Sunday, May 2, 2010

กักรถตำรวจทหารพิสูจน์ศักยภาพปฏิบัติการรวมศูนย์ม็อบแดงขอนแก่น

กักรถตำรวจทหารพิสูจน์ศักยภาพปฏิบัติการรวมศูนย์ม็อบแดงขอนแก่น



คมชัดลึก : ยุทธการปิดถนนค้นรถกักตัวทหารตำรวจที่ขอนแก่น ลุกลามขยายวงไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนและกระทบต่อเสรีภาพ ขณะเดียวกันก็ฉายภาพให้เห็นถึงความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น






 กลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่นที่ถูกเรียกระดมผ่านสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงหลายสถานี บุกกักขบวนรถไฟบรรทุกรถทหารจากกรมทหารราบที่ 8 จำนวน 21 คัน ได้แก่ รถยีเอ็มซี 8 คัน รถยูนิม็อก 8 คัน รถฮัมวี 4 คัน และรถน้ำ 1 คัน พร้อมทหารที่ดูแลรถอีก 77 นาย ที่จะไปสับเปลี่ยนกำลังในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่เวลา 13.30 น. วันที่ 21 เมษายน ขณะที่กำลังพลอีกนับพันนายจาก ร.8 พัน.1, ร.8 พัน.2, ร.8 พัน.3 เดินทางโดยรถบัสล่วงหน้าแล้ว
 ไม่เพียงเหตุการณ์การกักรถและกำลังพลที่สถานีรถไฟขอนแก่นเท่านั้น บ่ายวันเดียวกันกำลังพลจากกรมทหารราบที่ 13 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ที่แม้จะเดินทางด้วยชุดพลเรือนโดยรถทัวร์ 3 คันและรถนำขบวน 1 คัน ผ่านสี่แยกบ้านไผ่ ถนนมิตรภาพ จ.ขอนแก่น ก็ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงกักตัวไว้ 177 นาย
การเจรจาตลอดวันที่ 21 เมษายน ระหว่าง พล.ต.ต.พัฒนี ศิริวัฒนี ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าฯ ขอนแก่น กับนายไชยา สิมมา และนางซาบีน่า ซาห์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปักหลักชุมนุมที่สถานีรถไฟประมาณ 300 คนถึง 4 รอบแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากแกนนำอ้างว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องรอนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นคนตัดสินใจ แล้วทั้งคืนก็ไม่มีความคืบหน้า
ส่วนสี่แยกบ้านไผ่ที่กลุ่มเสื้อแดงใช้วิทยุชุมชนเครือข่ายคนเสื้อแดงในสำนักงานนายเรืองเดช สุพรรณฝ่าย ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เป็นกระบอกเสียงในการระดมคนเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ฝ่ายทหารเล่นบทแข็งไม่ยอมลงจากรถ กลุ่มผู้ชุมนุมจึงเจาะยางรถทุกคัน แต่แล้วเวลาประมาณ 20.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงก็ยอมปล่อยทหารให้เดินทางกลับอุดรธานี แต่รถมารับกลับย้อนศรวนอ้อมเข้า จ.นครราชสีมา เพื่อเดินทางมุ่งหน้าลงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
ส่วนที่สถานีรถไฟขอนแก่นในวันที่ 22 เมษายน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. คราวนี้มีการเสริมทีมในการเจรจานำโดย พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รอง ผบช.ภ.4 นายพยัต และ พล.ต.ต.พัฒนี พร้อมด้วย พ.อ.กนก ภู่ม่วง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 8 ค่ายสีหราชเดโชไชย เจรจากับนางซาบีน่า และนายไชยา พร้อมแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดการเจรจาเป็นรอบที่ 5 ก็ยังไม่เป็นผล โดยเจ้าหน้าที่เสนอให้คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งร่วมเดินทางไปด้วย เป็นการยืนยันว่าทหารชุดนี้ลงไปปฏิบัติภารกิจที่ภาคใต้จริงแต่การเจรจาก็ไม่คืบหน้าอีกเช่นเคย ขณะที่สถานการณ์ในกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มตึงเครียด เมื่อมีความเคลื่อนไหวในส่วนของทหารและตำรวจ พร้อมกับข่าว ศอฉ.สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเจรจากับผู้ชุมนุม หากไม่สำเร็จก็ให้แม่ทัพภาคที่ 2 ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และหากยังไม่ได้ผลก็ให้รายงานรัฐบาล เพื่อพิจารณาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่นี้
 07.00 น. วันที่ 22 เมษายน พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เรียกประชุมรองแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บังคับหน่วยทหารระดับสูงในกองทัพภาคที่ 2 เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์ เวลา 09.00 น.จึงสั่งการให้ กอ.รมน.ขอนแก่น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เจรจากับกลุ่มเสื้อแดง และวางกรอบเงื่อนไขในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และเสนอออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ทหารสามารถปฏิบัติการได้อย่างเต็มมือ โดยมีการเสริมกำลังทหารที่พร้อมจะปฏิบัติการได้ทันที 3 กองร้อย
 หลังเที่ยงวันเริ่มมีความเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติของฝ่ายรัฐภายในสถานีรถไฟ คนแปลกหน้าที่ไม่ใส่สีแดงมีจำนวนใกล้เคียงกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีอยู่ราว 300 คน การเจรจารอบสุดท้ายที่แกนนำต่อสายถึงณัฐวุฒิก็ออกมาแจ้งต่อผู้ชุมนุมยอมรับข้อเสนอของรัฐ แต่มีข้อแม้ว่าจะให้คนเสื้อแดง 10 คนร่วมเดินทางไปกับขบวนรถด้วย เวลา 16.30 น.สถานการณ์ที่กินเวลาร่วม 24 ชั่วโมงก็คลี่คลาย
 การแก้ไขสถานการณ์ที่ถือว่าวิกฤติครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ข้อเท็จจริงในการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงเกินขอบเขตที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จะรับมือได้ เพราะหลังจากยุบรวมสถานที่ชุมนุมมาปักหลักที่สี่แยกราชประสงค์จุดเดียว มีคนเสื้อแดงเข้าร่วมชุมนุมน้อยลง แต่มีความเคลื่อนไหวอย่างหนักในพื้นที่ โดยใช้กระแส "คนตาย" มาปลุกระดม และโหมรับสมัครสมาชิก นปช.โดยการออกบัตร และอ้างว่าจะมีสิทธิยกเลิกหนี้เบื้องต้น 5 หมื่นบาทหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมา เฉพาะ จ.ขอนแก่นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนมาทำบัตรหน้าศาลากลางเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 3,000 ราย
 หากการกักตัวทหารและรถครั้งนี้ มาจากการเตรียมการของทหารในการเสริมกำลังใน กทม. เหตุการณ์ก็น่าจะจบลงยาก และสถานการณ์มีโอกาสบานปลาย เนื่องจากทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดที่กทม.ในช่วงรอจังหวะสลายการชุมนุม โอกาสที่กำลังพลและรถทหารที่ขอนแก่นจะตกเป็น “ตัวประกัน” มีสูงมาก ประกอบกับสถานที่ชุมนุมในบริเวณสถานีรถไฟ นอกจากจะมีขบวนรถน้ำมัน กว่า 10 คัน ที่บรรทุกน้ำมันกว่า 4 ล้านลิตร และในบริเวณเดียวกันมีคลังน้ำมันที่มีน้ำมันหลายสิบล้านลิตร ตั้งอยู่ในย่านการค้าและย่านการเงิน จึงทำให้โอกาสจากจุดเล็กๆ จะบานปลายขยายวงเป็นเรื่องใหญ่ และความพยายามที่จะให้ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางม็อบแดง แทนอุดรธานี หลังจาก "ขวัญชัย สาราคำ" ถูกออกหมายจับ จึงมีความเป็นไปได้สูง
เพราะศักยภาพของเครือข่ายวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงในกำกับของ ส.ส.เพื่อไทยในพื้นที่ สามารถระดมพลได้ทันทีไม่ต่ำกว่า 1,000 คนภายใน 1 ชั่วโมง ?!!
 








ข่าวที่เกี่ยวข้อง"เขายิงเราแล้ว"เสียงสุดท้ายของ"พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ" คมเคียวคมปากกา-นักสู้นิรนามอย่าเลี้ยงไข้!"ทำไมเสื้อแดงกับโจรใต้ข้อหาต่างกัน"อินไซด์ยุติธรรมประจำวันที่3พ.ค.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive