Saturday, May 1, 2010

ดีเอสไอคุมตัวผู้ต้องหาคดียิงอาร์พีจีใส่กลาโหมฝากขัง

ดีเอสไอคุมตัวผู้ต้องหาคดียิงอาร์พีจีใส่กลาโหมฝากขัง



คมชัดลึก :ศาลอนุญาตฝากขังครั้งแรก ตำรวจนอกราชการ จ.สระแก้ว หนุ่มใหญ่พลเรือน ร่วมก่อเหตุใช้อาร์พีจียิงถล่มกระทรวงกลาโหม ขณะที่ดีเอสไอ ค้านประกันกลัวหนี - ไปเคลื่อนไหวการเมืองก่อเหตุร้ายซ้ำอีก






ที่ศาลอาญา ถ.รัดาภิเษก วันที่ 1 พ.ค. 53 เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ควบคุมตัว ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 42 ปี ตำรวจนอกราชการสังกัด สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว และ นายศุภณัฐ หรือ โก้ หุลเวช อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจี ใส่กระทรวงกลาโหม มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบปากคำพยานอีก 36 ปาก และรอผลการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ของกลาง รวมทั้ง ผลตรวจลายนิ้วมือของผู้ต้องหา
 โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวด้วย เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและอาจเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ และอาจไปก่อเหตุร้ายอย่างอื่น
 ทั้งนี้ตามคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 53 เวลาประมาณ 22.30 น. มีคนร้าย 2 คนใช้รถกระบะติดแผ่นป้ายทะเบียน ตศ-9818 กทม.เป็นพาหนะขับเข้าไปจอดภายใน ซ.แพร่งภูธร แล้วใช้เครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 2 ยิงจรวดพีจี 2 ออกจากกลางซอยดังกล่าวโดยมีเป้าหมายคือกระทรวงกลาโหม แต่จรวดที่ยิงพลาดเป้าไปถูกสายไฟ และ สายโทรศัพท์ที่โยงระหว่างเสาไฟฟ้าปากซอยดังกล่าว เป็นเหตุให้จรวดระเบิดก่อนถึงเป้าหมาย หลังเกิดเหตุคนร้ายขับรถหลบหนีไปแต่เนื่องจากรถคันที่เป็นพาหนะได้รับความเสียหายจากเปลวไฟความร้อนและแรงดันจากแรงสะท้อนถอยหลังจากการยิงจรวด เป็นเหตุให้คนร้ายไม่กล้าขับออกไปทางถนนใหญ่ เพราะเกรงว่าจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดี จึงได้นำรถยนต์ดังกล่าวจอดไปไว้ใน ซ.ข้างโรงแรมสิริมิตรเพื่อหลบหนี
 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพบรถคันดังกล่าวพร้อมเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 2 จำนวน 1 กระบอก,อาวุธปืนเอ็ม 3 เอ 1 ขนาด .45 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมแม็กกาซีนบรรจุลูกกระสุนปืนจำนวน 1 ซอง มีกระสุนบรรจุ 20 นัด , ลูกปืนขนาด.45 มม.จำนวน28 นัด , ระเบิดเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก เสื้อผ้าขวดน้ำและสิ่งของส่วนตัวภายในรถยนต์คันดังกล่าวอีกหลายรายการ จึงยึดไว้เป็นของกลางประกอบคดี ทั้งนี้จากการสอบสวนยังพบอีกว่าป้ายทำทะเบียนรถคันดังกล่าว ถูกทำปลอมขึ้นมาเพื่อติดใช้ในการอำพราง ซึ่งหมายเลขป้ายทะเบียนที่แท้จริงคือ บว.8802 สงขลา
 โดยเจ้าหน้าที่ได้นำภาพถ่ายตามสำเนาทะเบียนราษฎ์ของผู้ต้องสงสัยจำนวน 15 รายมาให้พยานที่เห็นเหตุการณ์จำนวน 3 รายชี้ระบุว่า ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ร่วมก่อเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบลายนิ้วมือแฝงของผู้ต้องหาที่1 บริเวณรอบรถยนต์จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาที่1 ต่อศาลอาญาที่649/2553 ลงวันที่ 23 มี.ค. 53 ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของรถกระบะคันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ประกอบกับผู้ต้องหาที่ 2 ไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เชื่อว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นจึงได้ขออนุญาตศาลอาญาออกหมายจับที่ 819/2553 ลงวันที่ 30 เม.ย.53 เช่นกัน
 ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองไว้ได้ โดยแจ้งข้อหาร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน และ เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) เพื่อใช้ในการกระทำผิดตามประมวลฎหมายอาญามาตรา 288 , พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสารธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร , ยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชนโดยใช่เหตุ , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสาราชการปลอม และ สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันใช้อาวุธปืนเพื่อกระทำความผิด เหตุเกิดบิรเวณซ.แพร่งภูธร และ ซ.แพร่งสรรพศาสตร์ ถ.อัษฎางค์ แขวงเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. โดยผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
 โดยศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องแถลงจับมือยิงอาร์พีจีเป้าวัดพระแก้วพันแดงชัดปทีบสลายม็อบแดงหากมีคำสั่งชี้หาเวลาเหมาะ"ปทีป"สั่งจัดตำรวจคุมเข้มโรงพยาบาลจุฬาฯ "มาร์ค"ยันไม่เพิกเฉยกรณีม็อบบุกรพ. "ธาริต"รับจับแล้วมือยิงอาร์พีจีใส่ก.กลาโหม

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive