Thursday, December 6, 2012

ทูลกระหม่อม ประทานแจกันดอกไม้เยี่ยม หลวงพ่อคูณ

ทูลกระหม่อม ประทานแจกันดอกไม้เยี่ยม หลวงพ่อคูณ
ผู้แทน ทูลกระหม่อม เชิญแจกันดอกไม้เยี่ยมอาการ หลวงพ่อคูณ แพทย์ รพ.ศิริราช เข้าตรวจอาการยันพ้นวิกฤติ ไข้ไม่มีดูแล 2 สัปดาห์...เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่ห้อง 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ โปรดให้ ดร.มนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญ (ประทาน) แจกันดอกไม้ (ดอกกุหลาบสีแดงสด) ถวายเยี่ยม อาการอาพาธพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เกจิอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ของ จ.นครราชสีมา โดยมี รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุลภาควิชาอายุรศาสตร์ วัณโรค รพ.ศิริราช, นพ.ณรงค์ อภิกุลวนิช ผอ.รพ.มหาราชฯ, นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราช แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณให้การต้อนรับโดยคณะได้เข้ากราบมนัสการหลวงพ่อคูณเป็นการส่วนตัว โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพแต่อย่างใด โดยได้นำแจกันดอกไม้ขึ้นวางบนโต๊ะหมู่บูชาต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่หน้าห้อง เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ญาติโยมพี่น้องประชาชนได้สักการะและชื่นชมพระบารมีดร.มนัส โนนุช กล่าวว่า ทูลกระหม่อมฯ ทรงห่วงใยอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ จึงโปรดให้นำแจกันดอกไม้มาเยี่ยมอาการอาพาธ ซึ่งได้รับทราบจากคณะแพทย์ว่าอาการดีขึ้น ไม่มีไข้แล้ว และตนจะเดินทางกลับไปทูลถวายเรื่องอาการให้ทรงทราบต่อไปก่อนหน้าเมื่อเวลา 08.30 น. วันเดียวกัน รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์วัณโรค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด รพ.ศิริราช ได้เดินทางมาเพื่อตรวจอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ โดยมี นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วย นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ อายุกรรมโรคปอด, นพ.ธนากร อนันตเศรษฐกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจ โดยได้ตรวจรายงานแผนการรักษาการให้ยา และตรวจแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ปอดทั้งสองข้างของหลวงพ่อคูณ ก่อนเข้าตรวจอาการพระเทพวิทยาคมรศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและคณะแพทย์ รพ.มหาราชฯ ร่วมมือวางแผนในการดูแลอาการเจ็บป่วยของหลวงพ่อคูณมาอยู่ตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มปัญหาเกิดขึ้นด้วยอาการปอดอักเสบเกิดขึ้น และส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากสภาพแวดล้อมอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้เกิดการสำลักอาหารลงในปอดทั้งสองข้าง ซึ่งถือว่าอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณรุนแรงมาก ถ้าเป็นคนธรรมดาที่ร่างกายไม่แข็งแรงมากนักถือว่าเป็นการเจ็บป่วยที่จะเกิดภาวะวิกฤติได้ง่าย โดยเราได้ประสานกันอยู่ตลอดโดยใช้เทคโนโลยีฯ เรื่องขอข้อมูลกัน การเปลี่ยนแปลง อาการเจ็บป่วยของหลวงพ่อ รวมทั้งผลเอกซเรย์ปอดสองข้างถูกส่งเข้าไปที่ รพ.ศิริราช ตลอดเวลา แต่ก็มีช่วง 2-3 วันก่อนหน้านี้ที่อาจจะเป็นช่วงที่ดูจะวิกฤติในแง่การหายใจของหลวงพ่ออย่างไรก็ตาม โดยสภาพร่างกายของท่านที่อายุ 90 ปี รวมทั้งสภาพร่างกายที่มีโรคประจำตัวทั้งหลอดสมองเดิม, หัวใจ ฉะนั้น เวลาเจ็บป่วยก็จะรุนแรง โดยเฉพาะการอักเสบที่เกิดจากปอดส่วนล่างทั้งซ้ายและขวา ทั้งสองข้าง เต็มพื้นที่ประมาณ 30-50% ของเนื้อปอดคนเราทั้งหมด ฉะนั้น การฟื้นตัวต่างๆ จะใช้เวลานิดหนึ่ง โดยเฉพาะที่สำคัญเรื่องไข้ เนื่องจากปฏิกิริยาการอักเสบครั้งนี้รุนแรงและมีการลุกลามของการอักเสบเข้ามาที่เยื่อหุ้มปอด จนทำให้เกิดน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด ซึ่งคณะแพทย์ของของ รพ.มหาราชฯ ได้ทำการตรวจน้ำที่เกิดจากการอักเสบของช่องเยื่อหุ้มปอดก็พบว่า สารน้ำนั้นเป็นสารน้ำที่เป็นปฏิกิริยาต่อการเกิดปอดอักเสบยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นหนอง หรือจะทำให้เกิดปัญหารุนแรงในภายหลัง ซึ่งหลังจากที่ให้ยาต้านจุลชีพที่เหมาะสมและที่สำคัญคือการดูแลเรื่องระบบการหายใจ และระบบไหลเวียนโลหิตของหลวงพ่อคูณฯ โดยอาการต่างๆ ค่อยๆ คลี่คลายไปช้าๆ ต้องใช้เวลานิดหนึ่งสำหรับคนที่สูงอายุ และคนที่มีการเจ็บป่วยรุนแรงรศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวอีกว่า วานนี้ช่วงเช้าทุกอย่างไปในทางที่เราข้ามช่วงวิกฤตินั้นมาและค่อยๆ ดีขึ้นจนเมื่อ คืนนี้ที่ผ่านมาทราบว่าหลวงพ่อคูณฯ จำวัดได้เป็นช่วงยาว ดีขึ้นไข้เริ่มลง การเปลี่ยนแปลงของระบบการหายใจต่างๆ ควบคู่กับระดับน้ำตาลในเลือดทุกอย่าง เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ถือว่าการตอบสนองต่อการรักษาเป็นไปในทางที่ดี หลวงพ่อคูณฯ น่าจะผ่านระยะวิกฤติสำหรับการเจ็บป่วยรุนแรงนั้นมาแล้ว และในช่วงเช้าที่ตนได้เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณฯ รู้ตัวดี ระบบการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิตคงที่ดีอยู่ การเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายทำได้ดี เรื่องระดับออกซิเจนในเลือดคงที่ดีตลอดใกล้เคียงคนปกติแล้ว ไข้ลดลงแล้ว 37 องศาฯ ไม่มีไข้ คณะแพทย์ประชุมร่วมกันคิดว่า การดูแลรักษาเราทำมาถูกทางแล้วและถูกต้องเหมาะสม เรามีข้อตกลงกันว่า ถ้าถึงระยะไหนที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงในการดูแลรักษาของหลวงพ่อที่จะเกิดประโยชน์โดยเราคำนึงถึงประโยชน์ของคนไข้เป็นหลัก อันไหนที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ป่วยเราจะเลือกในสิ่งนั้น ถ้าจุดที่ว่าหลักเป็นเรื่องของไข้สูง ไข้ไม่ลดลง การรู้ตัวแย่ลง หรือระบบการแลกเปลี่ยนแก๊ส การหายใจแย่ลง หรือระบบเดินโลหิตแย่ลง ทาง รพ.ศิริราช จะรับไม้ช่วงต่อ โดยทางศิริราชเราเตรียมพร้อมมาตลอดสำหรับใช่วง 7 วันที่หลวงพ่อป่วยอยู่ ขั้นต้นทางทีมคณะแพทย์ที่นี่ดูแลได้ต่อเนื่องเป็นอย่างดี ตอนนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น เพียงแต่ว่าช้านิดหนึ่งสำหรับคนสูงอายุ อย่างไรก็ดี ถ้าในอนาคตถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปในทางที่แย่ลงหรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่คิดว่าจะเป็นอันตรายกับหลวงพ่อได้ง่ายขึ้นทาง รพ.มหาราชฯ กับ รพ.ศิริราช จะตกลงกันอีกครั้งว่าจะวางแผนการรักษาต่อไปอย่างไร จะเคลื่อนย้ายไปหรือไม่ แต่ปัจจุบันเราคิดว่าการดูแลรักษาที่นี่น่าจะเป็นประโยชน์กับหลวงพ่อมากที่สุด ส่วนการประเมินจะรักษาอีกนานแค่ไหนนั้น ตนคิดว่าโดยปกติจากการเกิดปอดอักเสบในผู้สูงอายุโดยที่สภาพหลวงพ่อที่มีโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจอยู่ ฉะนั้น การที่เกิดปอดอักเสบสองข้างพร้อมกันเป็นพื้นที่ปริมาณสัดส่วนพอสมควร ของเนื้อปอดของคนเรา ฉะนั้น การฟื้นตัวจะใช้เวลาเรื่องการให้ยาต้านจุลชีพใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน หลังจากนั้นต้องรอเรื่องการฟื้นตัวของสภาพร่างกายในส่วนอื่นๆ ที่ถูกผลกระทบจากการที่เกิดปอดอักเสบรุนแรงคงต้องใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อยทั้งนี้ คงต้องรอดูว่าหลังจากนี้ไปไข้จะลงอย่างนี้ไปได้ตลอดหรือไม่ เท่าที่ประเมินแล้วไข้น่าจะลงต่อเนื่อง วันนี้ไม่น่าจะมีไข้ขึ้นมาแล้ว ตนยืนยันว่าตอนนี้ท่านพ้นช่วงวิกฤติมาได้แล้ว และ ณ จุดนี้หลวงพ่อปลอดภัย การเคลื่อนย้ายไปตอนนี้น่าจะเป็นการรบกวนหลวงพ่อมากกว่า แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่องไข้กลับขึ้นมาสูงใหม่ อาการทางสมองแย่ลง อาการทางปอด หัวใจแย่ลง ทาง รพ.ศิริราช จะปรึกษาทางนี้เรื่องการเคลื่อนย้ายต่อไป. 

No comments:

Post a Comment

Blog Archive