ผู้ต้องหาสังหารสองตำรวจราชบุรีได้มอบตัวแล้ว
คมชัดลึก :รองผู้การฯระบุคดียิงตำรวจตาย 2 นาย ใกล้จบแล้ว เน้นกดดันตามเส้นทางหลบหนี เผยได้เบาะแสแกะรอยใกล้ถึงตัว ล่าสุดผู้ต้องหาได้มอบตัวแล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้(4 พ.ค.53) พล.ต.ต.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เรียกประชุมชุดทำงานคลี่คลายคดีแก๊งค้ายาบ้ายิงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ตาย 2 นาย ขณะจะขอเข้าตรวจค้นรถ โดยได้เน้นย้ำให้ประกบตามบ้านญาติพี่น้องของผุ้ต้องหา รวมทั้งบ้านเพื่อนที่คาดว่าจะให้ที่พักพิงเพื่อกดดันให้คนร้ายออกมามอบตัว หรือถ้าขัดขืนก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที
พร้อมกันนี้ได้ทำการสรุปการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งคาดว่าคดีนี้จะใกล้จบแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานนั้นได้ตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายไปถูกทางแล้ว ละได้ทำการสรุปการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งคาดว่าคดีนี้จะใกล้จบแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานนั้นได้ตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายไ นอกจากนี้ยังได้เตรียมจัดอบรมยุทธวิธีในการเข้าจับกุมคนร้ายทั้งอยู่ในกลางแจ้งและในที่ที่มองไม่เห็นตัวคนร้าย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้จะต้องถือเป็นกรณีศึกษาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำไปพัฒนาในการทำงานครั้งต่อไป
ส่วนบรรดาญาติๆของนายตำรวจที่ตายทั้ง 2 นาย ก็ได้เดินทางมาที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจ.ราชบุรี เพื่อเก็บข้าวของของผู้ตายพร้อมทั้งนำเอกสารมาแจ้งเพื่อขอรับสวัสดิการต่างๆ
นอกจากนี้ในเวลา 19.30 น.ของวันเดียวกันนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี จะได้นำพวงมาลาพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และพระองค์เจ้าศรีรัศม์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จำนวน 4 พวง ไปวางที่บ้านของ ดาบตำรวจ ( พ.ต.ท. ) ธานี บัวผัน ที่ต.ป่าไก่ อ.ปากท่อ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพ และที่วัดเขาน้อยเทียมสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของ จ่าสิบตำรวจ ( พ.ต.ต. ) สมฤกษ์ อุทัยฤกษ์ และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงนายตำรวจทั้งสองนายในวันที่ 10 และ 11 พ.ค.53 ด้วย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาคดียิงตำรวจราบุรีได้มอบตัวแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้องหมอบรรลุ-ประทินไปตรวจไทยเข้มแข็งราชบุรีน้ำพระราชหฤทัยจากในหลวง (1) สหกรณ์โคนมหนองโพ ทีโอทีลืมมาซ่อมสธ.แนะประชาชนได้รับยาต้านไวรัสหวัดกินให้ครบ5วันหวัด2009คร่าชีวิตคนไทยเป็นรายที่7แล้ว
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Tuesday, May 4, 2010
เจ้าอาวาสวัดดังรุดช่วยเหลืออดีตเศรษฐีนีสองแควตกอับ
เจ้าอาวาสวัดดังรุดช่วยเหลืออดีตเศรษฐีนีสองแควตกอับ
คมชัดลึก : เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะและเจ้าอาวาสวัดบึงกระดาน อ.เมืองพิษณุโลก เข้าช่วยเหลืออดีตเศรษฐีเฒ่าตกอับ
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ที่ 2 ต.ดอนทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่ามีแม่เฒ่าถูกทอดทิ้งอยู่ตามลำพัง และมีชีวิตอย่างน่าเวทนา จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ อ.เมืองพิษณุโลก และพระครูเกษมวาปีพิสัย เจ้าอาวาสวัดบึงกระดาน เจ้าคณะตำบลดอนทอง เขต 1 อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวแบ่งเป็นบ้านเช่า
พบนางล้วม สุขขวัญ อายุ 82 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 2 ต.ดอนทอง อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งพิการเดินไม่ได้นั่งอยู่ภายในบ้านเช่าโดยมี นางมะลิ อุษาจันทรากุล อายุ 60 ปี บุตรสาว คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ในเบื้องต้นพระครูสิทธิธรรมวิภัช พร้อมด้วยพระครูเกษมวาปีพิสัย ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรคและเงินจำนวนหนึ่งมอบให้เพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
นางล้วม แม่เฒ่าดังกล่าวเล่าให้ฟังว่าทั้งน้ำตาว่า เมื่อก่อนนี้ตนและสามีซึ่งเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้วมีธุรกิจเปิดโรงสีข้าวอยู่ในตำบลดอนทอง และมีฐานะอยู่ในขั้นระดับเศรษฐีเลยทีเดียว แต่ต่อมาเมื่อสามีคู่ชีวิตเกิดเสียชีวิตตนพร้อมกับบุตรจำนวน 2 คน ได้ดูแลโรงสีข้าวเองแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจไม่มีทำให้ต้องนำโรงสีข้าวพร้อมทั้งที่ดินและบ้านพักที่มีอยู่ไปจำนองกับธนาคารแต่ธุรกิจไม่ดีจึงทำให้ไม่มีเงินไปไถ่ถอนจนถูกธนาคารยึดทรัพย์สินไปทั้งหมดทำให้ไม่มีที่อาศัยจนต้องมาเช่าบ้านอยู่ตามลำพังกับลูกสาวซึ่งมีฐานะยากจน และลูกสาวก็ได้เปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่หน้าหมู่บ้านเพื่อนำรายได้จากการขายของมาจุนเจือครอบครัว
ส่วนลูกชายอีกคนก็ไปมีครอบครัวใหม่ ต่อมาตนก็ล้มป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคไขมันอุดตันเส้นเลือดจนไม่สามารถเดินไปไหนมาได้เหมือนคนปกติเพราะขาไม่มีเรี่ยวแรงมากว่า 2 ปีแล้ว จนลูกสาวต้องหยุดขายของมาดูแลตนเองจึงทำให้ขาดรายได้ และต้องไปกู้หนี้นอกระบบมาเป็นค่ารักษาพยาบาลตนเองแต่ก็ไม่หาย และขณะนี้เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบก็มาตามทวงหนี้สินที่ติดอยู่จนต้องคอยหลบซ่อนเนื่องจากไม่มีเงินให้เจ้าหนี้ดังกล่าวและทุกวันนี้อาศัยเพียงเงินจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท มาซื้ออาหารประทังชีวิตและต้องเป็นภาระขงลูกสาวอีกด้วย จึงวอนขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญผ่านผู้สื่อข่าวช่วยเป็นสื่อกลางขอรับบริจาคเงินเพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวของตนเอง
ด้านพระครูสิทธิธรรมวิภัช กล่าวว่า สำหรับข้าวสาร อาหารแห้งที่นำมาช่วยเหลือในวันนี้ ได้มาจากการจำหน่ายวัตถุมงคลพระนางพญารุ่นมิตรภาพ 49 และรุ่นเหนือเนรมิต ซึ่งทางวัดได้แบ่งเงินรายได้ส่วนหนึ่งมาตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยผู้ที่เดือดร้อนไม่ว่าจะเกิดจากอุทกภัย วาตภัย หรือยากจน เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น หากท่านผู้ใจบุญท่านใดจะร่วมบริจาคเงินเพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวของ นางล้วม สุขขวัญ สามารถบริจาคเงินมาได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาห้าแยกโคกมะตูม ชื่อบัญชี นางมะลิ อุษาจันทรากุล หมายเลขบัญชี 632-0-15906-5
ข่าวที่เกี่ยวข้องคันฉ่องและโคมฉาย-คนสำราญงานสำเร็จ (๑๓)การเลื่อนขั้นที่แท้จริง อาเซียนกับทางสองแพร่งประชาธิปไตยหรือการพัฒนา?
ปลดพันธนาการ'เอเอฟ''ปอ'มุงานรักษาแม่ อดีตหมอสมุนไพรตกอับอาศัยข้าวก้นบาตรเลี้ยงชีวีจันทร์ที่ 18 มกราคม 2553
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก : เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะและเจ้าอาวาสวัดบึงกระดาน อ.เมืองพิษณุโลก เข้าช่วยเหลืออดีตเศรษฐีเฒ่าตกอับ
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ที่ 2 ต.ดอนทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่ามีแม่เฒ่าถูกทอดทิ้งอยู่ตามลำพัง และมีชีวิตอย่างน่าเวทนา จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ อ.เมืองพิษณุโลก และพระครูเกษมวาปีพิสัย เจ้าอาวาสวัดบึงกระดาน เจ้าคณะตำบลดอนทอง เขต 1 อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวแบ่งเป็นบ้านเช่า
พบนางล้วม สุขขวัญ อายุ 82 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 2 ต.ดอนทอง อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งพิการเดินไม่ได้นั่งอยู่ภายในบ้านเช่าโดยมี นางมะลิ อุษาจันทรากุล อายุ 60 ปี บุตรสาว คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ในเบื้องต้นพระครูสิทธิธรรมวิภัช พร้อมด้วยพระครูเกษมวาปีพิสัย ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรคและเงินจำนวนหนึ่งมอบให้เพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
นางล้วม แม่เฒ่าดังกล่าวเล่าให้ฟังว่าทั้งน้ำตาว่า เมื่อก่อนนี้ตนและสามีซึ่งเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้วมีธุรกิจเปิดโรงสีข้าวอยู่ในตำบลดอนทอง และมีฐานะอยู่ในขั้นระดับเศรษฐีเลยทีเดียว แต่ต่อมาเมื่อสามีคู่ชีวิตเกิดเสียชีวิตตนพร้อมกับบุตรจำนวน 2 คน ได้ดูแลโรงสีข้าวเองแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจไม่มีทำให้ต้องนำโรงสีข้าวพร้อมทั้งที่ดินและบ้านพักที่มีอยู่ไปจำนองกับธนาคารแต่ธุรกิจไม่ดีจึงทำให้ไม่มีเงินไปไถ่ถอนจนถูกธนาคารยึดทรัพย์สินไปทั้งหมดทำให้ไม่มีที่อาศัยจนต้องมาเช่าบ้านอยู่ตามลำพังกับลูกสาวซึ่งมีฐานะยากจน และลูกสาวก็ได้เปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่หน้าหมู่บ้านเพื่อนำรายได้จากการขายของมาจุนเจือครอบครัว
ส่วนลูกชายอีกคนก็ไปมีครอบครัวใหม่ ต่อมาตนก็ล้มป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคไขมันอุดตันเส้นเลือดจนไม่สามารถเดินไปไหนมาได้เหมือนคนปกติเพราะขาไม่มีเรี่ยวแรงมากว่า 2 ปีแล้ว จนลูกสาวต้องหยุดขายของมาดูแลตนเองจึงทำให้ขาดรายได้ และต้องไปกู้หนี้นอกระบบมาเป็นค่ารักษาพยาบาลตนเองแต่ก็ไม่หาย และขณะนี้เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบก็มาตามทวงหนี้สินที่ติดอยู่จนต้องคอยหลบซ่อนเนื่องจากไม่มีเงินให้เจ้าหนี้ดังกล่าวและทุกวันนี้อาศัยเพียงเงินจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท มาซื้ออาหารประทังชีวิตและต้องเป็นภาระขงลูกสาวอีกด้วย จึงวอนขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญผ่านผู้สื่อข่าวช่วยเป็นสื่อกลางขอรับบริจาคเงินเพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวของตนเอง
ด้านพระครูสิทธิธรรมวิภัช กล่าวว่า สำหรับข้าวสาร อาหารแห้งที่นำมาช่วยเหลือในวันนี้ ได้มาจากการจำหน่ายวัตถุมงคลพระนางพญารุ่นมิตรภาพ 49 และรุ่นเหนือเนรมิต ซึ่งทางวัดได้แบ่งเงินรายได้ส่วนหนึ่งมาตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยผู้ที่เดือดร้อนไม่ว่าจะเกิดจากอุทกภัย วาตภัย หรือยากจน เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น หากท่านผู้ใจบุญท่านใดจะร่วมบริจาคเงินเพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวของ นางล้วม สุขขวัญ สามารถบริจาคเงินมาได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาห้าแยกโคกมะตูม ชื่อบัญชี นางมะลิ อุษาจันทรากุล หมายเลขบัญชี 632-0-15906-5
ข่าวที่เกี่ยวข้องคันฉ่องและโคมฉาย-คนสำราญงานสำเร็จ (๑๓)การเลื่อนขั้นที่แท้จริง อาเซียนกับทางสองแพร่งประชาธิปไตยหรือการพัฒนา?
ปลดพันธนาการ'เอเอฟ''ปอ'มุงานรักษาแม่ อดีตหมอสมุนไพรตกอับอาศัยข้าวก้นบาตรเลี้ยงชีวีจันทร์ที่ 18 มกราคม 2553
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
แดงอีสานจัดทัพรถนับ 100 คันเข้ากรุงเทพฯ
แดงอีสานจัดทัพรถนับ 100 คันเข้ากรุงเทพฯ
เสื้อแดงจากอุดรฯ หนองคาย หนองบัวลำภูขนเสบียงรวมตัวจัดขบวนรถนับ 100 คันทุ่งศรีเมือง จ.อุดรฯ เตรียมมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ สมทบราชประสงค์...
วันที่ 4 พ.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงสวมเสื้อหลากสีจาก จ.อุดรธานี หนองคายและหนองบัวลำภู เดินทางด้วยรถเก๋งรถกระบะและรถบัสโดยสารกว่า 100 คัน พร้อมสัมภาระและเสบียงอาหารรวมตัวบริเวณสนามทุ่งศรีเมือง อ.เมือง จ.อุดรธานีเพื่อเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมที่ราชประสงค์ กรุงเทพฯ ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ มาร่วมบริจาคเงิน สิ่งของและอาหาร โดยมีกำลังตำรวจและ อส.คอยดูแลความสงบเรียบร้อย.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
เสื้อแดงจากอุดรฯ หนองคาย หนองบัวลำภูขนเสบียงรวมตัวจัดขบวนรถนับ 100 คันทุ่งศรีเมือง จ.อุดรฯ เตรียมมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ สมทบราชประสงค์...
วันที่ 4 พ.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงสวมเสื้อหลากสีจาก จ.อุดรธานี หนองคายและหนองบัวลำภู เดินทางด้วยรถเก๋งรถกระบะและรถบัสโดยสารกว่า 100 คัน พร้อมสัมภาระและเสบียงอาหารรวมตัวบริเวณสนามทุ่งศรีเมือง อ.เมือง จ.อุดรธานีเพื่อเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมที่ราชประสงค์ กรุงเทพฯ ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ มาร่วมบริจาคเงิน สิ่งของและอาหาร โดยมีกำลังตำรวจและ อส.คอยดูแลความสงบเรียบร้อย.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คนร้ายยิง2ตร.ราชบุรีดับมอบตัวหวั่นถูกวิสามัญ
คนร้ายยิง2ตร.ราชบุรีดับมอบตัวหวั่นถูกวิสามัญ
คมชัดลึก :รองผู้การฯระบุคดียิงตำรวจตาย 2 นาย ใกล้จบแล้ว เน้นกดดันตามเส้นทางหลบหนี เผยได้เบาะแสแกะรอยใกล้ถึงตัว ล่าสุดผู้ต้องหาได้มอบตัวแล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้(4 พ.ค.53) พล.ต.ต.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เรียกประชุมชุดทำงานคลี่คลายคดีแก๊งค้ายาบ้ายิงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ตาย 2 นาย ขณะจะขอเข้าตรวจค้นรถ โดยได้เน้นย้ำให้ประกบตามบ้านญาติพี่น้องของผุ้ต้องหา รวมทั้งบ้านเพื่อนที่คาดว่าจะให้ที่พักพิงเพื่อกดดันให้คนร้ายออกมามอบตัว หรือถ้าขัดขืนก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที
พร้อมกันนี้ได้ทำการสรุปการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งคาดว่าคดีนี้จะใกล้จบแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานนั้นได้ตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายไปถูกทางแล้ว ละได้ทำการสรุปการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งคาดว่าคดีนี้จะใกล้จบแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานนั้นได้ตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายไ นอกจากนี้ยังได้เตรียมจัดอบรมยุทธวิธีในการเข้าจับกุมคนร้ายทั้งอยู่ในกลางแจ้งและในที่ที่มองไม่เห็นตัวคนร้าย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้จะต้องถือเป็นกรณีศึกษาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำไปพัฒนาในการทำงานครั้งต่อไป
ส่วนบรรดาญาติๆของนายตำรวจที่ตายทั้ง 2 นาย ก็ได้เดินทางมาที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจ.ราชบุรี เพื่อเก็บข้าวของของผู้ตายพร้อมทั้งนำเอกสารมาแจ้งเพื่อขอรับสวัสดิการต่างๆ
นอกจากนี้ในเวลา 19.30 น.ของวันเดียวกันนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี จะได้นำพวงมาลาพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และพระองค์เจ้าศรีรัศม์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จำนวน 4 พวง ไปวางที่บ้านของ ดาบตำรวจ ( พ.ต.ท. ) ธานี บัวผัน ที่ต.ป่าไก่ อ.ปากท่อ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพ และที่วัดเขาน้อยเทียมสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของ จ่าสิบตำรวจ ( พ.ต.ต. ) สมฤกษ์ อุทัยฤกษ์ และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงนายตำรวจทั้งสองนายในวันที่ 10 และ 11 พ.ค.53 ด้วย
คนร้ายยิง2ตร.ราชบุรีมอบตัวแล้วหวั่นถูกวิสามัญ
เมื่อเวลา 15.30 น. นางศิวาพร เจริญสมบัติ อายุ 62 ปี อยู่บ้าน 36 / 1 เขตเทศบาลเมืองราชบุรี ซึ่งเป็นแม่ของนายวิจัย หรือแป๊ะ นาควัน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาที่ยิง ด.ต.ธานี บัวผัน และ จ.ส.ต.สมฤกษ์ อุทัยฤกษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวนกองกำกับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี เสียชีวิตที่บริเวณสี่แยกเขางู ขณะจะขอเข้าตรวจค้นรถยนต์ เนื่องจากเป็นรถต้องสงสัยตามที่สายรายงาน โดยนางศิวาพร ได้พานายวิจัย เข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี โดยนายวิจัย ได้รับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 เสียชีวิต ขณะให้การกับผบก.นั้น นายวิจัย มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวนายวิจัย ไปชี้จุดบริเวณที่ทิ้งปืน ซึ่งเป็นบ่อน้ำและเผาเสื้อทิ้ง หลังจากนั้นจึงหนีไปกบดานที่บริเวณป่าละเมาะบริเวณบ้านหลุมดิน หมู่ 3 ต.หลุมดิน อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งห่างจากที่เกิดเเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร และได้หลบซ่อนตัวอยู่จนกระทั่งถึงเช้าวันที่ 3 ได้โทรศัพท์ไปให้นางศิวาพร เจริญสมบัติ ( มารดา ) ไปรับ ก่อนที่จะติดต่อขอมอบตัว เนื่องจากเกรงว่า จะถูกวิสามัญ โดยมีแม่และพี่สาวติดตามไปด้วย เพราะเกรงว่านายวิจัยนั้น จะถูกทำร้าย
ทั้งนี้ นายวิจัย อ้างว่า สาเหตุที่ต้องยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายจนเสียชีวิต เนื่องจากเห็นว่า มีรถตำรวจมาจอดด้านข้าง แล้วคนในรถก็ถือปืนลงมา จะเปิดประตูรถ ตนไม่รู้ว่าตำรวจจะยิงหรือไม่ จึงได้ยิงสวนออกไปก่อน ส่วนตำรวจอีกคน ที่วิ่งอ้อมมาหน้ารถ ตนเห็นว่าในมือถือปืนอยู่ จึงได้ยิงใส่ก่อน แล้วจึงวิ่งหลบหนีไปขโมยรถจักรยานยนต์ของร้านค้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงขี่หลบหนีไปที่บริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง ก่อนที่จะทิ้งรถแล้ววิ่งหนีไปกบดานที่บริเวณดังกล่าว จากนั้นได้โทรศัพท์ให้แม่มารับตัวกลับและไปหลบที่บ้านญาติที่บริเวณต.หินกอง อ.เมือง ก่อนจะตัดสินใจมอบตัวโดยติดต่อผ่านผู้ใหญ่หลายคนเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกดดันอย่างหนักและเข้ามอบตัวพร้อมกับแม่ดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้องหมอบรรลุ-ประทินไปตรวจไทยเข้มแข็งราชบุรีน้ำพระราชหฤทัยจากในหลวง (1) สหกรณ์โคนมหนองโพ ทีโอทีลืมมาซ่อมสธ.แนะประชาชนได้รับยาต้านไวรัสหวัดกินให้ครบ5วันหวัด2009คร่าชีวิตคนไทยเป็นรายที่7แล้ว
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก :รองผู้การฯระบุคดียิงตำรวจตาย 2 นาย ใกล้จบแล้ว เน้นกดดันตามเส้นทางหลบหนี เผยได้เบาะแสแกะรอยใกล้ถึงตัว ล่าสุดผู้ต้องหาได้มอบตัวแล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้(4 พ.ค.53) พล.ต.ต.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เรียกประชุมชุดทำงานคลี่คลายคดีแก๊งค้ายาบ้ายิงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ตาย 2 นาย ขณะจะขอเข้าตรวจค้นรถ โดยได้เน้นย้ำให้ประกบตามบ้านญาติพี่น้องของผุ้ต้องหา รวมทั้งบ้านเพื่อนที่คาดว่าจะให้ที่พักพิงเพื่อกดดันให้คนร้ายออกมามอบตัว หรือถ้าขัดขืนก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที
พร้อมกันนี้ได้ทำการสรุปการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งคาดว่าคดีนี้จะใกล้จบแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานนั้นได้ตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายไปถูกทางแล้ว ละได้ทำการสรุปการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งคาดว่าคดีนี้จะใกล้จบแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานนั้นได้ตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายไ นอกจากนี้ยังได้เตรียมจัดอบรมยุทธวิธีในการเข้าจับกุมคนร้ายทั้งอยู่ในกลางแจ้งและในที่ที่มองไม่เห็นตัวคนร้าย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้จะต้องถือเป็นกรณีศึกษาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำไปพัฒนาในการทำงานครั้งต่อไป
ส่วนบรรดาญาติๆของนายตำรวจที่ตายทั้ง 2 นาย ก็ได้เดินทางมาที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจ.ราชบุรี เพื่อเก็บข้าวของของผู้ตายพร้อมทั้งนำเอกสารมาแจ้งเพื่อขอรับสวัสดิการต่างๆ
นอกจากนี้ในเวลา 19.30 น.ของวันเดียวกันนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี จะได้นำพวงมาลาพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และพระองค์เจ้าศรีรัศม์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จำนวน 4 พวง ไปวางที่บ้านของ ดาบตำรวจ ( พ.ต.ท. ) ธานี บัวผัน ที่ต.ป่าไก่ อ.ปากท่อ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพ และที่วัดเขาน้อยเทียมสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของ จ่าสิบตำรวจ ( พ.ต.ต. ) สมฤกษ์ อุทัยฤกษ์ และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงนายตำรวจทั้งสองนายในวันที่ 10 และ 11 พ.ค.53 ด้วย
คนร้ายยิง2ตร.ราชบุรีมอบตัวแล้วหวั่นถูกวิสามัญ
เมื่อเวลา 15.30 น. นางศิวาพร เจริญสมบัติ อายุ 62 ปี อยู่บ้าน 36 / 1 เขตเทศบาลเมืองราชบุรี ซึ่งเป็นแม่ของนายวิจัย หรือแป๊ะ นาควัน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาที่ยิง ด.ต.ธานี บัวผัน และ จ.ส.ต.สมฤกษ์ อุทัยฤกษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวนกองกำกับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี เสียชีวิตที่บริเวณสี่แยกเขางู ขณะจะขอเข้าตรวจค้นรถยนต์ เนื่องจากเป็นรถต้องสงสัยตามที่สายรายงาน โดยนางศิวาพร ได้พานายวิจัย เข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี โดยนายวิจัย ได้รับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 เสียชีวิต ขณะให้การกับผบก.นั้น นายวิจัย มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวนายวิจัย ไปชี้จุดบริเวณที่ทิ้งปืน ซึ่งเป็นบ่อน้ำและเผาเสื้อทิ้ง หลังจากนั้นจึงหนีไปกบดานที่บริเวณป่าละเมาะบริเวณบ้านหลุมดิน หมู่ 3 ต.หลุมดิน อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งห่างจากที่เกิดเเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร และได้หลบซ่อนตัวอยู่จนกระทั่งถึงเช้าวันที่ 3 ได้โทรศัพท์ไปให้นางศิวาพร เจริญสมบัติ ( มารดา ) ไปรับ ก่อนที่จะติดต่อขอมอบตัว เนื่องจากเกรงว่า จะถูกวิสามัญ โดยมีแม่และพี่สาวติดตามไปด้วย เพราะเกรงว่านายวิจัยนั้น จะถูกทำร้าย
ทั้งนี้ นายวิจัย อ้างว่า สาเหตุที่ต้องยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายจนเสียชีวิต เนื่องจากเห็นว่า มีรถตำรวจมาจอดด้านข้าง แล้วคนในรถก็ถือปืนลงมา จะเปิดประตูรถ ตนไม่รู้ว่าตำรวจจะยิงหรือไม่ จึงได้ยิงสวนออกไปก่อน ส่วนตำรวจอีกคน ที่วิ่งอ้อมมาหน้ารถ ตนเห็นว่าในมือถือปืนอยู่ จึงได้ยิงใส่ก่อน แล้วจึงวิ่งหลบหนีไปขโมยรถจักรยานยนต์ของร้านค้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงขี่หลบหนีไปที่บริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง ก่อนที่จะทิ้งรถแล้ววิ่งหนีไปกบดานที่บริเวณดังกล่าว จากนั้นได้โทรศัพท์ให้แม่มารับตัวกลับและไปหลบที่บ้านญาติที่บริเวณต.หินกอง อ.เมือง ก่อนจะตัดสินใจมอบตัวโดยติดต่อผ่านผู้ใหญ่หลายคนเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกดดันอย่างหนักและเข้ามอบตัวพร้อมกับแม่ดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้องหมอบรรลุ-ประทินไปตรวจไทยเข้มแข็งราชบุรีน้ำพระราชหฤทัยจากในหลวง (1) สหกรณ์โคนมหนองโพ ทีโอทีลืมมาซ่อมสธ.แนะประชาชนได้รับยาต้านไวรัสหวัดกินให้ครบ5วันหวัด2009คร่าชีวิตคนไทยเป็นรายที่7แล้ว
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
แดงรับข้อเสนอ ปรองดอง แต่วันยุบต้องชัด
แดงรับข้อเสนอ ปรองดอง แต่วันยุบต้องชัด
แกนนำเสื้อแดงพร้อมหน้าแถลงมติเอกฉันท์ รับข้อเสนอปรองดองสมานฉันท์ แต่เรียกร้อง มาร์ค กำหนดวันยุบสภาให้ชัดเจน เลิกคุกคาม โดย นปช.จะไม่ขอนิรโทษกรรมคดีล้มล้างสถาบัน-ก่อการร้าย..เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 พ.ค. แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทั้งหมด อาทิ นายวีระ มุสิกพงษ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการณ์, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์, นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายวิภูแถลง พัฒนภูไท และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ได้ขึ้นเวทีที่สี่แยกราชประสงค์ ร่วมกันแถลงจุดยืนหลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เสนอแนวทางปรองดองแห่งชาติ (โรดแม็ป) และระบุวันเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ย. โดยนายวีระ กล่าวว่า นปช.มีมติเอกฉันท์ 1. ยินดีเข้าสู่กระบวนการปรองดองสมานฉันท์ เพราะเป็นข้อเสนอเดิมของ นปช.และไม่ต้องการให้มีการล้มตายอีก 2. มีข้อสังเกตบางประการ และต้องการความชัดเจน 2.1 สงสัยว่าการกำหนดกรอบเวลาเลือกตั้ง น่าจะเป็นอำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ใช่ นายอภิสิทธิ์ จึงขอความชัดเจนว่านายกรัฐมนตรี ควรประกาศวันยุบสภาที่เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี 2.2 นปช.ต้องการความจริงใจจากรัฐบาล โดยการลดการคุกคามทุกรูปแบบ 2.3 นปช.ไม่ขอนิรโทษกรรมให้ นปช.ในข้อหาล้มสถาบัน และก่อการร้าย พร้อมสู้คดี และ 2.4 ต้องยุติการนำสถาบันกษัตริย์ลงสู่ความขัดแย้งในทุกมิตินายวีระ กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลจริงใจ ต้องยุติการคุกคามสิทธิ เสรีภาพของประชาชนทุกบ้านในทันที ภายใต้การหาข้อยุติอย่างสันติวิธี ประชาชนต้องมีสิทธิ เสรีภาพในการเดินทาง ต้องมีสิทธิ เสรีภาพในการชุมนุม การแสดงออกทางการเมืองโดยปราศจากอาวุธ และประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร หากอีกฝ่ายหนึ่งสามารถบริโภคข่าวสารโดยใช้สื่อของรัฐนำเสนอตามอำเภอใจ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีพื้นที่สื่อมวลชนที่จะสู้ความจริงให้ประชาชนได้ทราบฉะนั้น นปช.ต้องการความเท่าเทียมอันเกิดจากสิทธิเสรีภาพในการเริ่มต้นที่ดีขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลให้ความชัดเจนว่าจะยุบสภาเมื่อไร และย้ำว่าจะไม่มีการนำเรื่องการนิรโทษกรรมมาเป็นข้อต่อรอง จะขอต่อสู้ถึงที่สุด ทั้งคดีผู้ก่อการร้าย และล้มสถาบัน ส่วนนายจตุพร เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ จริงใจในการประกาศมาตรการปรองดอง ไม่ใช่ใช้อำนาจโดยการทหารมาตรึงกำลังบังคับ อีกทั้งขอให้คนในรัฐบาลยุติการให้ข่าวใส่ร้ายกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้แกนนำเสื้อแดงจะเดินหน้าดำเนินคดีกับนายกฯ, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กล่าวหากลุ่มคนเสื้อแดงเป็นขบวนการก่อการร้าย และเป็นขบวนการล้มสถาบัน ขณะที่คดีความของกลุ่มคนเสื้อเหลืองพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กลับไม่มีความคืบหน้าทั้งคดีบุกยึดสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ คดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ในคดีดา ตอร์ปิโด ก็ขอให้ดีเอสไอรับเข้าเป็นคดีพิเศษด้วยเหมือนกันวันนี้แถลงที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาแถลงเพียงเพื่อจะบอกนายอภิสิทธิ์ว่า การประกาศวันเลือกตั้งไม่ใช่อำนาจของนายอภิสิทธิ์ อำนาจของนายอภิสิทธิ์เพียงอย่างเดียวคือประกาศวันยุบสภา ฉะนั้นวันเลือกตั้งจึงเป็นเหตุผลของความไม่น่าเชื่อถือ เพราะไม่ใช่อำนาจจริงของนายอภิสิทธิ์ นายจตุพร กล่าวนพ.เหวง โตจิราการ กล่าวว่า มาตรการการปรองดองเกิดจากกลุ่ม นปช.ตั้งแต่แรก เราเป็นฝ่ายเสนอให้กับรัฐบาลเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2553 แต่การที่นายอภิสิทธิ์ มาประกาศเมื่อวันที่ 3 พ.ค. จึงเป็นการเดินทางตามหลังข้อเสนอของกลุ่มเสื้อแดง เป็นการกระทำที่ ไม่สมควรได้รับเกียรติยศ แต่ถึงอย่างไรก็มาช้าดีกว่าไม่มา ทั้งนี้ ทางกลุ่ม นปช. ได้จัดพิมพ์หนังสือเล่มเล็กเพื่อแจกให้กับประชาชนทั่วประเทศ เป็นการอธิบายความจริงของกลุ่มคนเสื้อแดงในรูปแบบถาม-ตอบ ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย และขบวนการล้มสถาบัน โดยในหนังสือได้อธิบายอย่างกระจ่างแจ้ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการใส่ร้ายป้ายสีกลุ่มคนเสื้อแดงเสียทีด้านนายอริสมันส์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. เรายึดมั่นในสันติวิธี ปราศจากอาวุธ นี่คือแนวทางที่ นปช.ปฏิบัติมาตลอด ฉะนั้นเราไม่หวั่นไหวต่อข้อหาของดีเอสไอ.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
แกนนำเสื้อแดงพร้อมหน้าแถลงมติเอกฉันท์ รับข้อเสนอปรองดองสมานฉันท์ แต่เรียกร้อง มาร์ค กำหนดวันยุบสภาให้ชัดเจน เลิกคุกคาม โดย นปช.จะไม่ขอนิรโทษกรรมคดีล้มล้างสถาบัน-ก่อการร้าย..เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 พ.ค. แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทั้งหมด อาทิ นายวีระ มุสิกพงษ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการณ์, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์, นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายวิภูแถลง พัฒนภูไท และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ได้ขึ้นเวทีที่สี่แยกราชประสงค์ ร่วมกันแถลงจุดยืนหลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เสนอแนวทางปรองดองแห่งชาติ (โรดแม็ป) และระบุวันเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ย. โดยนายวีระ กล่าวว่า นปช.มีมติเอกฉันท์ 1. ยินดีเข้าสู่กระบวนการปรองดองสมานฉันท์ เพราะเป็นข้อเสนอเดิมของ นปช.และไม่ต้องการให้มีการล้มตายอีก 2. มีข้อสังเกตบางประการ และต้องการความชัดเจน 2.1 สงสัยว่าการกำหนดกรอบเวลาเลือกตั้ง น่าจะเป็นอำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ใช่ นายอภิสิทธิ์ จึงขอความชัดเจนว่านายกรัฐมนตรี ควรประกาศวันยุบสภาที่เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี 2.2 นปช.ต้องการความจริงใจจากรัฐบาล โดยการลดการคุกคามทุกรูปแบบ 2.3 นปช.ไม่ขอนิรโทษกรรมให้ นปช.ในข้อหาล้มสถาบัน และก่อการร้าย พร้อมสู้คดี และ 2.4 ต้องยุติการนำสถาบันกษัตริย์ลงสู่ความขัดแย้งในทุกมิตินายวีระ กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลจริงใจ ต้องยุติการคุกคามสิทธิ เสรีภาพของประชาชนทุกบ้านในทันที ภายใต้การหาข้อยุติอย่างสันติวิธี ประชาชนต้องมีสิทธิ เสรีภาพในการเดินทาง ต้องมีสิทธิ เสรีภาพในการชุมนุม การแสดงออกทางการเมืองโดยปราศจากอาวุธ และประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร หากอีกฝ่ายหนึ่งสามารถบริโภคข่าวสารโดยใช้สื่อของรัฐนำเสนอตามอำเภอใจ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีพื้นที่สื่อมวลชนที่จะสู้ความจริงให้ประชาชนได้ทราบฉะนั้น นปช.ต้องการความเท่าเทียมอันเกิดจากสิทธิเสรีภาพในการเริ่มต้นที่ดีขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลให้ความชัดเจนว่าจะยุบสภาเมื่อไร และย้ำว่าจะไม่มีการนำเรื่องการนิรโทษกรรมมาเป็นข้อต่อรอง จะขอต่อสู้ถึงที่สุด ทั้งคดีผู้ก่อการร้าย และล้มสถาบัน ส่วนนายจตุพร เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ จริงใจในการประกาศมาตรการปรองดอง ไม่ใช่ใช้อำนาจโดยการทหารมาตรึงกำลังบังคับ อีกทั้งขอให้คนในรัฐบาลยุติการให้ข่าวใส่ร้ายกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้แกนนำเสื้อแดงจะเดินหน้าดำเนินคดีกับนายกฯ, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กล่าวหากลุ่มคนเสื้อแดงเป็นขบวนการก่อการร้าย และเป็นขบวนการล้มสถาบัน ขณะที่คดีความของกลุ่มคนเสื้อเหลืองพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กลับไม่มีความคืบหน้าทั้งคดีบุกยึดสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ คดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ในคดีดา ตอร์ปิโด ก็ขอให้ดีเอสไอรับเข้าเป็นคดีพิเศษด้วยเหมือนกันวันนี้แถลงที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาแถลงเพียงเพื่อจะบอกนายอภิสิทธิ์ว่า การประกาศวันเลือกตั้งไม่ใช่อำนาจของนายอภิสิทธิ์ อำนาจของนายอภิสิทธิ์เพียงอย่างเดียวคือประกาศวันยุบสภา ฉะนั้นวันเลือกตั้งจึงเป็นเหตุผลของความไม่น่าเชื่อถือ เพราะไม่ใช่อำนาจจริงของนายอภิสิทธิ์ นายจตุพร กล่าวนพ.เหวง โตจิราการ กล่าวว่า มาตรการการปรองดองเกิดจากกลุ่ม นปช.ตั้งแต่แรก เราเป็นฝ่ายเสนอให้กับรัฐบาลเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2553 แต่การที่นายอภิสิทธิ์ มาประกาศเมื่อวันที่ 3 พ.ค. จึงเป็นการเดินทางตามหลังข้อเสนอของกลุ่มเสื้อแดง เป็นการกระทำที่ ไม่สมควรได้รับเกียรติยศ แต่ถึงอย่างไรก็มาช้าดีกว่าไม่มา ทั้งนี้ ทางกลุ่ม นปช. ได้จัดพิมพ์หนังสือเล่มเล็กเพื่อแจกให้กับประชาชนทั่วประเทศ เป็นการอธิบายความจริงของกลุ่มคนเสื้อแดงในรูปแบบถาม-ตอบ ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย และขบวนการล้มสถาบัน โดยในหนังสือได้อธิบายอย่างกระจ่างแจ้ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการใส่ร้ายป้ายสีกลุ่มคนเสื้อแดงเสียทีด้านนายอริสมันส์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. เรายึดมั่นในสันติวิธี ปราศจากอาวุธ นี่คือแนวทางที่ นปช.ปฏิบัติมาตลอด ฉะนั้นเราไม่หวั่นไหวต่อข้อหาของดีเอสไอ.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Subscribe to:
Posts (Atom)