Tuesday, April 23, 2013

โพลเอแบค ชี้ 61.7% เชื่อ ไทยมีความพร้อม รับประชาคมอาเซียน

โพลเอแบค ชี้ 61.7% เชื่อ ไทยมีความพร้อม รับประชาคมอาเซียน
โพลเอแบค ชี้ 61.7% เชื่อไทยมีความพร้อมเปิดรับประชาคมอาเซียน ขณะที่ 24.8% ให้ความสำคัญพัฒนาการศึกษา ส่วน “สิงคโปร์” ประเทศที่มีความพร้อมมากที่สุดวันที่ 24 เม.ย. นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์วิจัยด้านนโยบายสาธารณะเพื่อกิจการอาเซียน สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนในสายตาชาวกรุง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,525 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-23 เมษายน 2556 ที่ผ่านมาจากการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือร้อยละ 61.7 ระบุ คนไทยมีความพร้อมต่อการรับมือกับการเปิดประชาคมอาเซียน ส่วนร้อยละ 33.4 ระบุว่ายังไม่พร้อม นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนมากหรือร้อยละ 80.3 ระบุว่า ผู้นำประเทศควรให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเมื่อสอบถามเพิ่มเติมถึงสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุดต่อการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนพบว่า ห้าอันดับแรกของสิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ อันดับหนึ่งหรือร้อยละ 24.8 ได้แก่ การพัฒนาระบบการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานให้เท่าเทียมกันทั้งประเทศ อันดับสองหรือร้อยละ 23.6 ได้แก่ ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษ อันดับสามหรือร้อยละ 18.2 ได้แก่การส่งเสริมวิชาชีพชำนาญการและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน อันดับสี่หรือร้อยละ 14.4 ได้แก่ การพัฒนาเศรษฐกิจและการส่งเสริมการลงทุน และอันดับห้าหรือร้อยละ 7.6 ได้แก่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตามลำดับที่น่าสนใจคือสามอันดับแรกของประเทศในอาเซียนที่มีความพร้อมและศักยภาพมาก ที่สุดในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในสายตาของกลุ่มตัวอย่าง สามอันดับแรกได้แก่ อันดับหนึ่งหรือร้อยละ 34.5 ระบุสิงคโปร์ อันดับสองหรือร้อยละ 25.7 ระบุไทย และอันดับสามหรือร้อยละ 9.8 ระบุมาเลเซีย ตามลำดับนางสาวปุณฑรีก์ ผช.ผอ. กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่ประชาชนเล็งเห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมของทั้งประชาชนและประเทศ โดยภาพรวมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับประเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความสามารถ และศักยภาพ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและการประกอบอาชีพให้ทัดเทียมประเทศอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตชนบท ถิ่นทุรกันดารซึ่งที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการพัฒนาจะถูกมุ่งเน้นไปที่บริเวณชุมชนเมือง นอกจากนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้เข้าสู่สังคมนานาชาติ ควรให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการส่งเสริมและการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมอันดีงามของไทยให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน อย่างไร ก็ตามสิ่งที่สำคัญคือผู้ใหญ่ของประเทศก็ควรเป็นตัวอย่างที่ดี ใช้เหตุและผลในการบริหารประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้อง

No comments:

Post a Comment

Blog Archive