Tuesday, March 26, 2013

ยังตราตรึงอยู่ใน...ความทรงจำ

ยังตราตรึงอยู่ใน...ความทรงจำ
เมื่อตอนที่แล้วได้เล่าถึงนักร้องหญิงระดับคุณภาพของเมืองไทยไป คือ ใหม่ เจริญปุระ ซึ่งหากจะจบแค่เธอคนนี้ก็คงจะดูห้วนไป และออกจะไม่เป็นธรรมกับนักร้องหญิงท่านอื่นนัก ดังนั้น สัปดาห์นี้จึงขอเล่าถึงศิลปินหญิงที่ผู้เขียนเห็นว่า สุดยอด และอยู่ในดวงใจในรอบ 20 ปีที่ผ่านมากันต่อนะครับก็อย่างที่เคยบอกไปละครับว่า ผู้เขียนมีนักร้องหญิงในดวงใจน้อยถึงน้อยมาก ขณะเดียวกันนักร้องหญิงของเมืองไทยในความเห็นส่วนตัว ที่ผู้เขียนยกย่อง และชื่นชมในคุณภาพจริงๆ ก็ค่อนข้างน้อยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเชื่อว่าคงจะไม่มีใครปฏิเสธหากจะยกคำว่า ศิลปินคุณภาพ ให้กับ แอม-เสาวลักษณ์ ลีละบุตร อย่างแน่นอนผู้เขียนยกให้ แอม-เสาวลักษณ์ เป็นนักร้องหญิงในดวงใจร่วมกับ เอ๋-พัชรา แวงวรรณ, ก้อย-พรพิมล ธรรมสาร, ใหม่ เจริญปุระ, แหม่ม-พัชริดา วัฒนา, ปุ้ม-อรวรรณ เย็นพูนสุข, นุก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ซึ่งทั้งหมดมีเหตุผลมาจากผลงานเพลงล้วนๆ ยกเว้น นุก ที่มีเรื่องหน้าตามาประกอบด้วยนอกเหนือจากเรื่องเพลง (อิอิ)ศิลปินนักร้องในเมืองไทยมีไม่มากหรอกครับ ที่จะมีความสามารถทั้งแต่งเพลงเอง เล่นดนตรี โปรดิวเซอร์เอง ขับร้องเอง แถมเพลงที่ร้องไว้นั้นยังไพเราะ โด่งดัง ได้รับความนิยมมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ซึ่ง แอม-เสาวลักษณ์ ทำทั้งหมดนี้ได้ครับ ก็กว่า 30 ปีแล้วครับที่ผู้เขียนชื่นชอบศิลปินท่านนี้ สมัยยังไม่แตกเนื้อหนุ่มวง สาว สาว สาว นี่ดังกระหึ่มวงการเพลงไทยเลยครับ ประตูใจ (ปี 2526) ได้ยินบ่อยมากกก...ก เพราะวิทยุทุกคลื่นจะต้องเปิดเพลงนี้ บ้านไหนก็ต้องมีเสียงเพลงของสาว สาว สาว เล็ดลอดออกมาก สมัยนั้นใครไม่ฮัมเพลง ...ก๊อก ก๊อก ก๊อก เปิดประตู.. นี่เชยสะบัดเลยครับ แม้กระทั่งแม่ของผู้เขียนเองเวลาอารมณ์ดี ก็ยังมีร้องเลย  หรือเพลง รักคือฝันไป ทุกวันนี้เปิดฟังก็ยังสัมผัสได้ถึงความไพเราะอยู่เลย ภาพที่ยังจำได้ติดตา (จากการถ่ายทอดทางทีวี) คือ คลื่นมหาชนแฟนเพลงที่ต้องใช้คำว่า ยัดทะนาน กันเข้าไปดูคอนเสิร์ต สาว สาว สาว ที่ลาน โลกดนตรี จนแน่น ล้นทะลักออกไปถึงถนน จะว่าไปแล้ว สาว สาว สาว คือ ต้นตำรับเกิร์ลแบนด์ ของเมืองไทย และของ เจป๊อป, เคป๊อป เลยนะครับ! เดี๋ยวจะหาว่าผู้เขียนโม้ : ในปี 2532 สาว สาว สาว ได้รับเลือกจากประเทศญี่ปุ่นให้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปเข้าร่วมงานโตเกียวมิวสิกเฟสติวัลประจำปี 1989 โดยเลือกเพลง ฉันบอกเธอเอง จากอัลบั้ม ว้าว...ว ! ไปใช้ในการแสดงบนเวที เพราะมีความลงตัวในการนำเสนอมากที่สุดในแง่ของความร่วมสมัยของเพลง และได้นำเสนอการเต้นที่พวกเธอบล็อกกิ้งกันอย่างแม่นยำเพื่อให้โชว์ออกมาดีที่สุด สาว สาว สาว ได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงชาวญี่ปุ่นอย่างอบอุ่น ...(วิกิพีเดีย) เห็นพวก วันเดอร์เกิร์ล ร้องเพลงแล้วต้องบอกว่า นี่มัน สาว สาว สาว ชัดๆ ร้องเพลง เต้น บล็อกกิ้งเป๊ะ! ยังไงยังงั้น กลับมาเล่าถึงเรื่องของ แอม กันต่อนะครับ ในทัศนะส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่า การผิดหวังจากความรักกับนักแสดงชายชื่อดัง ซึ่งหมั้นหมายกันไว้แล้วเตรียมจะแต่งงานกันในช่วงปลายปี 2531 แต่กลับต้องเลิกรากันไปนั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งสำคัญของ แอม-เสาวลักษณ์ และทำให้เธอก้าวมาสู่ความเป็น แอม-เสาวลักษณ์ อย่างในปัจจุบันนี้ เพราะหลังจากเหตุการณ์นี้ไม่นาน วงสาว สาว สาว ก็ถึงจุดอิ่มตัวแยกย้ายกันไปเมื่อปี 2533 แอม เข้ามาอยู่ในชายคาแกรมมี่ในฐานะนักแต่งเพลง ซึ่งก็มีเพลงที่ไพเราะแต่งให้กับศิลปินมากมาย ก่อนจะมีผลงานอัลบั้มเดี่ยวเป็นของตัวเองในปี 2536 ชื่อชุด บันทึกของดอกไม้เหล็ก มีหลายบทเพลงที่เธอเขียนขึ้นมาเองซึ่งผู้เขียนเชื่อว่ามาจากประสบการณ์ครั้งนั้น ขณะที่ภาพลักษณ์ของเธอก็เปลี่ยนไป จากสาวน้อยเสียงดี ร้องเพลงเพราะ สดใส น่ารักๆ มาเป็นหญิงสาวที่ดูกร้าวแกร่งขึ้น แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย ในส่วนของบทเพลงก็มีเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวัง ทุกเพลงบ่งบอกถึงความเป็นตัวเธอได้อย่างดี เรียกว่าใครเป็นแฟนเพลงเธอมาตั้งแต่ยังเป็นสาว สาว สาว จะรู้สึกได้เลยว่าหลังจากมีประสบการณ์นี้แล้ว เสียงร้องที่เธอเปล่งออกมานั้น มันฟังแข็งแกร่งและห้าวขึ้นกว่าเดิมอัลบั้มนี้ เป็นผลงานของ แอม-เสาวลักษณ์ ที่ผู้เขียนชื่นชอบมากที่สุด และถือว่าเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย งานเข้าขั้น ดีเยี่ยม มีบทเพลงที่ถือว่าไพเราะเกือบจะทั้ง 10 เพลง อาทิ กดดัน, แค่เสียใจไม่พอ, ไม่อยากโทษใคร, คำถามเดิม, นิยาย, ใครนะ(พูดจัง), เพราะไม่เข้าใจ ซึ่งเสียงร้อง สีหน้าท่าทาง ถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงออกมาได้อย่างสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องในมิวสิควิดีโอ หรือการร้องสดบนเวทีคอนเสิร์ต เสียงมีพลังมาก ไพเราะจับใจ ใครที่เป็นพวกอารมณ์อ่อนไหวฟังเพลงในอัลบั้มนี้แล้วจะชวนให้น้ำตาไหลทุกที โดยอัลบั้มนี้เธอได้รับรางวัลนักร้องหญิงยอดเยี่ยม จากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย และรางวัลสีสัน อวอร์ด ประเภทศิลปินเดี่ยวหญิงยอดเยี่ยม ประจำปี 2536 ด้วยเพลงที่จะนำมาให้ฟังกันในตอนนี้ คือเพลง ความทรงจำ เป็นเพลงเปิดตัวของอัลบั้มที่ 2 ชื่อชุด ชีวิตและจิตใจ (ปี 2537) ซึ่งก็เช่นเคยครับเพลงในอัลบั้มนี้ ส่วนใหญ่ก็มาจากปลายปากกาของเธอเอง แม้ว่าเนื้อหาของเพลงส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการอกหัก รักคุด เหมือนเดิม แต่ก็แตกต่างจากชุดแรกครับ ชุดแรกนั้นอารมณ์จะประมาณบรรยายถึงความผิดหวังอย่างรุนแรง เสียใจหนัก แต่ชุดนี้อารมณ์เพลงจะประมาณว่าอยู่ในช่วงที่ทำใจได้แล้ว แต่ก็ยังมีตัดพ้ออยู่หน่อยๆ ส่วนงานดนตรีนั้นไม่ต้องพูดถึงครับ ระดับนี้ไม่มีทำให้เสียชื่อแน่นอน เพลง ความทรงจำ นี้ แอม-เสาวลักษณ์ แต่งเอง เนื้อหากินใจมากครับ ถือว่าเป็น signature ของเธอเลยก็ว่าได้ ขึ้นอินโทรด้วยเสียงเกากีตาร์ โน้ตใส คมชัดทุกลูก เป็นเพลงที่ผู้เขียนชื่นชอบอย่างมากครับ อยากจะบอกว่าเป็นเพลงที่มีชีวิตและมีความหมายมากที่สุด ต่อให้หลายร้อยคนเอามาร้องใหม่ ก็ไม่ตรึงใจเท่ากับที่ แอม ร้องไว้ครับ เลยเอามาให้แฟนานุแฟนคอลัมน์ฟังกัน แต่คลิปที่เอามาแปะนี้ ไม่ใช่เวอร์ชั่นออริจินอลนะครับ ซึ่งอันนั้นจะติดเรื่องลิขสิทธิ์ คลิปนี้เป็นของ Nipaparn Suwarnnata ที่โพสต์ไว้ในยูทูบ (youtube) ...บางคราวยังเหมือนว่าเธออยู่ตรงนี้เรื่องราวที่ดีก็ยังฝังใจบางความทรงจำเก่าเก่า ก็ยังงดงามไม่คลายกระจ่างอยู่ข้างใน เมื่อไรที่คิดขึ้นมาบางทียังคิดว่าเธออยู่ที่ไหนแล้วเคยหรือไม่ที่คิดเหมือนกันคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ แล้วยังทบทวนถึงมันสิ่งดีๆ กับคืนและวัน ของฉันและเธอและยังคงยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตาที่ผ่านไปแล้วไม่หวนคืนมาก็ไม่เสียดายแค่เพียงคิดถึงว่าเคยได้มี บางครั้งก็ยังชื่นใจแม้จะมีเก็บไว้แค่ความทรงจำอยากเก็บเอาไว้แค่เพียงสิ่งดีๆถึงวันนี้มีแต่ความเหงาใจถึงแม้ว่าเราจะห่าง แยกคนละทางที่ไปก็เป็นเพียงแค่ความสุขใจ เมื่อคิดถึงเธออยากเก็บเอาไว้แค่เพียงสิ่งดีๆถึงวันนี้มีแต่ความเหงาใจ...มีเพียงบางครั้งที่อาจจะยังสงสัยว่าเธอเองจะเคยบ้างไหมที่คิดเหมือนกัน...ทุกคนมีความทรงจำ เพียงแต่เราจะเลือกเอาความทรงจำไหนมาเป็นแรงใจและกำลังใจให้กับตัวเอง เหมือนกับเนื้อเพลงท่อนนี้ ...อยากเก็บเอาไว้แค่เพียงสิ่งดีๆถึงวันนี้มีแต่ความเหงาใจถึงแม้ว่าเราจะห่าง แยกคนละทางที่ไปก็เป็นเพียงแค่ความสุขใจ เมื่อคิดถึงเธอ..ผู้เขียนอยากให้ผู้ที่รู้สึกผิดหวัง ท้อแท้กับชีวิต ใช้เรื่องราวของ แอม-เสาวลักษณ์ นี้เป็นแรงบันดาลใจถึงแม้หลายช่วงในชีวิตของเธอจะเจอเรื่องราวหรือเหตุการณ์หนักๆ แต่เธอก็สามารถก้าวข้ามผ่านมาได้ สมกับเป็น ดอกไม้เหล็ก จริงๆ.Old Melody 

No comments:

Post a Comment

Blog Archive