Tuesday, December 25, 2012

ยายขอนแก่นวัย70ถูกราดน้ำมันจุดไฟเผาโหดปางตาย

ยายขอนแก่นวัย70ถูกราดน้ำมันจุดไฟเผาโหดปางตาย
ยายร้านขายของชำวัย 70 ปี ถูกคนร้าย บุกราดน้ำมัน จุดไฟเผาปางตาย เจ้าหน้าที่คาดปมแค้นส่วนตัว กับพยายามชิงทรัพย์เร่งล่าตัววัยรุ่นขาประจำในพื้นที่...เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 25 ธันวาคม 2555 ร.ต.ต.ขจิตพงษ์ ดิษฐเจริญ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ191 ว่า มีเหตุคนร้าย บุกเข้าไปในบ้านแล้วราดน้ำมันเผาเจ้าของบ้านเลขที่ 26/49 ม.4 ชุมชนศรีจันทร์พัฒนา ซอยศรีจันทร์ 19 ถนนศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ภายหลังรับแจ้งจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ ชั้น จากนั้นจึงได้ไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.จรูญ นวมทอง ผกก.สภ.เมืองขอนแก่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนอีกหลายนายเมื่อไปถึงบ้านเกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายของชำชื่อร้านจงเจริญ อยู่ติดถนนภายในซอยคนเจ็บเป็นเจ้าของร้านชื่อ นางไป่ ศรีมะโฮงนาม อายุ 70 ปี ถูกไฟไหม้ตามร่างกาย ญาตินำส่งรพ.ศูนย์ขอนแก่น ก่อนที่ตำรวจจะไปถึง หน้าร้านพบคราบน้ำมัน เศษขวด เศษเสื้อผ้า เส้นผม และกลิ่นน้ำมันคลุ้งไปทั่ว นอกจากนี้ยังพบ ขวดบรรจุน้ำมันก๊าด ใส่ไว้ในลังน้ำดื่ม มีบางส่วนถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนนางจัน ทิวา ศรีมะโฮงนาม อายุ 47 ปี ลูกสะไภ้ของคนเจ็บ ทราบว่า หลังจากรับประทานอาหารเย็น ลูก หลาน ก็แยกย้ายกันพักผ่อน ส่วนนางไป่ได้นั่งขายของต่อเหมือนเช่นทุกวัน ขณะพักผ่อนในห้องนอน หลังร้าน ได้ยินเสียงนางไป่ร้องด้วยความเจ็บปวดและได้ยินเสียงขวดแตก จึงรีบวิ่งออกมาดู เห็นนางไป่ดิ้นทุรนทุรายจากในร้าน ไปนอนฟุบที่ฟุตบาทหน้าร้าน จึงรีบเอาเครื่องดับเพลิงมาฉีด จนไฟดับจึงรีบนำนางไป่ส่งรพ.ทันที ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด สืบสวน ได้สอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้ร้านค้า ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ มีวัยรุ่น นักศึกษา ลูกค้าขาประจำที่ร้าน จำนวน 2 คน ขี่ จยย.จอดหน้าแล้วคนซ้อนท้ายก็เดินไปซื้อของกับนางไป่ ส่วนอีกคนนั่งอยู่ที่รถ ไม่นานก็มีเสียงคล้ายคนเถียงกันแล้วก็มีไฟลุกท่วมตัวนางไป่ ส่วนลูกค้าก็วิ่งไปซ้อนท้ายรถ จยย.ที่เพื่อนรออยู่หนีไภายหลังตรวจที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ไปดุอาการนางไป่ที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น พบแพทย์และพยาบาลกำลังช่วยเหลือนางไป่อย่างเร่งด่วน เนื่องจากถูกไฟไหม้ท่อนบนจนตัวเกรียมอาการสาหัส ไม่สามารถให้การใดๆได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ลูกค้าอาจจะโกรธเคืองนางไป่ เป็นการส่วนตัวหรือพยายามชิงทรัพย์ แต่ถูกนางไป่ขัดขืน จึงได้ใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผา ก่อนหลบหนีไป ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินการตามกฏหมายต่อไป. 

อาเบะว่าที่นายกฯยุ่น จับมือพันธมิตรตั้งรัฐบาลร่วม

อาเบะว่าที่นายกฯยุ่น จับมือพันธมิตรตั้งรัฐบาลร่วม
ชินโซ อาเบะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ตกลงตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคความยุติธรรมใหม่ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ และมีข้อตกลงร่วมกันอีกหลายเรื่อง...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ว่า นายชินโซ อาเบะ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น และนายนัตสึโอะ ยามากุชิ หัวหน้าพรรคความยุติธรรมใหม่ (นิว โคเมโตะ) ตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นอย่างเป็นทางการในวันอังคาร ขณะที่นายอาเบะ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในการประชุมสภาวาระพิเศษวันพุธนี้นายอาเบะและนายยามากุชิยังได้ลงนามในเอกสารความร่วมมือทางนโยบาย และเห็นชอบการรับมือปัญหาเงินเฟ้อของประเทศด้วยการ วางเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณไว้ที่ร้อยละ 2 และออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ให้มากขึ้น ทั้งคู่ยังเห็นชอบเรื่องการอนุมัติงบประมาณสนับสนุนสำหรับปีงบประมาณ 2012 และงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2013 ด้วยนอกจากนี้ พันธมิตรทั้งสองยังหารือกันในเรื่องนโยบายพลังงาน และเห็นด้วยเรื่องการลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ด้วยทั้งนี้คาดว่า นายอาเบะ ซึ่งได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้น และเอาชนะพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น ของนายโยชิฮิโกะ โนดะ ขาดลอดในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. จะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ในการประชุมรัฐสภาวาระพิเศษในวันพุธนี้ (26 ธ.ค.) และเชื่อว่าเขาจะคัดเลือกคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศทันที

บัญญัติชี้ 3 ชนวนเหตุเสี่ยงทำการเมืองปี 56 เปลี่ยนแปลง

บัญญัติชี้ 3 ชนวนเหตุเสี่ยงทำการเมืองปี 56 เปลี่ยนแปลง
บัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรค ปชป. วิเคราะห์การเมืองปี 56 ชี้ 3 ชนวนเหตุเสี่ยงทำการเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง สั่ง ส.ส. ปชป. จับตารัฐทำทุกทางให้ประชามติเข้าเป้า...วันที่ 25 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองปีหน้าว่าจะสุ่มเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงทางการเมือง ตามที่ นายบุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา ที่ได้ทำนายเหตุการณ์การเมืองในปีหน้า จากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ที่เน้นประชานิยม การสร้างภาระหนี้สินต่างๆ ที่อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถึงขั้นอาจจะมีการยุบสภาในช่วงกลางปี หรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง โดยสาเหตุที่สะท้อนให้เห็น 3 เหตุการณ์ คือ 1.การมุ่งประเด็นโยนความผิดเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมในปี 53 ที่ก่อให้เกิดการสูญเสีย 98 ศพ ว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ โดยนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ที่ต้องรับความผิด ทั้งที่รู้ว่าในแง่ของกฎหมายและการต่อสู้คดีในชั้นศาล ไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ที่มีกฎหมายรองรับ แต่รัฐบาลยังใช้เป็นเครื่องมือต่างๆ ออกข่าวผ่านสื่อเพื่อทำลายชื่อเสียง และตีกินพื้นที่ข่าว สร้างความสับสนให้ประชาชนและสังคมต่อ 2. กรณีของ นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมทนายพรรค ที่ถูกประทุษร้ายเอาชีวิตจนบาดเจ็บสาหัส ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังย้อนไปสู่ยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ยึดคติว่า ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ด้วยการข่มขู่ประชาชนต่างๆ นานา และ 3. กรณีปมใหญ่คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลรณรงค์อ้างว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ผ่านมาหลายรัฐบาลก็ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ มาได้โดยตลอด และเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติด้วย ครั้งนี้ จึงเป็นการพิสูจน์คนไทยว่าจะออกมาทำประชามติให้มีการแก้ไขหรือไม่ เพราะรัฐบาลมีพฤติกรรมชัดเจนว่า จะมุ่งทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายบัญญัติ กล่าววิเคราะห์ต่อว่า ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เขาใหญ่ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า คนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นคนเนื้อเดียวกันแล้ว เพราะแกนนำเสื้อแดงบอกให้โหวตวาระ 3 ไปเลย โดยไม่ต้องทำประชามติ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบอกให้ทำประชามติให้ถูกต้องขั้นตอนตามที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด เพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำจะมีคนไปยื่นฟ้องศาล ทำให้เสียเวลาในการกลับบ้าน นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเชื่อว่าจะสามารถระดมเสียง ให้คนออกมาใช้สิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนดคือ เกิน 24.7 ล้านเสียง เพราะถือว่ามีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ที่สุดแล้วก็จะมีการข่มขู่ข้าราชการประจำ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้ว่าราชการ จะต้องเกณฑ์ระดมคนมาให้เกิน 60-70 เปอร์เซ็นต์ ของแต่ละพื้นที่ คือทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ หากไม่เข้าเป้าก็จะมีการโยกย้ายเหมือนกับที่เคยทำมาในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตีแตกข้าราชการ ด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงต่างๆ อีกทั้งยังมีการให้ ส.ส. ในพื้นที่ทุ่มเทสรรพกำลัง ในการระดมคนออกมาทำประชามติ อิงแอบไปกับผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เช่น ถ้าพื้นที่ไหนไม่เข้าเป้า ครั้งหน้าไม่ส่งลงเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นตัวทวีให้เดินไปสู่ความขัดแย้ง จะมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมา รวมตัวกันเหมือนปรากฏการณ์ ม็อบ เสธ.อ้าย ที่ผ่านมา จึงขอให้ ส.ส. และสมาชิกพรรค จับตาการทำประชามติว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร และแจ้งให้พรรคทราบ.

Blog Archive