Sunday, February 10, 2013

3 ทรชนขืนใจ ด.ญ.14 ป่วยโรคร้าย ร้องปวีณาช่วย

3 ทรชนขืนใจ ด.ญ.14 ป่วยโรคร้าย ร้องปวีณาช่วย
แม่พาลูกวัย 14 ปี ป่วยโรคร้าย ร้องมูลนิธิปวีณาโดน 3 ทรชนข่มขืน ที่ขอนแก่น เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด ล่าสุด ทราบเบาะแสว่าหนีมากรุงเทพฯ ขณะที่อีกราย แม่พาลูกเข้าขอบคุณมูลนิธิฯ หลังช่วยพ้นซ่องแอฟริกาใต้...วันที่ 10 ก.พ.56 ที่สำนักงานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เลขที่ 84/14 หมู่ 2 ถ.รังสิต-นครนายก(คลอง7) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางหวาน (นามสมมติ) อายุ 47 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย ด.ญ.แพรว (นามสมมติ) อายุ 14 ปี บุตรสาว เดินทางเข้าพบนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อนำหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น คดีร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงและเด็กหญิงนั้นไม่ยินยอม เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น มามอบให้กับมูลนิธิปวีณา เพื่อช่วยประสานงานติดตามจับกุมตัวคนร้ายนางหวาน กล่าวว่า ตนเองและสามีแยกทางกันตั้งแต่บุตรสาวมีอายุเพียง 2 เดือนเศษ เนื่องจากสามีหนีไปมีภรรยาใหม่ ตนจึงเลี้ยงลูกมาตามลำพัง จนกระทั่งลูกมีอายุได้ 2 ขวบ เริ่มมีอาการเจ็บป่วยบ่อยครั้ง จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลชุมแพ จึงทำให้ทราบว่าที่ลูกป่วยบ่อยเพราะติดโรคร้าย จึงตัดสินใจให้หมอตรวจเลือดของตนด้วย ก็พบว่า ตนเองก็ติดเชื้อเช่นเดียวกัน หมอวินิจฉัยว่าลูกน่าจะติดเชื้อมาจากตนเอง เนื่องจากตนให้ลูกกินนมแม่ตั้งแต่คลอดออกมา หลังจากนั้นตนและบุตรสาวก็ได้เข้ารับการรักษาโดยการทานยาต้านเชื้อไวรัสเรื่อยมาจนกระทั่งปลายเดือนมกราคม 2556 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น. ได้มี น.ส.เก๋ อายุ 16 ปี เพื่อนของบุตรสาว โทรศัพท์มาชักชวนให้บุตรสาวเดินไปหาที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของตนประมาณ 200 เมตร โดย น.ส.เก๋ อ้างว่าแม่ไม่อยู่บ้านขอให้มาอยู่เป็นเพื่อน บุตรสาวตนเห็นว่าเป็นเพื่อนแถวบ้านจึงหลงเชื่อและเดินไปหา น.ส.เก๋ ที่บ้าน เมื่อไปถึงบ้านของ น.ส.เก๋ สักพักได้มี นายยุรนันท์ หรือโจ้ เจ๊กน้อย อายุ 28 ปี , นายเลิศชัย หรือต่าย โกมลวาทิน อายุ 30 ปี ตามมาสบทบในสภาพคล้ายคนเมาสุรา บุตรสาวตนจึงถาม น.ส.เก๋ ว่าพวกนี้เขามาทำไม น.ส.เก๋ ตอบว่าชวนมาอยู่เป็นเพื่อน เมื่อบุตรสาวตนเห็นว่ามีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว จึงขอตัวกลับบ้าน แต่ น.ส.เก๋ ไม่ยอมให้กลับบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันไปก่อน จากนั้นได้ได้มี นายนิกร หรือจุ้ย ศรีสวัสดิ์ อายุ 26 ปี เดินถือขวดเหล้าตามมาสมทบอีกคนหนึ่ง บุตรสาวจึงเดินออกมาจากบ้านของ น.ส.เก๋ เพื่อจะกลับบ้าน ขณะนั้นผู้ชายทั้ง 3 คนได้เดินตามออกมาและฉุดกระชากบุตรสาวเข้าไปที่กองฟางซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง ข่มขู่ไม่ให้ร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นนายจุ้ย ได้เข้ามาจับบุตรสาวตนถอดเสื้อผ้า บุตรสาวจึงได้ร้องขอไปว่าตัวเองติดโรคร้าย อย่าทำอะไรเลย แต่ก็ไม่เป็นผล นายโจ้ และ นายต่าย ได้ลงมือข่มขืนบุตรสาวตนโดยไม่สวมถุงยางอนามัย มีเพียงนายจุ้ย ที่ใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของตนเท่านั้น ขณะเกิดเหตุตนได้ขอให้ น.ส.เก๋ ช่วยเหลือ แต่ น.ส.เก๋ ยืนดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ยอมให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด ภายหลังจากเกิดเรื่อง บุตรสาวได้มาเล่าให้ตนเองฟัง ตนจึงพาเข้าแจ้งความที่ สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น โดยมี พ.ต.ท.สุฒิ โชคนาฮี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ เป็นเจ้าของคดี แต่เนื่องจากตนเองกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและเกรงกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงได้ตัดสินใจพาบุตรสาวเข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาฯ ดังกล่าว ภายหลังรับแจ้ง นางปวีณา ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.จิรวัฒน์ คงกระพัน ผกก.สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ขอให้เร่งสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยผู้เสียหายได้นำรูปคนร้ายพร้อมหมายจับมาให้สื่อมวลชนช่วยกันเผยแพร่ เพราะทราบจากแหล่งข่าวว่าคนร้ายทั้งสามได้หลบหนีเข้ามาอยู่ใน กทม. หากพบเบาะแสผู้กระทำผิดหรือทราบที่อยู่ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือมูลนิธิปวีณาฯ ได้ทันที ที่หมายเลข 08-1814-0244 ทางด้าน นางปวีณา กล่าวว่า จะเดินทางไปเยี่ยมบ้านของผู้เสียหายพร้อมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อหาทางช่วยเหลือ 2 แม่ลูก เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างยากจนมาก พร้อมกันนี้นางปวีณา ได้ประสานไปยัง อธิบดีกรมคุ้มครอบสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรับเงิน ในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญาด้วย หากพี่น้องประชาชนท่านใดอยากจะช่วยเหลือ 2 แม่ลูก สามารถร่วมบริจาคได้ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี โทร.08-1814-0244อีกหนึ่งกรณี นางสาวครีม (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ผู้เสียหายที่ถูกล่อลวงไปค้าประเวณีที่แอฟริกาใต้  ได้เดินทางพร้อมนางประไพ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี มารดา เข้าขอบคุณนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ หลังจากที่นางปวีณาได้ช่วยประสานกรมการกงสุลจนช่วยเหลือกลับมาได้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมานางประไพ  ชาวจังหวัดลพบุรี อาชีพทำไร่ ได้เข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาฯ ว่า ลูกสาวชื่อ น้องครีม อายุ 20 ปี ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่แอฟริกาใต้ โดยเดินทางไปเมื่อวันที่ 26 ม.ค.56 อยากให้ นางปวีณา ช่วยพากลับบ้านด้วย โดยก่อนหน้านี้ลูกสาวทำงานเป็นสาวเสิร์ฟอยู่พัทยา โทร.มาหาบอกว่ากำลังจะเดินทางไปแอฟริกาใต้กับเพื่อนรุ่นพี่ ไม่ต้องห่วง เมื่อไปถึงจะมีคนมารับ จากนั้นอีก 2 วันต่อมา ลูกสาวโทร.มาหาบอกว่า ไปถึงแล้วถูกบังคับให้ขายตัว แต่ไม่อยากทำอยากกลับบ้าน ตนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือเมื่อรับเรื่องไว้แล้วนางปวีณาได้เร่งประสานกับนายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุลอย่างเร่งด่วน จากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้พานางประไพ ไปพบผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุลเพื่อให้ข้อมูลเพื่อดำเนินการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุดต่อมาวันที่ 7 ก.พ. นางสาวครีมที่ถูกหลอกค้าประเวณีที่แอฟริกาใต้ได้รับการช่วยเหลือและเดินทางกลับประเทศไทย ด้วยเที่ยวบิน ทีจี 992 โจฮาย-กรุงเทพฯ หลังจากที่เดินทางกลับถึงบ้านเกิดได้ขอเข้าพบ นางปวีณา ประธานมูลนิธิฯ เพื่อขอบคุณที่ช่วยดำเนินการช่วยเหลือจนได้กลับบ้านนางสาวครีม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ที่พัทยาและได้รู้จักกับนางมีนา อายุประมาณ 26 ปี ซึ่งเพื่อนเป็นคนแนะนำให้รู้จักอีกที ชักชวนให้ไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ประเทศแอฟริกาใต้ โดยจะได้ค่าตอบเดือนละ 5-6 หมื่นบาทต่อเดือน และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเลย จึงตกลงใจเดินทางไป แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี ซึ่งตนไม่อยากทำ อยากจะกลับบ้าน แต่ทางแม่ดา (ชาวจีนผู้ที่คอยดูแล) บอกว่าจะต้องหาเงินจำนวน 2 แสน 8 หมื่นมาให้เพื่อเป็นการไถ่ โดยอ้างว้าเป็นค่าตั๋วเครื่องบินและค่าจัดการในการเดินทางมาทำงาน ตนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เมื่อมีโอกาสจึงแอบโทรศัพท์ติดต่อกับแม่เพื่อขอให้ช่วยเหลือโดยด่วน ขณะที่อยู่ที่นั่นถูกบังคับให้อยู่ในห้องแคบๆ เหมือนห้องเก็บของ และต้องคอยทำงานบ้าน หุงข้าว กวาด ถู ต่างๆ ถือว่าลำบากมาก บางวันก็ไม่ได้กินข้าวเลย หรืออาจจะได้กินมื้อเดียว บางทีก็มีแค่ไข่ 2 ใบโดยให้ไปทำกินเอง ชีวิตนี้ไม่คิดจะไปอีกแล้ว อยู่บ้านเราและหางานทำดีกว่าถึงแม้ว่าจะได้เงินไม่มากก็ตาม บางครั้งคนที่เข้ามาหลอกลวงเราก็จะสร้างฝันให้เห็นว่าเป็นงานสบาย ได้เงินเยอะ แต่จริงๆ แล้วไม่ต่างกับนรกนางปวีณา กล่าวว่า ทุกวันนี้ยังมีหญิงไทยอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ต่างแดนและต้องทนทุกข์ทรมาน อยากจะประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนร่วมกันรณรงค์  เพื่อให้สังคมรับรู้ว่ามีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริง.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive