Thursday, March 14, 2013

รวบ นศ.โจรลักบัญชีพ่อเพื่อนเบิก 2.7 แสนฉลุย

รวบ นศ.โจรลักบัญชีพ่อเพื่อนเบิก 2.7 แสนฉลุย
นศ.หนุ่มอุบลฯ หลงผิดริเป็นโจร ลักบัญชีธนาคารพ่อเพื่อนสวมรอยเบิกเงิน ได้ไปแสนง่ายดายกว่า 2.7 แสนบาท ก่อนนำสมุดบัญชี้คืนแล้วทำเป็นไม่มีอะไร ถูกจับได้อ้างหน้าตาเฉยไม่รู้จะนำเงินไปใช้อะไร...เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 มี.ค. มีรายงานว่าพ.ต.อ.จุมพล สุวนาม ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี และพ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองอุบลราชธานี นำกำลังจับกุม นายอัครพล รัฐเสรี อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/1 ถ.สรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์ ฉ้อโกงทรัพย์ และปลอมแปลงเอกสารราชการ พร้อมของกลางธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท 190 ฉบับ รวม 190,000 บาทการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก ตำรวจได้รับแจ้งจากนายอุดร ศรีสุวรรณ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 430/1 ถ.ชยางกูร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ว่า ตรวจสอบบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาอุบลราชธานี พบเงินหายจากบัญชี 270,000 บาท ทั้งๆ ที่สมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มยังอยู่กับตน แต่เมื่อตรวจสอบกับธนาคารพบว่า มีผู้นำบัญชีไปถอนเงินเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนสรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในวันเวลาเกิดเหตุปรากฏหน้า คือ นายอัครพล เพื่อนของลูกชาย ซึ่งหลังได้ข้อมูลจึงขยายผลไปติดตามจับกุมตัวนายอัครพลภายในบ้านพัก พร้อมเงินสดของกลางในถุงพลาสติกหูหิ้วซ่อนในห้องนอนจากการสอบสวน นายอัครพล ให้การรับสารภาพว่า เป็นเพื่อนกับลูกชายนายอุดร เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี สาขาวิชาวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เข้าออกบ้านนายอุดรบ่อยครั้ง เห็นสมุดบัญชีวางไว้ในตู้เก็บเอกสารจึงขโมยไปหวังนำไปเบิกเงิน เพราะพบว่า เงินในบัญชีมีจำนวนมาก ไม่คิดว่าจะได้ง่าย โดยก่อนเขียนเอกสารเบิกเงินในบัญชีหัดเซ็นลายเซ็นให้เหมือนเจ้าของบัญชีตามแบบเอกสารที่เซ็นทิ้งไว้ในตู้ ส่วนบัตรประชาชนของตนตกน้ำจนเปื่อยข้อมูลไม่ชัดเจนมากนัก เมื่อได้เงินมาไม่รู้จะนำไปใช้อะไร ได้แต่ใช้เที่ยวเตร่ และซื้อไอโฟน 5 อีก 1 เครื่อง ส่วนสมุดบัญชีได้ฉีกหน้าที่ไปทำรายการเบิกเงินทิ้ง ก่อนนำไปเก็บที่เดิม และแวะเวียนไปบ้านนายอุดรตามปกติ 

สุกำพลยันไม่เสียทีเขมร ซ้ำรอยปี2472

สุกำพลยันไม่เสียทีเขมร ซ้ำรอยปี2472
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต แจงนัดพบ พล.อ.เตีย บันห์ ด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องกับ ทักษิณ เชื่อไม่กระทบคดีพระวิหาร เหตุพบกันที่บริเวณตัวปราสาท ลั่นไม่พลาดท่าซ้ำรอยปี 2472 แน่...วันนี้ (14 มี.ค.56) เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระทู้ถามสด การพบกันระหว่าง รมว.กลาโหม ของไทยและกัมพูชา โดยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีข้อสงสัยว่า ที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ขึ้นไปพบกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกัมพูชา ตามคำเชิญของกัมพูชา จะเป็นการเพลี่ยงพล้ำเหมือนในอดีต สมัยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ขึ้นไปบนเขาพระวิหาร โดยมีธงชาติฝรั่งเศสปักอยู่ และฝ่ายไทยก็ไม่ได้โต้แย้ง ประเด็นนี้ จึงถูกใช้เป็นหลักฐานในศาลโลกว่า ไทยยอมรับในอธิปไตยของฝรั่งเศส นอกจากนี้ เท่าที่ตนดูรูปภาพเทียบเคียงอดีตกับปัจจุบันพบว่า พื้นที่ที่ พล.อ.อ.สุกำพล ถ่ายรูปร่วมกับ พล.อ.เตีย บันห์ เป็นจุดที่ใกล้เคียงกับที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเคยไป จึงกังวลใจ เพราะศาลโลกจะตัดสินคดีปราสาทพระวิหารในปีนี้ จึงอยากทราบว่าไปโดยคำเชิญใคร ไปเจอกันตรงไหนอย่างไร เพราะเป็นสาระสำคัญที่อาจทำให้ศาลโลกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า กระทรวงการต่างประเทศเองก็มีข้อห่วงใย เพราะก่อนหน้านี้ มีการจัดเตรียมความพร้อมที่จะเจอกันที่ โรงแรมสุรินทร์มาเจสติก แต่ทำไมมาเปลี่ยนสถานที่ภายหลัง และมีข่าวว่ากองทัพเองก็ไม่เห็นด้วย โดยตนยังมีข้อสังเกตว่า ก่อนที่ รมว.กลาโหม จะไปพบกับ พล.อ.เตีย บันห์ เกิดขึ้นภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางออกจากกัมพูชาไปฮ่องกง จึงสงสัยว่าการเปลี่ยนสถานที่นัดพบเป็นบนปราสาทพระวิหาร เพราะทำตามคำแนะนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ และอยากถามว่า เป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว หรือประเทศชาติ เพราะก่อนหน้านี้ทหารไทยกับกัมพูชาได้ปะทะกัน ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตกว่า 10 นาย เพื่อรักษามาตุภูมิและรักษาท่าทีของฝ่ายไทย ที่จะขึ้นศาลโลก การที่ พล.อ.อ.สุกำพล ขึ้นไปถ่ายรูป ก็สุ่มเสี่ยงจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก จึงขอร้องว่าอย่าทำแบบนี้อีก เพราะอาจส่งผลต่อการพิจารณาของศาลโลกได้  ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล ชี้แจงว่า การไปครั้งนี้ ไม่มีการเชิญมา ตนในฐานะประธานคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ต้องการไปตรวจเยี่ยมทหารด้วย บริเวณที่ไปพบกันคือ ตัวปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นเขตแดนกัมพูชา จึงไม่มีผลอะไรต่อคดี กระทรวงการต่างประเทศเอง ก็ไม่ได้จองโรงแรมสุรินทร์มาเจสติกไว้ การติดต่อประสานงานเป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม โดยกรมกิจการชายแดนทหาร กระทรวงการต่างประเทศ เพียงแค่ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมคณะและไม่ได้มีข้อทักท้วงใดๆ และภายหลังก็ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ นายวีระชัย พลาดิศัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า การไปพบปะถ่ายรูปร่วมกันครั้งนี้ ไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีของศาลโลก และตนเป็นคนโทรนัด พล.อ.เตีย บันห์ เอง โดยระบุสถานที่ขอเจอกันบนปราสาทพระวิหาร “การคุยกันครั้งนี้ผมคิดเอง เพราะเป็นเรื่องหมูๆ ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ได้พบกัน 2 คน คุยกันเป็นสิบ ผมไปคุยเรื่องยุทธศาสตร์ชายแดนให้มั่นคงและมั่งคั่ง รวมถึงการเข้มงวดเรื่องไม้พะยูง การแก้ไขปัญหาชายแดนแบบฉันมิตร ร่วมทั้งการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก เรื่องมาตรการคุ้มครอง หลังจากที่ทหารไทยและกัมพูชา เคยปะทะกัน ยืนยันว่าทั้ง 2 ประเทศจะตกลงกันได้ และชาวบ้านของทั้ง 2 ประเทศ ที่ประกอบอาชีพอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน ก็ยืนยันว่าจะไม่มีการโยกย้ายออกนอกพื้นที่” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว.

บุกฟันลูก ส.อบต. 10 แผลตายสยอง สงสัยฝีมืออริ

บุกฟันลูก ส.อบต. 10 แผลตายสยอง สงสัยฝีมืออริ
กลุ่มคนร้ายบุกฟันลูกชาย ส.อบต.โนนห้อม พบเลือดนองสยดสยองคาบ้านพัก มารดาช่วยนำส่งโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตต่อมา ตรวจสอบพบโดนฟันหัว 3 แผล คอ ตาขวา นิ้วมือขวาขาด 4 นิ้ว มือทั้งสองข้างเกือบขาด ตร.คาดเป็นฝีมือคู่อริบุกมาทำร้าย เร่งลากคอดำเนินคดี...เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 14 มี.ค.56 ร.ต.ท.วินัย ปลื้มพันธุ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุใช้มีดฟันกันได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 4 บ้านหนองรวง ต.โนนห้อม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บญาตินำส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร หลังรับแจ้งได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบรอยคราบเลือดเปรอะอยู่หน้าห้องครัว ส่วนผู้บาดเจ็บญาตินำส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทราบชื่อต่อมาคือ นายณัฎฐพล เพ็ชรกำจัด อายุ 20 ปี ถูกฟันด้วยอาวุธมีดเข้าตามร่างกายเป็นแผลฉกรรจ์จำนวนหลายแห่ง คือ กลางศีรษะ 3 แผล ตาขวา 1 แผล คอซ้าย ตัดเส้นเลือดใหญ่ขาด 1 แผล นิ้วมือขวาขาด 4 นิ้ว  มือทั้ง 2 ข้างเกือบขาด สะบักหลังซ้าย 1 แผล แพทย์โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรช่วยกันทำการรักษา แต่นายณัฎฐพลเสียเลือดมากและทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการสอบสวน นางชลินา เพ็ชรกำจัด อายุ 48 ปี ส.อบต.โนนห้อม ซึ่งเป็นมารดาของนายณัฎฐพล เพ็ชรกำจัด ผู้เสียชีวิต ให้การว่า ผู้ตายเป็นลูกชายคนสุดท้องของตน ขณะเกิดเหตุตนออกไปธุระนอกบ้าน กลับบ้านพบลูกชายถูกฟันนอนจมกองเลือดอยู่หน้าห้องน้ำ จึงร้องเรียกให้ชาวบ้านมาช่วยกันนำลูกชายส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร แต่ลูกชายได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุการฆ่ากันในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายอาจเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน เนื่องจากนายณัฐพลมักมีเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นกลุ่มอื่นบ่อยครั้ง และเป็นเรื่องความแค้นส่วนตัวหรืออาจมาจากสาเหตุอื่นๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป 

Blog Archive