
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมชี้แจงปมประมูงสร้างโรงพักฉาว ให้เจ้าตัวตัดสินใจจะฟ้องกลับดีเอส อีกหรือไม่ ชี้รวบ กำนันเป๊าะ ตัวอย่างการบังคับใช้กฎหมาย... นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจกองปราบปราม สามารถจับกุมตัว นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ว่า เป็นตัวอย่างที่ดีในการบังคับใช้กฎหมาย และเป็นตัวอย่างสำหรับการดำเนินคดีกับบุคคลอื่น ที่ถูกตัดสินแล้ว รวมถึงกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วย ถือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่จะทำให้สังคมยอมรับว่าประเทศไทย พยายามบังคับใช้กฎหมายจริงจัง เจ้าหน้าที่จึงมีหน้าที่ ต้องดำเนินการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เคยระบุว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับมาจะไปรับด้วยตัวเอง จะเป็นสัญญาณว่ากฎหมาย จะไม่ถูกบังคับใช้หรือไม่นั้น ว่า ส่วนตัวเห็นว่า หากไปรับเพื่อนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปส่งคุก ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะสิ่งแรกที่ต้องทำหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทยคือ การไปรับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาก่อน และจะเป็นจุดเริ่มต้นว่าทุกฝ่ายยอมรับกฎหมาย ส่วนหลังจากนั้นจะมีกระบวนการอะไรตามกฎหมายก็ว่ากันไป“มาร์ค” ยัน “เทือก” พร้อมแจงกรณีโรงพักตอม่อผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะดำเนินคดีกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ เกี่ยวกับการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งได้สอบถามนายสุเทพ ก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะชี้แจงทุกอย่าง และในวันนี้ก็มีการถามกระทู้ของรัฐบาลในสภาฯ ด้วย ส่วนนายสุเทพ จะมีการฟ้องกลับดีเอสไอเหมือนกับที่ได้ฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ อธิบดีดีเอสไอและพวกไปก่อนหน้านี้ ในคดีที่ตั้งข้อหาตนและนายสุเทพว่าร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลหรือไม่นั้น คงต้องถามนายสุเทพว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง สำหรับความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพัก ที่หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นนั้น ตนเห็นว่า ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้เคยอภิปรายในสภาฯ และปัญหาก็อยู่ในมือของรัฐบาลชุดนี้ มานานถึงเกือบหนึ่งปีครึ่งแล้ว จึงไม่ทราบว่า เรื่องที่ร้องเรียนมามีปัญหาตรงไหน อย่างไร แต่นายสุเทพยืนยันว่า พร้อมพิสูจน์ความจริงทุกอย่าง และได้สอบถามผู้ปฏิบัติเกี่ยวการกล่าวหาว่ามีการรวมศูนย์อำนาจมาไว้ที่รองนายกรัฐมนตรีนั้นก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องปกติห่วงทุนนอกไหลเข้า ทำเกิดฟองสบู่ เตือนรัฐอย่าแทรกแซง ธปท. พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องว่า ทางการต้องดูไม่ให้เกิดความผันผวนมากจนเกินไป พร้อมดูแลเงินต่างประเทศที่ไหลเข้ามา ต้องดูแลไม่ให้เกิดฟองสบู่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีมาตรการในการดูแล ส่วนความเห็นที่ขัดแย้งกันระหว่าง นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธาน ธปท. กับนายประสาน ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. เกี่ยวกับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่นายวีรพงษ์เห็นว่า ควรกดดอกเบี้ยลงต่ำเพื่อป้องกันเงินทุนไหลเข้า แต่นายประสาน มองว่า ไม่ใช่แนวทางในการแก้ปัญหานั้น ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องของคณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะต้องพิจารณา ที่มีหลักเกณฑ์โดยยึดเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นหลักอยู่แล้ว ทั้งนี้ ยังเห็นว่าการจะใช้เรื่องดอกเบี้ย มาแก้ปัญหาต้องมองอย่างสมดุลด้วย คือ ถ้าเห็นว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะต้องลดแรงกดดันเงินเฟ้อ ก็ต้องขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้น แต่การขยับขึ้นจะมีผลต่อเรื่องเงินทุนไหลเข้า เพราะฉะนั้น ก็ต้องดูให้เกิดความพอดี โดยอย่าให้เป็นเรื่องการเมือง ขอให้เป็นเรื่องทางเทคนิคว่าจะควบคุมเงินเฟ้อ กับการไหลเข้าของเงินต่างประเทศอย่างไร แต่ต้องไม่ใช่ทำเพื่อหวังประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปใช้ในทางการเมือง ส่วนความกังวลเกี่ยวกับการเก็งกำไรค่าเงินบาทนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยไม่ได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ตายตัว ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่ควรเอาตัวเองไปอยู่ในสถานะที่เหมือนกับต้องไปต่อสู้กับใคร โดยเห็นว่าหากรัฐบาลดูแลเงินทุน ที่เข้ามาไม่ให้เป็นฟองสบู่ได้ก็จะไม่เกิดปัญหากับเศรษฐกิจไทย และมีความเชื่อมั่นในบุคลากรของธนาคารแห่งประเทศไทย ในการดูแลโดยการเมืองอย่าเข้าไปแทรกแซง และธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่.