รัฐสภา ไฟเขียว ไทยเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ในการค้าการลงทุนในตลาดอียู...วันนี้ (2 ก.พ.56) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค.56 ที่ประชุมร่วมของรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยสามัญนิติบัญญัติ ได้อนุมัติเห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (อียู) ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งจะมีผลให้คณะเจรจาของไทย สามารถประกาศและเริ่มการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับอียู ได้ โดยทางกระทรวงพาณิชย์ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุผลการเจรจาโดยเร็ว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในการค้าการลงทุนในตลาดอียู และตลาดระหว่างประเทศในภาพรวม“เอฟทีเอ ดังกล่าวจะช่วยลดผลกระทบ จากการที่อียูตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ที่ให้กับสินค้าไทยในวันที่ 1 ม.ค.58 เพราะการจัดทำเอฟทีเอจะเป็นการลดภาษีศุลกากรให้สินค้าส่งออกของไทยอย่างถาวร ซึ่งจะช่วยไม่ให้ไทยสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขัน ป้องกันไม่ให้ยุโรปย้ายฐานการลงทุน ไปยังเวียดนามแล้ว ยังจะช่วยทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของสหภาพยุโรปในอาเซียนอีกด้วย”อย่างไรก็ตาม ในการเจรจา มีทั้งผู้ได้ประโยชน์และผู้ได้รับผลกระทบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับตัวเพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ ด้วย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ มีกองทุนเพื่อการปรับตัวรองรับการค้าเสรี (กองทุนเอฟทีเอ) เป็นกลไกให้ความช่วยเหลือภาคเอกชน ที่อาจได้รับผลกระทบอยู่แล้ว อีกทั้งยังจัดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน มาตั้งแต่ปี 53 จนถึงปัจจุบัน ประมาณ 60 ครั้งทั่วประเทศ มีผู้เข้าร่วมกว่า 5,000 คน ทำให้ได้รับทราบถึงข้อกังวลและข้อห่วงใยจากฝ่ายต่างๆ มากพอสมควร ซึ่งจะช่วยให้การเจรจา ต้องมีความรอบคอบระมัดระวัง เพื่อให้ได้ผลการเจรจาที่เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวมต่อประเทศและประชาชน.
No comments:
Post a Comment