Sunday, January 20, 2013

โพลบ้านสมเด็จ ชี้ส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม.

โพลบ้านสมเด็จ ชี้ส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม.
โพลบ้านสมเด็จ ชี้คนส่วนใหญ่ (32.21%) ยังไม่ตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. ต้องรอใกล้วันลงคะแนน 3 มี.ค. ก่อน ยันความซื่อสัตย์-สุจริต คือสิ่งที่คนกรุงอยากได้จากผู้ว่าฯ มากที่สุดวันที่ 20 ม.ค. ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของประชาชน (ก่อนการรับสมัคร) ในประเด็นของการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีการรับสมัครผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 21 – 25 มกราคม 2556 และมีการกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 3 มีนาคม 2556ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ 1. กำหนดนโยบายและบริหารราชการของกรุงเทพมหานครให้เป็นไปตามกฎหมาย 2. สั่ง อนุญาต อนุมัติเกี่ยวกับราชการของกรุงเทพมหานคร 3. แต่งตั้งและถอดถอนรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่งตั้งและถอดถอนผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานที่ปรึกษา หรือคณะที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือเป็นคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติราชการใดๆ 4.บริหารราชการตามที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย 5.วางระเบียบเพื่อให้งานของกรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร และ 6.อำนาจหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 และกฎหมายอื่นๆ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ที่จะเข้ามาบริหารจัดการงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ที่มีจำนวนประมาณ 46,000 ล้านบาทนายสิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการโครงการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า จากการที่ผู้สมัครอิสระ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประกาศตัวลงสมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นคนแรก และมีผู้สมัครอิสระทยอยเปิดตัวเป็นผู้สมัครไม่ว่าจะเป็น คุณโฆสิต สุวินิจจิต อดีตผู้บริหารสถานีข่าวสปริงนิวส์ และอดีตประธานบริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ คุณสุหฤท สยามวาลา ผู้บริหารบริษัท และดีเจ รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศส่ง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลงสมัคร และพรรคเพื่อไทย ประกาศส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ออกประกาศกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่ละคนต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้งแต่ละครั้งได้ไม่เกิน 49 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงมากในการใช้จ่ายหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในครั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ความสำคัญกับการหาเสียงผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก (Social Network) ในการประชาสัมพันธ์ทางการเมือง ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก (Social Network) ขนาดป้ายหาเสียงข้างถนนยังมีการให้ผู้พบเห็นไปติดตามในโซเชียลเน็ตเวิร์ก (Social Network) ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก (Facebook) ทวิตเตอร์ (Twitter) ยูทูบ (Youtube) อินสตาแกรม (Instagram) กูเกิลพลัส (Googel+) ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สร้างแฟนเพจ (Fanpage) ในเฟซบุ๊ก (Facebook) เพราะการสื่อสารผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก (Social Network) ของผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่สามารถสื่อสารกับประชาชนผู้สนับสนุนได้โดยตรง และการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในครั้งนี้ เป็นการแข่งขันในเมืองที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก (Facebook) มากที่สุดในโลกอย่างกรุงเทพมหานครซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ประชาชนส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครคิดว่า ยังไม่ตัดสินใจจะเลือกใครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มากที่สุดร้อยละ 32.21 อันดับสองคือ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ร้อยละ 26.43 อันดับสามคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 19.30 อันดับที่สี่คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ร้อยละ 14.00 และอันดับที่ห้าคือ สุหฤท สยามวาลา ร้อยละ 3.16กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยากได้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มีคุณสมบัติด้านความซื่อสัตย์ โปร่งใส ร้อยละ 40.22 มากที่สุด รองลงมาคือมีการปฏิบัติตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ ร้อยละ 18.49 อันดับสามคือมีการปฏิบัติงานให้เห็นเป็นรูปธรรม ร้อยละ 13.12ประชาชนส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครอยากให้แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน คือ ปัญหาการจราจร ร้อยละ 42.29 มากที่สุด รองลงมา คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ร้อยละ 21.31 อันดับสาม คือ ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 16.42และนโยบายที่อยากให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ความสำคัญมากที่สุด คือ ด้านการจราจรและขนส่งมวลชน 25.09 อันดับสอง คือ ด้านการศึกษาและคุณภาพชีวิต ร้อยละ 23.67 อันดับสาม คือ ด้านเศรษฐกิจและการส่งเสริมอาชีพ ร้อยละ 21.45

No comments:

Post a Comment

Blog Archive