Wednesday, January 30, 2013

มาร์คยันนิรโทษกรรมต้องไม่เกี่ยวคดีอาญาและการทุจริต

มาร์คยันนิรโทษกรรมต้องไม่เกี่ยวคดีอาญาและการทุจริต
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วอนนายกรัฐมนตรีสานต่อเป็นเจ้าภาพจัดเวิลด์ เอ็กซ์โปร 2020 ยืนยันประเทศได้ประโยชน์ ฝ่ายค้านหนุนเต็มที่ พร้อมแจงที่มาข่าว ซูเอี๋ย ล้มคดีฟ้องหมิ่น จตุพร ขณะกรณีนิรโทษกรรม พรรคประชาธิปัตย์ยันต้องไม่เกี่ยวคดีอาญาและการทุจริต...วันที่ 31 ม.ค. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวหลังจากที่คณะทำงานคัดเลือกประเทศเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โปร เข้าพบว่า อยากให้รัฐบาลนี้สานต่อสิ่งที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้เสนอตัวให้ไทยเป็นเจ้าภาพงานนี้ ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2563 เพราะเป็นโอกาสของประเทศ ซึ่งฝ่ายค้านยืนยันสนับสนุนเต็มที่ โดยได้ย้ำจุดแข็งของประเทศเราเรื่องการท่องเที่ยว และพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก็มีความหมายทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวคิดในการกระจายเมืองออกไปด้วย และยังมีเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่เหมาะสมกับชาวโลกและชาวไทย ให้ยึดแนวทางปรัชญาพอเพียง จึงอยากให้รัฐบาลมีทีมทำงานเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ ไม่ควรปล่อยให้หน่วยงานเดียวทำ จากนี้ไปผู้นำหรือรัฐมนตรี ไปประเทศไหนก็ต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาขอความสนับสนุน หรือเดินสายขอคะแนน แต่ถ้ารัฐบาลไม่เดินหน้า ประเทศก็จะเสียโอกาส เพราะเป็นงานใหญ่ระดับต้นๆ ของโลกเมื่อถามว่า มีข่าวทำนองว่ารัฐบาลไทยอาจจะตัดสินใจไม่แข่งขันเต็มที่เพื่อเปิดทางให้ดูไบ ได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดแทน เพราะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้นำดูไบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นห่วงเช่นกัน นายกฯ ต้องรีบยืนยันที่จะเดินหน้าและเป็นผู้นำในการมอบหมายให้รองนายกฯ หรือรัฐมนตรี ระดมหน่วยงานหารือกันเพื่อหาเสียงทั่วโลก อย่าไปคิดว่างานนี้เป็นของรัฐบาลประชาธิปัตย์เริ่มต้นไว้ เพราะหากจะได้จัดจริงก็ต้องรอเวลาอีก 7 ปีข้างหน้า ซึ่งในวันนั้นก็ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีนอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า จะไกลเกลี่ยกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. หลังจากที่ดำเนินการฟ้องร้องนายจตุพรฐานหมิ่นประมาท โดยระบุว่า กรณีนี้ตนได้ฟ้องนายจตุพรในข้อหาหมิ่นประมาทเป็นคดีที่ 4 และตัดสินไปแล้ว 3 คดีโดยมีการสืบพยานโจทก์ไปแล้ว ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วศาลได้นัดสืบพยานฝ่ายของนายจตุพรในฐานะจำเลย และตนก็จะไม่ได้ไป โดยศาลได้ยกประเด็นการไกล่เกลี่ยขึ้นมาว่าเป็นนโยบายของศาล ตนก็บอกทนายความไปว่า จำเลยต้องยอมรับว่าสิ่งที่พูดกล่าวหาหมิ่นประมาทตนทั้งหมดเป็นเท็จ และต้องประกาศข้อเท็จจริงในหน้าหนังสือพิมพ์ พร้อมเงื่อนไขว่าจะไม่มีการทำเช่นอีก เพราะจะไปบอกว่าไม่ร่วมมือกับศาลไม่ได้ ในส่วนของนายจตุพรก็เข้าใจว่า มาเสนอว่าจะขอถอนคำพูดในทำนองนั้น ปรากฏว่าศาลได้สั่งว่า ขอให้ตนไปด้วยตัวเองในการนัดสืบพยานครั้งต่อไปในเดือน มี.ค .ฉะนั้น เมื่อตนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ต้องปฏิบัติ แต่ยังไม่มีการตกลง เพราะเป็นสิทธิ์ของตน สุดท้ายว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่ยืนยันว่าจะให้เปลี่ยนจุดยืนนั้น ไม่มีแน่ จะให้ไปซูเอี๋ยทำไม ยืนยันว่าขณะนี้มันยังไม่มีการตกลงส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องให้ประธานสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายอภิสิทธิ์นั้น นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า คำสั่งที่อ้างว่าตนขาดคุณสมบัตินั้น เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบโดยกฎหมาย และตนได้ฟ้องศาลปกครองไปแล้ว ฉะนั้น เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องไปจบที่ศาลอยู่แล้ว ทั้งศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ และตนก็ไม่ได้กังวลใดๆ ในเรื่องนี้ ให้เป็นไปตามกระบวนการพร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ได้เสนอเป็นรูปธรรมไปนานแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสนับสนุนให้มีการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ที่กระทำความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่รวมกับผู้ที่ทำผิดคดีอาญาและคดีทุจริต ที่สำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะเข้าเป็นแม่งานในเรื่องนี้ แต่อยู่ที่ความจริงใจว่า จะเอาจุดร่วมที่เป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดองมาใช้หรือไม่ ถ้ายึดผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่มก็ไม่จบ เพราะหากรัฐบาลยังมีแนวคิดว่าการปรองดองจะเริ่มต้นได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องพ้นผิดด้วย ก็จะทำให้เริ่มต้นไม่ได้ จึงเห็นว่าควรจะช่วยกันหาทางออกให้กับจุดที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้ คือ รัฐบาลถอนกฎหมายปรองดอง 4 ฉบับ ที่ค้างอยู่ในสภาฯ ออกไป จากนั้นมาหารือกันจะให้สภาฯ หรือใครเป็นเจ้าภาพ และกำหนดให้ชัดว่า จะนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่านั้น แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับในเรื่องนี้ จึงขึ้นอยู่กับว่านายกรัฐมนตรีจะเห็นแก่ชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดีในเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือยังเห็นแก่พี่ชาย เพราะถ้าเห็นแก่ชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดี หรือผู้ชุมนุมในกรณีฝ่าฝืนการห้าม ชุมนุมก็มาแก้ตรงนี้ทุกอย่างก็จบ.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive