Thursday, March 14, 2013

สุกำพลยันไม่เสียทีเขมร ซ้ำรอยปี2472

สุกำพลยันไม่เสียทีเขมร ซ้ำรอยปี2472
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต แจงนัดพบ พล.อ.เตีย บันห์ ด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องกับ ทักษิณ เชื่อไม่กระทบคดีพระวิหาร เหตุพบกันที่บริเวณตัวปราสาท ลั่นไม่พลาดท่าซ้ำรอยปี 2472 แน่...วันนี้ (14 มี.ค.56) เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระทู้ถามสด การพบกันระหว่าง รมว.กลาโหม ของไทยและกัมพูชา โดยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีข้อสงสัยว่า ที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ขึ้นไปพบกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกัมพูชา ตามคำเชิญของกัมพูชา จะเป็นการเพลี่ยงพล้ำเหมือนในอดีต สมัยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ขึ้นไปบนเขาพระวิหาร โดยมีธงชาติฝรั่งเศสปักอยู่ และฝ่ายไทยก็ไม่ได้โต้แย้ง ประเด็นนี้ จึงถูกใช้เป็นหลักฐานในศาลโลกว่า ไทยยอมรับในอธิปไตยของฝรั่งเศส นอกจากนี้ เท่าที่ตนดูรูปภาพเทียบเคียงอดีตกับปัจจุบันพบว่า พื้นที่ที่ พล.อ.อ.สุกำพล ถ่ายรูปร่วมกับ พล.อ.เตีย บันห์ เป็นจุดที่ใกล้เคียงกับที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเคยไป จึงกังวลใจ เพราะศาลโลกจะตัดสินคดีปราสาทพระวิหารในปีนี้ จึงอยากทราบว่าไปโดยคำเชิญใคร ไปเจอกันตรงไหนอย่างไร เพราะเป็นสาระสำคัญที่อาจทำให้ศาลโลกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า กระทรวงการต่างประเทศเองก็มีข้อห่วงใย เพราะก่อนหน้านี้ มีการจัดเตรียมความพร้อมที่จะเจอกันที่ โรงแรมสุรินทร์มาเจสติก แต่ทำไมมาเปลี่ยนสถานที่ภายหลัง และมีข่าวว่ากองทัพเองก็ไม่เห็นด้วย โดยตนยังมีข้อสังเกตว่า ก่อนที่ รมว.กลาโหม จะไปพบกับ พล.อ.เตีย บันห์ เกิดขึ้นภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางออกจากกัมพูชาไปฮ่องกง จึงสงสัยว่าการเปลี่ยนสถานที่นัดพบเป็นบนปราสาทพระวิหาร เพราะทำตามคำแนะนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ และอยากถามว่า เป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว หรือประเทศชาติ เพราะก่อนหน้านี้ทหารไทยกับกัมพูชาได้ปะทะกัน ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตกว่า 10 นาย เพื่อรักษามาตุภูมิและรักษาท่าทีของฝ่ายไทย ที่จะขึ้นศาลโลก การที่ พล.อ.อ.สุกำพล ขึ้นไปถ่ายรูป ก็สุ่มเสี่ยงจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก จึงขอร้องว่าอย่าทำแบบนี้อีก เพราะอาจส่งผลต่อการพิจารณาของศาลโลกได้  ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล ชี้แจงว่า การไปครั้งนี้ ไม่มีการเชิญมา ตนในฐานะประธานคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ต้องการไปตรวจเยี่ยมทหารด้วย บริเวณที่ไปพบกันคือ ตัวปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นเขตแดนกัมพูชา จึงไม่มีผลอะไรต่อคดี กระทรวงการต่างประเทศเอง ก็ไม่ได้จองโรงแรมสุรินทร์มาเจสติกไว้ การติดต่อประสานงานเป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม โดยกรมกิจการชายแดนทหาร กระทรวงการต่างประเทศ เพียงแค่ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมคณะและไม่ได้มีข้อทักท้วงใดๆ และภายหลังก็ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ นายวีระชัย พลาดิศัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า การไปพบปะถ่ายรูปร่วมกันครั้งนี้ ไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีของศาลโลก และตนเป็นคนโทรนัด พล.อ.เตีย บันห์ เอง โดยระบุสถานที่ขอเจอกันบนปราสาทพระวิหาร “การคุยกันครั้งนี้ผมคิดเอง เพราะเป็นเรื่องหมูๆ ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ได้พบกัน 2 คน คุยกันเป็นสิบ ผมไปคุยเรื่องยุทธศาสตร์ชายแดนให้มั่นคงและมั่งคั่ง รวมถึงการเข้มงวดเรื่องไม้พะยูง การแก้ไขปัญหาชายแดนแบบฉันมิตร ร่วมทั้งการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก เรื่องมาตรการคุ้มครอง หลังจากที่ทหารไทยและกัมพูชา เคยปะทะกัน ยืนยันว่าทั้ง 2 ประเทศจะตกลงกันได้ และชาวบ้านของทั้ง 2 ประเทศ ที่ประกอบอาชีพอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน ก็ยืนยันว่าจะไม่มีการโยกย้ายออกนอกพื้นที่” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive