติบทบาททางการเมืองนั้น ส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นความในใจ ของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งเชื่อว่าการพูดดังกล่าวไม่กระทบกับคะแนนเสียง ทั้งนี้ตนแปลกใจที่ในเวทีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.โดยเฉพาะ ที่เกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตคอรัปชันที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยกลับไม่เข้าร่วมในเวทีดังกล่าว.

ประกันภัยดังรุกตลาดลาว ฟุ้งมีแผนรับเปิดเออีซี

ประกันภัยดังรุกตลาดลาว ฟุ้งมีแผนรับเปิดเออีซี
วิริยะฯ ฟุ้งเบี้ยประกันภัยปี 55 กระฉูดกว่า 2 หมื่นล้าน  มั่นใจเป้าปี 56 เติบโตไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้าน พร้อมจับมือ AGL สปป.ลาว ลุยตลาดประกันภัยข้ามแดน...เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา กรรมการและที่ปรึกษา บริษัท วิริยะ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลประกอบการของวิริยะ ปี 55 มีเงินกองทุน ณ เดือน ธ.ค.2555 อยู่ที่ 20,682 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 43,333 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน (ชำระเต็ม) มูลค่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ผลจากเหตุการณ์อุทกภัยอาจกระทบต่อธุรกิจประกันภัย แต่สำหรับวิริยะฯ ถือว่าได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากเราได้มีการกระจายความเสี่ยงไปต่างประเทศอยู่แล้ว และอีก 2 ปีข้างหน้าประเทศก้าวเข้าสู่ เออีซี วิริยะฯ ก็มีแผนรองรับเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ทั้งนี้ สภาพตลาดปี 56 อาจไม่เติบโตเท่ากับปีที่แล้ว แต่ปีนี้ภาพรวมคิดว่าวิริยะจะสามารถเติบโตเกิน 30,000 ล้านบาทแน่นอนขณะที่ นายอานนท์ โอภาสพิมลธรรม รองกรรมการผู้จัดการ เผยว่า ปัจจุบันเรามีเบี้ยประกันที่ไม่ใช่รถยนต์ (นอนมอเตอร์) อยู่ประมาณ 2,434.78 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2554 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับ 1,792.61 ล้านบาท เติบโต 35.82% เป็นเบี้ยประกันอัคคีภัย 241.08 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 169.79 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 2,023.91 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งเป้าเติบโตปีนี้อยู่ที่ 25% พร้อมกันนี้ นายกฤษณ์ หิญชีระนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กล่าวด้วยว่า ธุรกิจประกันภัยรถยนต์ปีที่แล้วเติบโตจากปี 54 ประมาณ 28.3% มีเบี้ยประกันภัยรับ 19,961.54 ล้านบาท และคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าปีนี้จะไม่มีมาตรการจากภาครัฐเรื่องรถยนต์คันแรกเหมือนปีที่แล้วนั้น ทางเราคิดว่ารถใหม่ที่สะสมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว กระทั่งมาถึงปีนี้ และปีต่อๆ ไป เชื่อว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขยายสาขาในต่างประเทศ ตอนนี้ยืนยันว่าเรายังไม่มีนโยบายที่จะไปเปิดสาขาในประเทศอื่น แต่เราเน้นการทำธุรกิจร่วมกันเป็นพันธมิตร กับบริษัทประกันที่เป็นบริษัทหลักๆ ของประเทศนั้นๆ มากกว่าดังที่วิริยะได้ร่วมมือกับ AGL ของ สปป.ลาวด้านนายณัฐพงศ์ บุญเย็น รองผจก.ฝ่ายปฏิบัติการภาค 2 กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างวิริยะฯ กับ AGL ของ สปป.ลาว ในการให้ตัวแทนขายประกันวินาศภัยของบริษัทฯ ขายกรมธรรม์ประกันภัยของ AGL ว่า จริงๆ เราเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2545 โดยก่อนหน้านี้ AGL ขอขายประกันให้กับวิริยะเพียงอย่างเดียว ต่อมาเราเห็นว่าชายแดนระหว่างไทย-ลาว มันมีรถลาวมาไทย รถไทยไปลาวข้ามไปมา ดังนั้น เราก็น่าจะมีการร่วมมือด้วยการต่างคนต่างขายให้กัน จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในการขายประกัน และ พ.ร.บ.ประเภท 3 เพื่อคุ้มครองรถไทยข้ามไปฝั่งลาวปัจจุบันมีรถจาก สปป.ลาว ข้ามมาที่ จ.อุดรธานี-จ.หนองคาย เยอะมาก โดยเฉพาะในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ มีปริมาณกว่าพันคัน ขณะที่รถทางฝั่งไทยข้ามไปลาวมีน้อยมาก ส่วนมากเป็นรถบรรทุกและรถท่องเที่ยว และคนไทยที่ขับรถข้ามแดนไปฝั่งลาวมักเลือกซื้อประกันภัยราคาถูก ทั้งที่เมื่อเกิดเหตุแล้วการเจรจาค่าเสียหายสูงมาก อยู่ที่หลักแสนถึงหลักล้านเลยทีเดียว ดังนั้น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง แนะนำว่าควรเลือกซื้อประกันความคุ้มครองสูงไว้ก่อนดีกว่า นายณัฐพงศ์ กล่าว.

เขมรเมา-หึงโหด ปาดคอเมียดับ แค่ขอไปทำบุญ

เขมรเมา-หึงโหด ปาดคอเมียดับ แค่ขอไปทำบุญ
ผัวเขมรโหดกินเหล้าเมาวันมาฆบูชา เมียขอไปเวียนเทียนไม่ยอมให้ไป จนมีปากเสียง ก่อนบ่นกับเพื่อนว่ากลัวไปมีชายอื่น หลังเมาได้ที่กลับไปชวนทะเลาะอีก ก่อนคว้ามีดปังตอเชือดคอเมียดับอนาถ สุดท้ายนั่งร้องไห้ข้างศพ และมีอาการหวาดผวา...เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 26 ก.พ. 56 ร.ต.ต.ชูชาติ บุญชุบ ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหาด จ.สระแก้ว รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายภายในแคมป์คนงานก่อสร้าง บ้านโนนประดู่ ต.ไทรเดี่ยว อ.คลองหาด จ.สระแก้ว หลังรับแจ้ง จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ธงชัย ลบพื้น รอง ผกก.(สส) สภ.คลองหาด และ จนท.หน่วยกู้ภัย อ.คลองหาด จ.สระแก้ว รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าห้องพักคนงานก่อสร้าง ภายในแคมป์คนงาน พื้นที่ ม.4 บ้านโนนประดู่ ต.ไทรเดี่ยว อ.คลองหาด จ.สระแก้ว พบศพ นางยัน (ไม่ทราบนามสกุล) ชาวกัมพูชา อายุ 50 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ข้างแคร่ไม้ไผ่หน้าห้องพักคนงาน สภาพสวมเสื้อชุดนอนสีขาว กางเกงนอนขาสั้นสีขาว บริเวณลำคอถูกของมีคมปาดจนหลอดลมขาด เลือดไหลนองเต็มพื้น ห่างศพประมาณ 10 เมตร พบนายเทือน (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 42 ปี ชาวเขมร สามีของนางยัน นั่งร้องไห้ ในมือยังถือมีดปังตอเปื้อนเลือดและมีท่าทีหวาดกลัว จึงควบคุมตัวไว้ สอบสวนทราบว่า นายเมือนและนางยัน เป็นชาวเขมรและเป็นผัวเมียกัน ได้เดินทางมาทำงานก่อสร้างอยู่ในแคมป์ก่อสร้างบ้านโนนประดู่ ซึ่งเป็นแคมป์ก่อสร้างของ นายไพฑูรย์ สมศรี รองนายก.อบต.ไทรเดี่ยว อ.คลองหาด โดยเดินทางเข้ามาขายแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันมาฆบูชาและเป็นวันหยุดงาน นายเทือนกับเพื่อนแรงงานชาวเขมรด้วยกัน ได้ตั้งวงกินเหล้าอยู่ในแคมป์ก่อสร้าง ตั้งแต่ช่วงกลางวันจนถึงเวลาประมาณ 19.00 น.หลังจากนั้น พอนายเทือนเมาได้ที่ นางยันก็มาขออนุญาตไปเวียนเทียนที่วัดใกล้ที่พักคนงานเนื่องในวันมาฆบูชา แต่นายเทือนไม่ยอมให้ไป แล้วก็เกิดโต้เถียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ก่อนที่นางยันจะเดินกลับที่พักไป ส่วนนายเทือนยังนั่งกินเหล้าต่อ กระทั่งกลางดึก นายเทือนซึ่งเมาเต็มที่ ก็พูดกับเพื่อนคนงานว่า ที่ไม่ให้ไปเพราะกลัวว่านางยันจะหนีไปเที่ยวกับชายอื่น จากนั้นก็เดินกลับไปห้องพัก แล้วไปมีปากเสียงทะเลาะกับภรรยาอีกรอบ สักพักนางยันก็เดินหนีออกมา ทันใดนั้น นายเทือนก็คว้ามีดปังตอเดินตามหลังไป แล้วปาดคอนางยันจนขาด ล้มลงเสียชีวิตอย่างทรมาน พอนายเทือนเริ่มตั้งสติและสำนึกได้ ก็นั่งร้องไห้อยู่ใกล้ๆ ร่างภรรยา และมีท่าทีหวาดกลัว ไม่ยอมทิ้งมีด ทำให้เพื่อนคนงานหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ แล้วรีบบอกหัวหน้าคนงานก่อสร้างให้แจ้งตำรวจมาควบคุมตัวไว้ได้ ทั้งนี้ หลังจากนายเทือนถูกควบคุมตัวมาสอบสวน ยังคงมีอาการหวาดกลัวคล้ายคนเสียสติ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่ง รพ.จิตเวช อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เพื่อตรวจเช็กอาการทางสมอง พร้อมทั้งอายัดตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป ส่วนศพนางยันได้มอบให้อาสาสมัครหน่วยกู้ภัย อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นำส่ง รพ.คลองหาด ให้แพทย์ตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง.

Blog Archive