Friday, May 14, 2010

สาทิตย์จวกแม้วเห็นแก่ตัวเอาคนเป็นเครื่องมือ

สาทิตย์จวกแม้วเห็นแก่ตัวเอาคนเป็นเครื่องมือ



คมชัดลึก :สาทิตย์ จวก ทักษิณ เห็นแก่อ้าง 4 ข้อเรียกร้องสร้างภาพ และนิยมความรุนแรง กษิต ส่งหนังสือถึง รมว.ต่างประเทศ ทั่วโลก แจงม็อบใช้ความรุนแรงเพื่อต้องการโค่นล้มอำนาจรัฐ สุเทพ กำชับผู้ปฏิบัติให้ระวังแกนนำปรับแผนเกณฑ์มวลชนปิดล้อมเจ้าหน้าที่ มั่นใจดูแลสถานการณ์ได้






(15พ.ค.) กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) เวลา 10.00 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมน ตรี พร้อมด้วย นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศอฉ. เมื่อเวลา 09.00 น. โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ว่า สถานการณ์ที่ผ่านมาเป็นสถานการณ์ที่มีความรุนแรงต่อเนื่อง มีมวลชนใช้อาวุธแสดงให้เห็นว่ามีการฝึกฝนมาอย่างดีเข้ามาโจมเจ้าหน้าที่ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ได้มาถึงจุดที่สอดคล้องที่แกนนำของ นปช.ได้เคยประกาศว่าจะทำสงครามประชาชนหรือสงครามกลางเมือง รวมถึงการปลุกระดมใช้ข้อมูลข่าวสารบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
 นายสาทิตย์ ยังกล่าวอีกว่า การใช้อาวุธโจมตีเจ้าหน้าที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับที่แกนนำ นปช.ดำเนินการอยู่ คือการส่งหนังสือไปต่างประเทศหรือการอ้างว่ามีการส่งหนังสือผ่านประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรที่เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมีเนื้อหาว่ารัฐบาลใช้กำลังเจ้าหน้าที่ไปจัดการกับมวลชนมือเปล่า ซึ่งเป็นข้อความที่เป็นเท็จ และตรงข้ามกับข้อเท็จจริง ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นการกระชับวงล้อม และสกัดกั้นการเดิมคน แต่กลับถูกกำลังของ นปช.ที่ใช้อาวุธหนักโจมตี ถือเป็นกองกำลังอาวุธหนักมากที่สุดนับจากสงครามคอมมิวนิสต์ ซึ่งจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องทำความเข้าใจกับต่างประเทศ ทั้งนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์นี้มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม รมว.ต่างประเทศ ได้รายงานในที่ประชุม ศอฉ. ว่าได้มีการดำเนินการส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลก เพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึงสถานทูตต่างๆ ที่อยู่ในประเทศไทย และสื่อต่างประเทศ การดำเนินการของ นปช. ต้องการสร้างความรุนแรงและต้องการโค่นล้มอำนาจรัฐ ซึ่งทั้งหมดเป็นความเห็นแก่ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำ ที่ปลุกระดมมวลชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการต่อสู้
 นายสาทิตย์ กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าข้อต่อรองของแกนนำในช่วงที่มีการเจรจาตามแผนปรองดอง ไม่ใช่เป็นข้อเรียกร้องเพื่อมวลชน แต่เป็นข้อเรียกร้องส่วนตนทั้งสิ้น เช่น การต่อรองเรื่องการดำเนินคดี การขอประกันตัว เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองก็ล้มแผนการเจรจาปรองดอง ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่ผูกพันกับการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำ อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้อง 4 ข้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมกับการชี้นำให้แกนนำ และมวลชนตัดสินอยู่ทั้งสิ้น คือ 1.การเรียกร้องเจ้าหน้าที่หยุดการใช้กำลังใช้อาวุธ ซึ่งความจริงแล้วได้มีการใช้แกนนำหัวรุนแรงปลุกระดมให้มวลชนใช้อาวุธไปโจมตีเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องตอบโต้เพื่อรักษาชีวิต และให้สามารถดำเนินการได้ 2.ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สามารถยกเลิกได้ทันที ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม และให้มวลชนเดินทางกลับบ้าน 3.ให้มีการเจรจา ซึ่งรัฐบาลเป็นฝ่ายตอบรับการเจรจามาแล้ว แต่ทางแกนนำกลับเป็นผู้ล้มโต๊ะการเจรจาเสียเอง 4.ขอให้มีการเจรจาปรองดองที่แท้จริง เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีก็เป็นผู้เสนอแผนปรองดอง ก่อนหน้านี้แกนนำมีท่าทีตอบรับ แต่เมื่อต่อรองเรื่องการดำเนินคดีไม่ได้ก็ล้มการปรองดอง จึงเห็นได้ว่าข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ เป็นการเรียกร้องแบบการสร้างภาพเพื่อสนับสนุนแนวทางการใช้ความรุนแรงของมวลชน
 เมื่อถามว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ลาออกจากหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และหันมาเดินเกมในการเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของทางพรรคการเมืองใหม่ และ พธม.ที่สามารถดำเนินการได้ และไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ยังไม่มีสัญญาณว่า พธม.จะมาออกมาซ้ำเติมสถานการณ์ ในส่วนของต่างจังหวัดก็มีการจัดเวทีคู่ขนานกับทาง กทม. ในพื้นที่ประมาณ 26 จังหวัด แต่มวลชนที่เข้าร่วมน้อย ซึ่งทาง ศอฉ.ไม่ได้กังวล แต่ที่ห่วงคือการปลุกระดม คือผ่านทางเครือข่ายต่างๆ ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องไปเข้มงวดกวดขัน ส่วนที่ข่าวลือการลอบสังหาร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และใช้อาวุธสงครามเอ็ม 79 ยิงถล่มใส่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์นั้น เป็นการพยายามสร้างข่าวให้เกิดความวุ่นวายตลอดเวลา ทั้งนี้เหตุการณ์ที่ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ก็ปกติ และนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ ก็ยังติดตามสถานการณ์ร่วมกับ ผบ.ทบ. และเมื่อเช้าก็ได้มีการพูดคุยกันทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ ทั้งนี้เป้าหมายของรัฐบาลคือการคืนปกติสุขให้กับสังคม
 เมื่อถามว่า เวลายุติการชุมนุมแกนนำมักจะหนีออกนอกประเทศ ทาง ศอฉ.มีมาตรการดูแลเรื่องนี้อย่างไร นายสาธิต กล่าวว่า ทาง ศอฉ. มีแผนปฏิบัติการอยู่แล้ว และอยากเรียนถึงกลุ่มผู้ชุมนุมว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งตัวแกนนำเองจะแสดงให้เห็นว่าเป็นการต่อรองเพื่อตัวเอง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดแกนนำจะหนีไปก่อนและทิ้งมวลชน แกนนำเป็นคนเห็นแก่ตัว ทั้งนี้หากมวลชนคนเสื้อแดงเดินทางกลับแผนปรองดองของนายกรัฐมนตรีก็จะดำเนินการต่อ
 ด้านนายปณิธาน กกล่าวว่า ในที่ประชุม ศอฉ. นายสุเทพ ได้ให้แนวทางกับเจ้าหน้าที่ในการปรับขั้นตอนกระบวนการในการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นขึ้น ระมัดระวังการโอบล้อม และการระดมมวลชนเพื่อโจมดี และกดดันเจ้าหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ พลเรือน ช่วยกันระมัดระวังเรื่องการระดมมวลชนในจุดต่างๆ เพื่อเข้ามาโอบล้อมเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ศอฉ.ยืนยันว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทาง ศอฉ.สามารถควบคุมได้ และคลี่คลายไปในบางจุด








ข่าวที่เกี่ยวข้องเสื้อแดง-ทหารตึงเครียดหน้าเวทีลุมพินี หมอแจง"เสธ.แดง"อาการคงที่-สมองบวมมอนเตเนโกรห้าม"แม้ว"ใช้ประเทศป่วนไทย เหวงวอนสื่อเข้าทำข่าวหลังเวที่กลุ่มเสื้อแดง สหรัฐฯเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในไทยอดกลั้น

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive