Wednesday, March 31, 2010

ปทีปตั้งทีมสืบสวน40นายคลี่คลายบึ้มป่วนเมือง

ปทีปตั้งทีมสืบสวน40นายคลี่คลายบึ้มป่วนเมือง



คมชัดลึก :ปทีปตั้งคณะพนักงานสืบสวนกว่า 40 นายคลี่คลายคดีระเบิดทั่วประเทศ มอบภาณุพงศ์เป็นหัวหน้า ระบุตำรวจทำงานเต็มที่แล้วในการป้องกันเหตุระเบิด แต่ไม่สามารถอยู่ประจำทุกตารางนิ้วในกทม. นครบาลแถลงปรับแผนรับม็อบเสื้อแดง






ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)  วันที่ 31 มีนาคม พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 184/2553 ลงวันที่ 30 มีนาคม เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนคลี่คลาย คดีที่คนร้ายใช้เครื่องยิงระเบิด วัตถุระเบิด ตลอดจนอาวุธสงคราม ยิงใส่และขว้างปา สถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ ธนาคาร และบ้านพักบุคคลสำคัญ ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย มุ่งหวังให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ตั้งแต่ช่วงวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2553 เป็นต้นมา
 โดยมี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร. พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. เป็นที่ปรึกษา มีคณะพนักงานสืบสวนประกอบด้วย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา สบ.10 เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวน ผบช.ก. ผบช.น. ผบช.ส.ผบช.สพฐ.ตร. ผบช.ภ.1-9 รองผบช.ภ.1-9 ที่รับผิดชอบงานสืบสวน เป็นพนักงานสืบสวน นอกจากนั้นยังมีมือสืบสวนจากกองบัญชาการต่างๆ อีก 29 นาย เป็นพนักงานสืบสวน
 อาทิ กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีรองผบช.น.รับผิดชอบงานสืบสวน ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงศ์แป้น รองผบก.สส.บช.น.พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี ผกก. 1 บก.สส.บช.น.พ.ต.อ.วรชิต กาญจณะเสน ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ. พ.ต.ท.กำธร อุ๋ยเจริญ รองผกก.กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ.เป็นพนักงานสืบสวน เป็นต้น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีพล.ต.ต.วินัย ทองสอง รองผบช.ก. พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี ผกก.2ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ผกก.3ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผกก.1ป. เป็นพนักงานสืบสวน เป็นต้น
 กองบัญชาการตำรวจสันติบาล มี พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี ผบก.ส.2 พ.ต.อ.สุวรรณ เอกโพธิ์ รองผบก.ส.1 เป็นพนักงานสืบสวน พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.กองตรวจจเร 9 เป็นพนักงานสืบสวน พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รองผบก.พฐ.ก. เป็นต้น
 โดยให้อำนาจหน้าที่คณะพนักงานสืบสวน สืบหาตัวผู้กระทำผิด แสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานเกี่ยวกับเหตุระเบิดการใช้อาวุธสงคราม รวมถึงการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ตลอดจนการก่อการร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นและกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยสามารถเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง แสดงความคิดเห็น ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อรูปคดี เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวน วิเคราะห์ข้อมูลพยานหลักฐานเพื่อเชื่อมโยงการกระทำผิด กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องสาเหตุของการกระทำ และกำหนดแนวทางการดำเนินคดีให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
 พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า การตั้งขณะพนักงานสืบสวนเพื่อสืบหาตัวคนร้ายในคดีระเบิดทั่วประเทศนั้นเกิดขึ้น หลังจากที่ได้เรียกรองผบ.ตร.และผู้ช่วยผบ.ตร.ฝ่ายป้องกันและปราบปรามมาประชุมเพื่อกำหนดนโยบาย โดยเห็นว่า ช่วง 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุระเบิดเกิดขึ้นมากพอสมควร รองผบ.ตร. และผู้ช่วย.ผบ.ตร.จึงได้ระดมความคิดตั้งคณะพนักงานสืบสวนขึ้นมา เพื่อให้การทำงานรวดเร็ว กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนชุดนี้ก็อำนาจในการสืบสวนจับกุม ตามกฎหมาย ป.วิอาญา สามารถขออนุมัติหลายจับและจับกุมได้ ส่วนเรื่องตอหรือปัญหาที่จะทำให้การทำงานไม่ได้คงไม่มี ชุดทำงานก็เดินหน้าทำงานทันที
 พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า สำหรับระเบิดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในขณะนี้นั้น ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือเรื่องของการป้องกัน ส่วนที่ 2 คือการสืบสวนจับกุม ซึ่งในส่วนของการป้องกันก็เป็นการตั้งด่านตรวจ การลาดตระเวน ซึ่งยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำเต็มกำลังความสามารถแล้ว บ้านบุคคลสำคัญก็ดูแลเต็มที่ แต่พื้นที่กรุงเทพฯกว้างใหญ่ จะให้เอาตำรวจไปอยู่ทุกตารางเมตรก็คงทำไม่ได้ ในส่วนที่สอง เรื่องของการสืบสวนจับกุม ก็ดำเนินการอยู่ตลอดจับได้บ้างไม่ได้ได้บ้าง คณะพนักงานสืบสวนชุดนี้ก็ทำงานคู่ขนานไปกับ บช.น.แต่ชุดทำงานชุดนี้จะกว้างกว่า จะทำการเชื่อมโยงเชื่อมต่อไปยังเหตุที่เกิดในต่างๆจังหวัดด้วย
 ผู้สื่อข่าวถามว่า การเกิดเหตุระเบิดสังเกตได้ว่าเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช. พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า อย่าไปสันนิษฐานหรือคาดเดาอย่างนั้น เรายังไม่รู้ว่าอะไร เป็นอะไร และคดีระเบิดไม่ได้เป็นคดีอาญาทั่วไป เป็นคดีที่มีลักษณะพิเศษต้องใช้เวลาในการทำงาน ของให้ประชาชนมั่นใจว่าตำรวจได้ทำงานเต็มที่แล้ว ไม่ได้หยุดพักเลยตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าคนร้ายที่ระเบิดสถานที่ต่างๆนั้นเกี่ยวข้องกับ จปร. รุ่น 20 นั้น ก็เป็นเรื่องของความคิดเห็นเท่านั้นยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้
นครบาลแถลงปรับแผนรับม็อบเสื้อแดง
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. และสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่า ขณะนี้การประชุมที่รัฐสภาได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยมีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น และไม่มีเครื่องกีดขวางใดๆ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณรัฐสภามีทั้งหมด 8 กองร้อย เป็นกำลังตำรวจจากนครบาลและตำรวจจากหน่วยอื่น และยังมีอีก 9กองร้อยอยู่ในพื้นที่การชุมนุมที่พร้อมจะสนับสนุนในกรณีที่มีเหตุ นอกจากนี้ในที่ประชุมศปก.น.ยังได้ข้อสรุปว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของการชุมนุมตั้งแต่เมื่อช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา พบว่าจำนวนของผู้ที่มาชุมนุมนั้นลดน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางวันจะเหลือจำนวนผู้ชุมนุมประมาณ 5,000 คน ส่วนในเวลากลางคืนยอดสูงสุดจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีจำนวน 8,000 คน ดังนั้นจะมีบางจุดในถนนราชดำเนินนอกและเส้นทางต่อเนื่อง แยกสวนมิสกวัน มีจำนวนคนค่อนข้างเบาบาง ก็จะมอบหมายให้ฝ่ายจราจรเข้าไปประสานให้กลุ่มผู้ชุมนุมลดพื้นที่ เพื่อคืนพื้นที่การจราจรให้กับประชาชนที่สัญจรไปมา รวมทั้งเพื่อประโยชน์ของงานกาชาดด้วย
 พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งกรณีที่หน้ามูลนิธิรัฐบุรุษ และระเบิดปิงปองบริเวณท้องสนามหลวง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งหาเบาะแสของคนร้าย โดยเบื้องต้นได้มีความคืบหน้าไปพอสมควร สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ กระเดื่องนิรภัยของระเบิดชนิด เอ็ม 67 จะมีร่องรอยการขูดลบหมายเลข และใช้สีเมจิกสีน้ำเงินระบายทับ ซึ่งเหมือนกับหลายเหตุที่มีการพบกระเดื่อง เป็นไปได้ว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการแจ้งว่า คล้ายกับระเบิดที่พบในรถยนต์ของผู้ต้องหาที่หลบหนี หลังก่อเหตุยิงระเบิดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม
 "สำหรับเมื่อคืนก็มีการจัดงานกาชาด มีประชาชนเข้ามาร่วมงานจำนวนมากพอสมควร แต่มีจำนวนน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ที่ยังไม่สงบ ประกอบกับการจราจรที่เป็นไปอย่างยากลำบาก นอกจากนี้ยังมีเหตุเกิดขึ้น 4 เหตุ เป็นลักทรัพย์ ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำภาพของบุคคลที่มีแนวโน้มที่จะก่อเหตุไปติดที่บริเวณงานกาชาด เพื่อให้ประชาชนได้ระมัดระวัง ซึ่งคนร้ายมักจะเลือกก่อเหตุเหยื่อที่เป็นผู้หญิง นอกจากนี้ยังมีการปรับกำลังบางส่วน หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนขบวนไปที่หน้ารัฐสภา หรือกกต. ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 จัดกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยและทางศปก.น. ก็ได้จัดกำลังเสริมดูแลในบริเวณใกล้เคียง" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
 พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. ยังได้มอบหมายให้รองผบ.ตร. ที่คุมแต่ละภาคมาตรวจเยี่ยมกำลังตำรวจที่ปฏิบัตหน้าที่ในแต่ละหน่วยด้วย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ สำหรับเมื่อคืนที่ผ่านมา มีการปรับจุดตรวจหลายจุด เพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น เนื่องจากมีรายงานว่ามีคนบางกลุ่มไปตามชุมชนต่างๆ ที่มีการติดป้ายข้อความให้ชุมนุมโดยสงบ ไม่ชอบการชุมนุม หรือยุติความรุนแรง โดยคนกลุ่มดังกล่าวจะไปดึงป้ายต่างๆ ออก ซึ่งเกรงว่าอาจจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่พบการดึงป้ายต่างๆ ก็จะดำเนินการจับกุมทันที เพราะถือว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น วันนี้ตั้งแต่เวลา 12.00-17.00 น.จะมีการจัดงานถวายการระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในการถวายการอารักขา ซึ่งอาจจะต้องมีการรื้อเต้นท์ของกลุ่มผู้ชุมนุมในบางจุด ซึ่งขณะนี้คาดว่าน่าจะเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากว่าหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดต้องเข้าไปตรวจหาวัตถุระเบิด ซึ่งทหารกับตำรวจต้องร่วมกันดูแล
 "ส่วนการข่าวที่ว่าที่มีการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยประมาณ 4-5 คน ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้บช.ก.และสันติบาลเป็นผู้ดูแล ส่วนตำรวจท้องที่ในนครบาลจะทำหน้าที่กดดันเฉพาะกลุ่มที่มีการรวมตัวกันขึ้นรถไปก่อเหตุตามที่ต่างๆ เท่านั้น ทั้งนี้จากที่มีการเรียกประชุมระดับผบก. และรองผบก. เมื่อวานที่ผ่านมา ถึงการกำหนดความสำคัญของสถานที่ต่างๆ ทั้งสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง และบ้านพักบุคคลสำคัญ ขณะนี้ก็ได้มีการส่งเรื่องมาถึง พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.แล้วซึ่งมีการจัดกลุ่มสถานที่ที่คนร้ายมักจะก่อเหตุเอาไว้ดังนี้ 1.สถานที่ที่มีเจ้าหน้าที่ทหารรักษาการณ์อยู่ 2.องค์กรเอกชน 3. องค์กรสื่อสารมวลชน 4.องค์กรอิสระ 5. บ้านพักบุคคลสำคัญ ซึ่งตามสถานที่ต่างๆ ทั้งหมดได้มีการวางกำลังอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุต่างๆ ซ้ำซ้อนขึ้นอีก"พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
 รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.น.1 พบว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ทั้งคดีปาระเบิดในจุดต่างๆ ของพื้นที่บก.น.1 และเหตุคนร้ายยิงปืนใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานขาว ปาระเบิดสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ลักษณะการก่อเหตุคล้ายกัน วัตถุระเบิดที่ใช้เป็นชนิดเดียวกัน หมวกกันน็อคสีและแบบเดียวกัน ช่วงเวลาในการก่อเหตุใกล้เคียงกัน และพาหนะก็มีความเหมือนกัน จึงมีการนำภาพวงจรปิดและหลักฐานต่างๆ มาประมวลเพื่อตรวจสอบดูว่าในแต่ละจุดมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ เบื้องต้นกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพของคนร้ายเอาไว้ได้ และเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจับกุมคนร้ายต่อไป








ข่าวที่เกี่ยวข้องจีนกำลังประสบภัยแล้งอย่างหนักในหลายมณฑลสื่อชี้ปัญหาการเมืองไทยฉุดอาเซียน คนสนิทป๋าชี้บึ้มมูลนิธิโชว์ศักยภาพลูบคมรัฐ ชี้ปาบึ้มมูลนิธิป๋าเปรม-ธ.กรุงเทพพันกัน"อภิสิทธิ์"หวังเสื้อแดงรับเจรจารอบ3

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive