Sunday, January 27, 2013

ตอร์เรส กู้ชีพสิงห์หืดจับเจ๊าทีมลีกวัน2-2 ศึกเอฟเอคัพ

ตอร์เรส กู้ชีพสิงห์หืดจับเจ๊าทีมลีกวัน2-2 ศึกเอฟเอคัพ
สิงโตน้ำเงินครามเชลซี ฟอร์มหลุดต่อเนื่องหลังทำได้แค่เพียงบุกไปไล่ตีเสมอเบรท์ฟอร์ด ทีมจากลีกวัน 2-2 ในการแข่งขัน รอบที่ 4 ศึก เอฟเอ คัพ จนต้องไปลุ้นกันต่อในนัดรีเพลย์...การแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ 2012-13 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ม.ค. เป็นการแข่งขันกันในรอบที่ 4 คู่แรกของวันเป็นการพบกันระหว่าง ผึ้งแดงขาวเบรท์ฟอร์ด ทีมจากลีกวัน เปิดรัง กริฟฟิน ปาร์ค รับการมาเยิือนของแชมป์เก่าสิงโตน้ำเงินครามเชลซี ทีมจากพรีเมียร์ลีก เชลซี ภายใต้การนำของ ราฟาเอล เบนิเตซ ได้ เฟอร์นันโด ตอร์เรส ลงเล่นเป็นหน้าเป้า แนวรับมี จอห์น เทอร์รี กัปตันทีมกลับมาลงสนามหลังพักยาวเนื่องจากอาการบาดเจ็บ เริ่มการแข่งขันเพียง 11 นาที สิงห์บลูก็ต้องได้เสียวจากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษของ เบรนท์ฟอร์ด แต่ แฮร์รี ฟอร์เรสเตอร์ ศูนย์หน้าเจ้าถิ่นยิงเน้นมากไปหน่อยเหินข้ามคานเบรนท์ฟอร์ด ยังคงเป็นฝ่ายเคาะบอลบุกเข้ากดดันได้มากกว่าขาดแต่เพียงจังหวะจบสกอร์ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก น.42 เจ้าถิ่นก็คว้าประตูขึ้นนำเมื่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด เสียบอลหน้ากรอบเขตโทษลูกหลุดมาเข้าทาง แฮร์รี ฟอร์เรสเตอร์ บรรจงแปเน้นๆถูก รอสส์ เทิร์นบูลล์ นายด่านสิงห์บลู พุ่งปัดมาเข้าทาง มาร์เชลโล ทร๊อตตา วอลเลย์ซ้ำตุงตาข่าย ช่วยให้ เบรนท์ฟอร์ด์ ขึ้นนำ เชลซี ไปก่อนในครึ่งแรก 1-0กลับมาต่อในครึ่งหลัง เชลซี เร่งเกมบุกกลับจนมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ใน น.55 กองหลังเจ้าถิ่นโขกสกัดบอลมาเข้าทาง ออสการ์ ดึงบอลลงในกรอบเขตโทษ ก่อนจะพลิกตัวดีดด้วยขวาส่งบอลกองก้นตาข่ายไปอย่างเหนือชั้นแต่เมื่อมาถึง น.73 สิงห์ไฮโซได้เหงื่อตกอีกครั้งเมื่อ รอสส์ เทิร์นบูลล์ ไปรวบ ทอม เดเยมี ล้มในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าให้ทางเจ้าถิ่นได้จุดโทษในทันที และก็เป็น แฮร์รี ฟอร์เรสเตอร์ ที่ขันอาสาสังหารพา เบรท์ฟอร์ท ขึ้นนำเป็น 2-1 ต่อมาทั้งสองทีมก็เปิดหน้าบุกใส่กันจนเข้าสู่ท้ายเกม น.83 คว้าพยายามของทีมเยือนก็สัมฤทธิ์ผลจากจังหวะประสานงานของ เดมบา บา กองหน้าสำรองที่ล้มตัวกวาดบอลให้ เฟอร์นันโด ตอร์เรส บรรจงปั้นบอลพุ่งเสียบเสาตุงตาข่าย และหลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ทำประตูเพิ่มเติมไม่ได้หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี แชมป์เก่าบุกไปเสมอ เบรนท์ฟอร์ด 2-2 ต้องไปแข่งกันใหม่ในนัดรีเพลย์ซึ่งคราวนี้จะเป็นการแข่งขันที่รังสแตมฟอร์ดบริดจ์. 

No comments:

Post a Comment

Blog Archive