Saturday, March 20, 2010

จับนช.อดีตเสี่ย แหกคุกศาล ผู้ต้องหาพาหนี

จับนช.อดีตเสี่ย แหกคุกศาล ผู้ต้องหาพาหนี

ตร.อุดรธานี ตามรวบตัว นช.อดีตเสี่ยบริษัทจัดหางาน ฉ้อโกงประชาชน หลบหนีขณะเจ้าหน้าที่เรือนจำพามาขึ้นศาล โดยนัดกับผู้้ต้องหาคดีลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างประกันตัว พาหนี สุดท้ายหนีไม่รอดทั้งตามจับได้ทั้งคู่..เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 20 ก.พ. ที่หน้าชุดป้องกันปราบปราม สภ.เมืองอุดรธานี พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบก. พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ ผกก.สส.1 บก.สส ภ.4 พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.กลุ่มงาน สืบสวน ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.กริช ปัตลา รอง ผกก.ปป.สภ.เมือง อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นช.กิตติศักดิ์ ทรัพย์ปรีชานนท์ หรือ วิชาญ โง่นคำ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/8 หมู่ 7 บ้านเก่าน้อย ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน และจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหลบหนีขณะเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี ควบคุมตัวไปศาลจังหวัดอุดรธานี และนายมานิตย์ หิริโกกุล อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.6 บ้านดอนหาด ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการประกันตัวชั้นศาล พร้อมของกลางรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บยข – 6192 อุดรธานี รถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สแต๊ป สีดำขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เลื่อยตัดเหล็ก 1 ใบ โซ่ตรวนขา โทรศัพท์มือถือไอโมบาย 1 เครื่อง สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา16.30 น.วันที่ 19 ก.พ. ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมือง อุดรธานี ได้รับแจ้งทางวิทยุจากตำรวจประจำศาลแขวงจังหวัดอุดรธานี ว่า นช.กิตติศักดิ์  ได้วิ่งหลบหนีออกจากศาล ขณะกำลังควบคุมตัวไปขึ้นรถยนต์ เพื่อเดินทางกลับไปยังเรือนจำกลางอุดรธานี โดยมีผู้ช่วยเหลือในการหลบหนี เป็นชายวัยรุ่นติดเครื่องรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบยี่ห้อ สีดำขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มารอรับอยู่หน้าวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี ถนนวัฒนานุวงศ์ ห่างจากประตูศาลประมาณ 100 เมตร ขี่หลบหนีไปทางถนนเบญจางค์ 2 เจ้าหน้าที่ได้วิ่งไล่ติดตามแต่ไม่ทัน หลังจากได้รับแจ้ง ตำรวจได้กระจายกำลังออกติดตามแต่ไม่พบ จึงนำภาพกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งอยู่บริเวณห้องขังศาลแขวงจังหวัดอุดรธานี ที่ใช้ควบคุมผู้ต้องหาของศาลมาตรวจสอบ จากกล้องวงจรปิดเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าชายวัยรุ่นดังกล่าว คือ นายมานิตย์ หิริโกกุล อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ที่ได้รับการประกันตัวในชั้นศาล เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มาเยี่ยมนายกิตติศักดิ์ ในช่วงเช้าก่อนจะเกิดเหตุ จึงออกติดตามสืบสวน ต่อมาเวลา 21.00 น.วันที่ 19 ก.พ.  พ.ต.ท.ปริญญา หาพรหม สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังจับกุมนายมานิตย์ ได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ในซอยโพธิ์ทอง เขตเทศบาลนครอุดรธานี พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ซูซูกิ สแต๊ป สีดำขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เสื้อแขนยาวสีดำ หมวกกันน๊อคสีน้ำเงินคาดเทา และโทรศัพท์มือถือไอโมบาย 1 เครื่อง ควบคุมตัวไปสอบสวน นายมานิตย์ รับสารภาพว่า เคยติดคุกมาแล้ว 3 ครั้ง ในข้อหาลักทรัพย์ และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งอยู่ในระหว่างประกันตัวชั้นศาล ในข้อหาเดียวกัน โดยรู้จักกับ นายกิตติศักดิ์ ขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางอุดรธานี ได้เสนอจะช่วยเหลือเงินจำนวน 180,000 บาท เป็นค่าประกันตัวของตนชั่วคราว เพื่อแลกกับให้ตนช่วยเหลือในการหลบหนี และจะให้เงินอีก 100,000 บาท เป็นค่าตอบแทนในการช่วยเหลือครั้งนี้ นายมานิตย์ กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับการประกันตัว เมื่อวันที่ 18 ก.พ. พอเช้าวันที่ 19 ก.พ. ได้มาเยี่ยม นายกิตติศักดิ์ ที่ห้องคุมขังภายในศาลแขวง พร้อมกับให้เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ เพื่อใช้ติดต่อและวางแผนหลบหนี จนกระทั่งเวลา 15.30 น. ได้ไปยืมรถจักรยานยนต์ของเพื่อน มารอรับ นายกิตติศักดิ์ ตามที่ได้นัดหมาย จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. นายกิตติศักดิ์ ได้วิ่งออกมาหา โดยที่มือด้านซ้ายกำโซ่ตรวนเอาไว้ และเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย วิ่งไล่ตามมาติดๆ นายกิตติศักดิ์ได้กระโดดขึ้นซ้อนท้าย และบอกให้ตนขี่หลบหนี เข้าไปในซอยเบญจางค์ 2 ซึ่งอยู่ห่างจากศาลประมาณ 500 เมตร เพื่อไปขึ้นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบอรนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่จอดอยู่กลางซอย ก่อนหลบหนีไป เมื่อตนกลับมานอนอยู่ที่บ้านเช่า ก็มาถูกตำรวจจับกุมดังกล่าว ต่อมาเวลา 05.00 น. วันที่ 20 ก.พ.  พ.ต.ท.กริช ปัตลา รอง ผกก.ปป.สภ.เมือง อุดรธานี นำกำลังตำรวจตั้งด่านสกัดบริเวณสะพานบ้านนาทราย ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานีเพื่อสกัดเส้นทางที่ใช้หลบหนีไป จ.หนองคาย พบนายกิตติศักดิ์ ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่ได้รับรายงาน จึงควบคุมตัวเอาไว้ รับสารภาพว่าเคยเป็นเจ้าของบริษัท เค เอส เค ดิวิล๊อปเมนท์ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น จำกัด จัดส่งแรงงานไปต่างประเทศ และเป็นเจ้าของโรงแรมกรุงเทพวีไอพี ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ต้นปี 2551 ถูกจับในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ประมาณ 30 กว่าคดี สามารถไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายไปแล้วบางส่วน นายกิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขออนุญาตศาลออกมาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายที่เหลือ 3 วัน คือวันที่ 17 -19 ก.พ.  โดยขออนุญาตใช้โทรศัพท์ในการไกล่เกลี่ย ซึ่งศาลก็อนุญาต ตนไม่คิดหลบหนีออกนอกประเทศ แต่อยากออกมาเพื่อขายโรงแรม และทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อนำไปไกล่เกลี่ยผู้เสียหาย หลังขับรถยนต์ออกมา ตนไปหลบอยู่ที่วัดบ้านบ่อน้ำ ใช้เลื่อยตะไบที่ซ่อนอยู่ในรถ เลี่อยตัดโซ่ตรวนออก นอนรอจนรุ่งสรางจึงขับรถออกไป ก็มาถูกตำรวจจับ ซึ่งไม่มีใครเกี่ยวข้องช่วยเหลือตน นอกจากนายมานิตย์เท่านั้น พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม ผบก.ภ.จ.อุดรธานี กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ ใช้เวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง ถือเป็นการประสานงานกันเยี่ยมของตำรวจ ส่วนจะมีผู้อื่นที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่นั้น จะต้องสอบสวนขยายผล เพื่อหาตัวผู้ร่วมกระทำผิดกันต่อไป สำหรับนายกิตติศักดิ์ ทรัพย์ปรีชานนท์ อายุ 46 ปี ชื่อเดิม วิชาญ เคนเต้า ทำธุรกิจจัดหางาน แต่แรงงานส่วนมากถูกหลอก เมื่อมาแจ้งตำรวจนายกิตติศักดิ์ ก็จะมาไกล่เกลี่ยผู้เสียหาย โดยเสนอจ่ายเงินคืนครึ่งเดียว ผู้เสียหายส่วนมากยอมรับเงินคืน และรอดจากการถูกดำเนินคดีมาตลอด จนสามารถสร้างโรงแรมกรุงเทพวีไอพี ในตัวเมืองอุดรธานี ควบคู่ไปกับการจัดหางาน จนเมื่อปี 2551 ถูกตำรวจจับ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และจัดหางานไม่ได้รับอนุญาต มากกว่า 30 คดี ศาลพิพากษาไปแล้ว 3 คดี ติดคุกคดีละ 3 ปี รวมเป็น 9 ปี ซึ่งติดคุกมาแล้ว 1 ปี 6 เดือน 5 วัน เหลือคดีอยู่ในการพิจารณาอีกประมาณ 20 คดี จึงขออนุญาตศาลออกมาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย 3 วัน โดยขอใช้โทรศัพท์ในการติดต่อ วันสุดท้ายได้นัดแนะกับนายมานิตย์ ให้พาหลบหนีดังกล่าว.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive